ข้อมูลและรูปภาพเกี่ยวกับจังหวัดภูเก็ต

Saturday, April 25, 2009

ชายกับหญิง เป็นเพื่อนกันได้มะ

คำถามน่าสนใจจากน้องนางวัย 18 สอบถามเข้ามาอย่างสอดรู้สอดเห็นเต็มที่ว่า "พี่ค่ะ พี่ว่าผู้ชายกะผู้หญิงเป็นเพื่อนกันได้มะ" ตอนแรกนึกไม่ถึงหรอกว่า หนูจะถามแบบนี้ด้วยแฮะ เพราะใครๆก็รู้กันนี่ว่า ทั้งชายและหญิงสามารถเป็นเพื่อนกันได้สิฮ้า ทำไมจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้ล่ะ แถมผู้ชายกับผู้หญิงบางคู่ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากๆซะด้วย ทว่า น้องคนเดียวกันก็อธิบายขยายความต่อไป ว่า ที่ถามเรื่องผู้ชายกับผู้หญิงเป็นเพื่อนกันได้ไหมเนี่ย? เพราะเห็นหนุ่มสาวหลายคู่เลยตอนแรกๆก็เป็นเพื่อนกันดีหรอก แต่ไปๆมาๆ เวลาผ่านไปไม่เท่าไหร่ อ้าว! ไหง จับคู่เดินกะหนุงกะหนิงประกาศเป็นแฟนกันซะแล้วล่ะ เออ...หยั่งงี้ก็น่าคิดแฮะว่าสังคมของวัยรุ่นหรือสังคมของผู้ใหญ่นี่ พอผู้ชายและผู้หญิงคบกันไม่ทันไร ก็เกิดเหตุการณ์ "รักเพื่อนสนิท" ไปเกือบหมดซะแล้วเรอะ แล้วงี้จะเหลือเพื่อนจริงๆสักกี่คู่เชียวงั้นมาวัดใจของคุณผู้อ่านกันด้วยคำถามไม่กี่ข้อดังต่อไปนี้ดีกว่าว่า คุณกับเพื่อนมีสิทธิ์จะเป็นแฟนกันมะ เพียงตอบว่า ใช่หรือไม่ พอ เริ่มเลย....คุณสารภาพกับคนใกล้ชิดว่า ไม่อยากคว้าเพื่อนมาเป็นแฟนใช่เปล่า?คุณคิดว่า การเป็นเพื่อนทำให้การกลายเป็นแฟนกันไม่มันยกร่องเหมือนได้ปิ๊งรักกับบุคคลภายนอกหรอกใช่มะ?คุณคิดว่า เพื่อนที่รู้จักกันไปซะทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ยังจะเหลืออะไรให้ค้นหาจนเกิดเป็นแรงดึงดูดให้ เป็นแฟนอีกล่ะ เพราะคุณสนใจที่จะเรียนรู้และรู้จักคนใหม่ๆมากกว่านะเซ่...ใช่ม้า?คุณเคยคิดเหมือนกันว่า เป็นแฟนกับเพื่อนได้ แต่ถ้าเพื่อนไม่เล่นด้วยนี่สิ เดี๋ยวจะมองหน้ากันไม่ติด แถมซ้ำร้ายอาจไม่ได้แม้แต่เป็นเพื่อนกันด้วยซ้ำ งั้นใช่ไหม?เอ้า ถามแค่นี้พอ ถ้าหากคุณตอบว่าใช่มากกว่า แสดงว่า คุณยังไม่อยากเป็นแฟนกับเพื่อนหรอก เพราะเป็นเพื่อนกันทุกวันนี้ก็แฮปปี้อยู่แล้วนี่ หนำซ้ำ การที่ผู้หญิงมีเพื่อนต่างเพศก็มีประโยชน์หลายประการนะเอ้า เช่น....1. มีเพื่อนผู้ชายทำให้ได้ทราบ ทัศนคติที่แตกต่างจากฝ่ายหญิงไง เช่น ถ้าอยากรู้ ว่า ผู้ชายมองเรื่องเซ็กซ์กับความเซ็กซี่เป็นไง? (อู้หู กล้าถามจริงๆอ่ะ) ก็จะได้ยินเค้าวิเคราะห์เป็นตุเป็นตะในแง่ชมเชยผู้หญิงไว้ก่อนแหงๆแหละว่า ผู้หญิงทุกคนย่อมมีความเซ็กซี่อยู่ในตัว เพียงแต่ความเซ็กซี่อาจมีไม่เท่ากันและไม่เหมือนกันน่ะซี ความเซ็กซี่ของผู้หญิงบางคนอาจอยู่ที่ดวงตา, ที่เรียวขา และที่ริมฝีปาก หรือที่รอยยิ้ม อีกอย่างผู้หญิงที่ไม่สวยเลยก็สามารถเซ็กซี่ได้ ด้วยการสวมเสื้อรัดติ้ว, นุ่งสั้น, ใส่ถุงน่อง, ไว้ผมยาว, สวมรองเท้าส้นสูง แต่เอ๊ะนี่จะรู้ลึกไปหน่อยแล้วมั้งเนี่ย!2. มีเพื่อนชายไว้ปกป้องคุ้มครองย่อมดีกว่าอยู่แล้วน่าโอเคล่ะ ถ้าคุณจะมีเพื่อนเพศเดียวกันมากกว่าเพื่อนต่างเพศ แต่การมีเพื่อนผู้ชายไว้ไปไหนไปด้วย โดยเฉพาะมีเพื่อนผู้ชายไว้ชวนกลับบ้านในวันที่คุณต้องทำงานจนดึกดื่น เพื่อเคลียร์ งานให้เสร็จตามที่ได้รับมอบหมายไว้ก็ ทำให้คุณใจชื้นขึ้นมามากกว่าที่จะต้องกลับบ้านแต่ โดยลำพังยามค่ำคืนใช่มะ โถ ยิ่งสมัยนี้เศรษฐกิจไม่ดีอยู่ด้วย ขโมยขโจรก็เยอะ ผู้หญิงจึงควรระมัดระวัง ไว้ก่อนน่ะดีแล้ว3. มีเพื่อนชายไว้คอยให้คำแนะนำเรื่องรถ และ เครื่องยนต์เพราะชำนาญมากกว่าสาวๆแน่ ในเมื่อวันๆ ผู้ชายมักหายใจเข้าออกเป็นรถ และรักรถเป็นชีวิตจิตใจนี่หว่า ดังนั้น หากคุณในฐานะเพื่อนเค้า คิดอยากซื้อรถสักคัน ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่หรือรถมือสอง เค้าจะร่ายยาวให้คำแนะนำเรื่องรถยนต์ได้ทุกรุ่นและทุกยี่ห้อทีเดียวเชียว ขอให้มีเวลาฟังเค้าพล่ามเหอะ รับรองจะรู้เรื่องรถมากกว่าเดิม แถมเค้าจะเสนอตัวพาไปเลือกซื้อด้วยกันซะด้วยสิ (ถ้าเมียเค้ายอมนะ ฮ่ะๆๆ พูดเล่นน่า)4. มีเพื่อนชายไว้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพราะบางครั้งคุณอาจต้องการความเห็นที่แตกต่างจากตัวเองก็ได้นี่ ไม่ว่าจะเป็นความเห็นต่อเรื่องงานที่ทำ, คำแนะนำเรื่องเพื่อนๆ, ข้อเสนอแนะเรื่องการมีแฟน เชื่อดิ่ ว่าเพื่อนผู้ชายจะมีความเห็นที่เป็นทีเด็ดแปลกๆ หรือเป็นไอเดียให้คุณได้สะอึก และฉุกคิดในคำพูดที่คล้ายนักปราชญ์ก็ได้ อย่าคิดว่าหนุ่มๆจะเป็นคนทึ่ม, ซื่อ และบื้อไปซะทั้งหมด บางครั้งคำแนะนำของเค้าอาจทำให้คุณตาสว่างต่อสิ่งต่างๆมากขึ้นนะเออแต่ก็อีกละนะ?? ถ้าฝ่ายหญิงมีแฟนเป็นตัวเป็นตน แล้วคิดรึว่า แฟนของหล่อนจะยอมให้เธอ มีเพื่อนผู้ชายได้อีก? เออ คิดบ้างเปล่า? เพราะผู้ชายที่มีแฟนแล้วบางคนก็หวงสาวของเค้าอย่างกะอะไรดี บางทีแค่เห็นแฟนสาวคุยกับเพื่อนผู้ชายก็ไม่ได้แล้ว แหมทำเป็นหึงทำเป็นงอนไปได้ ทั้งที่ไม่ใช่ เรื่องผิดอะไร แต่แฟนหนุ่มมักดื้อหัวชนฝา อยากเป็นชายคนเดียวในชีวิตของหล่อนอยู่นั่นแหละเฮ่อ ถ้าคุณมีปัญหาที่แฟนหนุ่มของคุณเกิด ระแวงขึ้นมาละก็ เอางี้ไหม เพื่อให้แฟนของสาวๆสบายใจ ว่าถึงแม้คุณมีเพื่อนเป็นผู้ชาย คุณก็ยังเลิฟแฟนได้ เพราะสามารถแยกแยะคำว่าแฟนกับคำว่าเพื่อนออกแน่นอนว่าเป็นคนละอย่างกัน! ดังนั้น ถ้าอยากทำให้เค้าสบายใจก็ทำงี้ละกัน จะได้ไม่โมโหหึงและผิดใจกันทีหลัง เช่น...ก. ให้เวลากับแฟนมากกว่าเพื่อนข. ให้ความสำคัญกับแฟนมาเป็นอันดับ 1ค. คุยกันอย่างมีเหตุผลง. มีเวลาปรับความเข้าใจกันในกรณีที่ฝ่ายใดเกิดระแวงขึ้นมา อย่าทำเฉยไม่ดีหรอกจ. ใจกว้างที่จะให้เค้าคบเพื่อนที่เป็นผู้หญิงเช่นกัน (เชอะสาวๆไม่ใจแคบหรอกยะ) หวังว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้คุณกับแฟนหันมาปรองดองเชิงสร้างสรรค์กันซะทีนะฮ้า.

Saturday, April 18, 2009

คุณติดแฟน จนเว่อร์ไปปะ

คุณหนุงหนิงอยู่กะแฟนจนลืมเพื่อนไปรึเปล่าจ้า? ถามไปงั้นแหละเพราะรู้หรอกน่าว่า บางคนไม่ได้คลุกอยู่กะแฟนจนลืมเพื่อนอะไรอย่างที่โดนกล่าวหาหรอก แต่เผอิญพอได้ ใกล้ชิดกะแฟนทีไรก็ไม่อยากห่างหายกันไปไหนเท่านั้นแหละ แหม...ทำอย่างกะว่าตอนนี้แฟนหาง่ายนักนี่ ดังนั้น เมื่อมีเวลาว่างเมื่อไหร่ ถ้าไม่ ติดขัดธุระอันใดก็ต้องทุ่ม (เวลา) ให้กะแฟนอยู่แล้ว

อ้อ แล้วเรื่อง “แฟน” กะ “เพื่อน” นี่ บางคนก็ไม่สามารถแบ่งแยกออกได้แฮะว่า ควรจะให้ความสำคัญกับฝ่ายใดแค่ไหนดี? เพราะบางเวลาก็ใช่ว่าคุณอยากอยู่กะแฟนซะที่ไหน หรือหากพูดให้ตรงเป้าตรงประเด็นไปเลยก็บอกได้ว่า บางสิ่งบางอย่างแฟนก็ไม่สามารถทำได้อย่างที่เพื่อนให้กับพวกเราได้...นี่หว่า เช่น บางคราวนึกอยากไปช็อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าตามตลาดนัด เรื่องเนี้ยคงไม่ค่อยมีใครนึกอยากชวนแฟนไปด้วยหรอก เพราะตลาดนัดหรือตลาดกลางแจ้งน่ะจะให้ “มัน” ต้องเดินกะเพื่อนสิ ถึงเจ๋งเป้ง ถ้าไปกะเพื่อนจะได้ช่วยกันคุ้ยเขี่ยหาสินค้าลดราคา, เสื้อผ้าถูกๆ, รองเท้าจ๊าบๆ แล้วก็เดินไปบ่นไปได้ทั้งวัน รับรองเจ้าเพื่อนวัยซนไม่มีวันบ่นอู้อี้ว่าเหน็ดเหนื่อยแน่นอน เพราะเรารู้นี่ว่ามันก็บ้าสินค้าแบกะดินอย่างนี้เหมือนกัน

ขืนไปกะแฟนจอมสำอาง น่ะเหรอ รับรองเดินกันไม่กี่ก้าวเป็นต้องชวนให้ไปเดินช็อปปิ้งตามห้างสรรพสินค้ากันแหงๆ เอ...แต่ไปกะแฟนแถวๆห้างฯ ก็ดีไปอย่างนะยะ เอ้าถ้าเผื่อเจอของถูกตาต้องใจขึ้นมา คุณก็ออดอ้อนบอกแฟนให้ซื้อให้ได้ ทันที เห็นมะไปกะแฟนก็ดีงี้เอง แต่เค้าจะบ้าจี้ซื้อของที่คุณชอบให้รึเปล่าก็ไม่รู้ดิ่ ได้แต่หวังลมๆแล้งๆไปก่อนก็เอาน่า

เกริ่นมาตั้งนานก็อยากบอกเพียงว่า บางสิ่งบางอย่างเพื่อนก็ทำแทนแฟนไม่ได้ และในทางกลับกัน บางสิ่งบางอย่างแฟนก็ทำแทนเพื่อนไม่ได้ เช่นกัน

เห็นไหมละฮ้าทั้งแฟนและเพื่อนจึงมีความสำคัญพอๆกัน แหม...ใครจะยอมมีแฟน โดยไม่มีเพื่อนมั่งล่ะ เพราะถ้าไม่มีแฟนแต่มีเพื่อนยังดีซะกว่า...อ้าว! โถอ่านแล้วอย่าเพิ่งสับสนไปซะก่อน หมายฟามว่าถ้าเกิดหาแฟนไม่ได้ ขอแค่มีเพื่อนก็อยู่ได้แย้วนั่นเอง

ว่าแต่ พอคุณมีแฟนแล้ว คุณติดแฟนจนเว่อร์ไปรึเปล่าจ๊ะ? แหม...รู้หรอกว่าเป็นปริศนาที่ใครๆก็สู่รู้...เอ๊ย อยากรู้ งั้นมาซอกแซกแอบดูพฤติกรรมของคนติดแฟนกันเถอะ ว่าเค้าเป็นกันอย่างงี้นะ เช่น 1. อยากทำงานที่เดียวกับแฟน

เอ้าก็แฟนทำงานออฟฟิศไหน หนูก็อยากอยู่กะเค้าที่นั่นด้วยคนน่ะซี แต่นี่อาจเป็นได้เพียง “ในฝัน” หรือ “ในความคิด” เท่านั้นก็ได้ พวกคุณคงไม่ได้ทำงานที่เดียวกันแหง เว้น แต่เกิดปิšงรักในที่ทำงานเดียวกัน ก็คงสมใจที่ได้อยู่ใกล้ชิดกันทั้งวันทั้งคืนละสิ อ้อ แต่ไม่ได้ บอกซะหน่อย ว่าทุกคู่ที่พบเลิฟกันในที่ทำงานจะเป็น “คนติดแฟน” เสมอไป

2. คุณมักพาแฟนไปไหนต่อไหนด้วยซำเหมอ ขนาดเป็นวันฉลองพิเศษเฉพาะในหมู่เพื่อนๆ คุณก็ยังพาเค้าไปด้วยจนได้ โอ้โห...ก็คู่ของเค้าธรรมดาซะที่ไหน...ว่าเข้านั่น

3. เค้าชอบทานอะไร คุณก็โอเคตามนั้น เพราะไม่ใช่คนเรื่องมากเรื่องการกินอยู่แล้ว

4. แม้เค้าบอกว่ามีนัดกับเพื่อนเรื่องของหมู่เฮา คุณก็ยังเซ้าซี้ขอไปด้วยอยู่ดี เพราะมั่นใจมากว่า สามารถทำให้เพื่อนฝูงของเค้าไม่ขัดเขินเวลาที่คุณอยู่ด้วยรับรอง

5. คุณดิ้นรนที่จะไปดูเค้าเตะบอลให้ได้ แม้เค้านัดกลุ่มก๊วนของเพื่อนไปเต๊ะบอลกันเฉพาะสมาชิกในทีมก็ตาม แต่คุณก็ยังเจียดเวลาเกาะติดเค้าไปด้วยแทบทุกครั้งสิน่ะ

6. ถ้าแฟนต้องเดินทางไปต่างจังหวัด แล้วหากคุณตามไปด้วยไม่ได้ คุณก็จะให้เค้าโทร. มาหาทุกวันและวันละหลายครั้งด้วย
7. เพื่อนของคุณบ่นอย่างอิดหนาระอาใจเมื่อเห็นคุณพยายามหาวิธีโทรศัพท์ไปหาแฟน อยู่เรื่อยเลย แม้ตอนนั้นเค้ากับคุณแค่ห่างกันเพียงครู่เดียวก็ตาม

8. ถ้าแฟนไม่พาคุณไปงานแต่งงาน, งานเลี้ยงฉลองของที่ทำงานหรืองานปาร์ตี้ที่ไหน คุณก็จะคะยั้นคะยอขอเค้าไปจนได้...อู๊ยจะเป็นฝาแฝดกันเลยว่างั้นเถอะ

9. เวลาเพื่อนๆเม้าท์ถึงการให้อันดับของผู้ที่สมควรได้รับการจารึกชื่อว่า “ติดแฟนเหนียวหนึบ” ละก็...ชื่อของคุณจะถูกเอ่ยมาเป็นอันดับ 1 ชนิดไม่มีชื่อใครมาแซงคุณได้เลยสักคน

10. เพื่อนของแฟนรู้จักคุณครบถ้วนทุกคน เพราะเวลาเค้าไปหาเพื่อนกลุ่มไหน คุณมักไม่พลาดที่จะไปกับแฟนทุกที่ แม้เค้าจะแสดงอาการรำคาญออกมาบ้าง คุณก็ทำเป็นไม่เห็นงั้นแหละ

11. เวลาไปไหนด้วยกัน คุณมักจับมือเค้า เพื่อแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ทั้งๆที่แฟนคุณก็หน้าตาธรรมด๊า ธรรมดา...อู๊ยทำเป็นจงอางหวงไข่ไปได้

12. ขนาดพ่อแม่ของคุณยังบอกเลยว่า ไม่ค่อยมีเวลาให้ท่านเลยนะ เพราะมัวแต่หนุงหนิง

อยู่กะแฟนอยู่นั่นแหละ แต่คุณก็แก้ตัวเรื่อยว่า ไม่ใช่หรอกเป็นเพราะงานยุ่งต่างหาก

13. ถ้าเค้าไม่โทร.มา คุณก็จะโทร.ไปหา ก็แหม คิดถึงนี่นา...แต่ไม่รู้ว่าเค้าจะคิดถึงหรือรำคาญมากกว่ากันน่ะซี นี่ถ้าไม่รู้จักเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ระวังเค้าเซ็งเอานะ

14. คุณหัดเล่นเกมและกีฬาทุกชนิดที่เค้าชอบ...โถแม่คุณลงทุนถึงขนาดน้าน

15. ครั้งสุดท้ายที่คุณเจอเค้า ก็เพิ่งผ่านมาเมื่อวานนี้เอง เอ๊ะ นับไปนับมา รู้สึกเจอกันทุกวันเลย เป็นงี้ก็ทำให้คุณชื่นฉ่ำใจดีหรอก แต่ทางเค้าสิ อยากให้คุณ “ติดหนึบ” หยั่งงี้รึเปล่าน้อ?

Saturday, April 11, 2009

รักยังสดใส ซาบซ่าอยู่ไหม

เอ้า มาดูกันเร็ว ว่าความรักของพวกคุณยังแข็งแรง, แข็งแกร่งและมีความสุขรึเปล่าจ๊ะ? โถถามนี่ เพราะหลายคนที่ยังเป็นโฉด...เอ๊ยโสดคงนึกหมั่นเขี้ยวอยากมีแฟนกะเค้าบ้างน่ะซี

ยิ่งช่วงเทศกาลหยุดยาวเหยียดหยั่งงี้ ก็น่าจะมีวันนึงล่ะ ที่คุณๆทั้งหลายควรอุทิศให้เป็น “วันครอบครัวแห่งความสุขสันต์หรรษา” เมื่อเป็นเช่นนี้จึงอยากฝอยถึงความรักความผูกพันและความมีเยื่อใยกันของคนที่มีความเลิฟให้สมกับเป็นวันแห่งความรักอีกวัน...ท่าจะดี

ว่าแล้วก็อยากชวนให้คุณผู้อ่านลองตอบแบบ สอบถามเพื่อ “วัดอุณหภูมิความรัก” ที่พวกคุณมีต่อหวานใจ และหวานใจมีต่อคุณเป็นการประเดิมก่อนละกัน ซึ่งตามกติกา ก็ขอให้ตอบแค่ว่า ใช่หรือไม่ใช่ และจริงหรือไม่จริงเท่านั้น อย่าซีเรียสอะไรมากเพราะเป็นคำถามขำๆก็งี้แหละ เอาล่ะเริ่มเลยที่ 1. คุณไม่เชื่อเรื่องบุพเพสันนิวาสอะไรหรอก แต่เชื่อเรื่องรักแรกพบมากกว่า เพราะการได้พบกะคนรักของคุณดันเกิดขึ้นอย่างบังเอิญมากๆ แล้วหลังจากนั้นคุณก็ปิ๊งเค้าฉับพลัน ถึงขั้นเก็บเอาไปฝัน และทำให้คุณดิ้นรนที่จะรู้จักกับเค้าให้ได้ ใช่ปะ?

2. ช่วงระหว่างวันทำงานหรือเรียนหนังสือที่ไม่ได้เจอะเจอกัน คุณมักส่งข้อความสั้น (SMS) เป็นการแสดงความห่วงใยบ้างล่ะ, คิดถึงก็บ่อย แล้วไหนจะเป็นข้อความตลก-โปกฮา รวมทั้งเตือนให้เค้าดูแลสุขภาพ อย่างน้อยวันละ 1 ข้อความ ใช่ม้า?

3. เวลาที่คุณเจอสิ่งที่คุณคาดว่าแฟนจะชอบ เช่น เสื้อตัวสวย, ผ้าขนหนูนุ่มนิ่ม, ต่างหูสักคู่, กางเกงในลูกไม้รุ่นล่าสุด, เนกไทสุดเท่ ฯลฯ คุณมักจะซื้อของเหล่านี้ติดไม้ติดมือมาฝากหวานใจอยู่เรื่อย ใช่มะ? ซึ่งการทำเช่นนี้ไม่ใช่การเล่นเกมเป็นเจ้าบุญทุ่มหรอกนะ แต่ทุ่มเทเพราะรักต่างหาก อุ๊ยไม่รู้จะหวานไปถึงไหนๆ ฮาฮา

4. แม้คุณจะมีงานยุ่งวุ่นวายและหัวฟูขนาดไหน แต่ถ้าเค้าเอ่ยปากชวนไปเป็นเพื่อนทำธุระส่วนตัวของเค้าละก็ โอ๊ย คุณงี้จะรีบทำตัวให้ว่างทันทีด้วยการบอกปัดและเลื่อนนัดของคุณ เพื่อไปเป็นเพื่อนเค้าแทน จริงอ่ะ? โห เข้าตำรา “ธุระของเค้าสำคัญพอๆกะของเรา” เชียวเฟ้ย

5. คุณมักทำตัวเป็นนาฬิกาปลุกให้เค้าตื่นไปทำงานหรือไปประชุมให้ทันเสมอใช่ปะ? แหม คุณรู้นี่ว่า เค้าดูแลตัวเองในเรื่องนี้ได้ห่วยมาก จึงอาสาเป็นนาฬิกาปลุกอย่างเต็มใจแทนซะเลย

6. ถ้ามีใครแวะผ่านเข้ามาทักทายคุณ ในขณะที่คุณอยู่กะแฟนพอดิบพอดี คุณไม่เคยเขินที่จะทักทายตอบ แถมยังแนะนำแฟนให้ฝ่ายที่มาทักได้รู้จักซะด้วย อ่ะ ไม่เห็นต้องปิดบังอะไรนี่ เพราะคุณภูมิใจเสนอจะตาย...น้าน ว่ากันเข้าไปนั่น ใช่ม้า?

7. คุณไม่ค่อยตามใจแฟนหรอก แต่แฟนสิ แหม้ ตามใจคุณเหลือเกิน ใช่ป่าว? แต่เอ๊ะ นี่เป็นช่วงเพิ่งข้าวใหม่ปลามันกันรึเปล่าจ๊ะ

8. คุณรู้ใจเค้าไปเกือบหมดซะทุกอย่าง เช่น ชอบสีอะไร, ชอบทานอะไร ดังนั้น หากมีโอกาสได้แวะผ่านไปที่ร้านอาหารที่เค้าโปรดปราน คุณจะเป็นฝ่ายชวนเค้าทานอาหาร แม้ตอนนั้นคุณยังไม่หิวซะหน่อย งั้นเชียว? โห ยอมอ้วนเพื่อเค้านี่ไม่ธรรมดาแฮะ

9. คุณทั้งคู่ยังคงจับมือถือแขน หรือควงกันไปไหนต่อไหนในที่สาธารณะใช่มะ? โอ้โหสวีตกันได้ทุกเมื่อสิน่ะ

10. เมื่อถึงวันครบรอบความรักของพวกคุณเมื่อไหร่ แม้เค้าอาจลืมแต่คุณไม่เคยต่อว่าหนักๆ เพราะเค้ามักหาทางชดเชยให้คุณอย่างจั๋งหนับเสมอ เช่น แอบเข้ามาหอมแก้มยามเผลอ หรือเดินมาหาคุณข้างหลังแล้วโอบกอดบอกว่า ไม่ลืมนะ (แต่เพิ่งนึกได้) อะไรเงี้ยะใช่ม้า?

หวังว่าตอบกันได้ทุกข้อเรียบร้อยแล้วนะจ๊ะ เอาล่ะจึงขอเฉลยเลยว่า หากตอบว่า ใช่ หรือจริง มากกว่าไม่ใช่และไม่จริง ก็ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะความเลิฟของคุณยังเหนียวหนึบและหวานจ๋อยกันอยู่ ก็ขอให้รักษาความรักดีๆ เช่นนี้ไว้นานๆ เพราะไหนๆก็เลิฟกันเข้าไปแล้วนี่หว่า

แล้วหากอยากให้รักของพวกคุณมีดีกรีความเข้มข้นมากกว่านี้ละก็ คราวนี้ก็มีเคล็ดขัดยอก เอ๊ย เคล็ดลับมาเล่าให้ฟังเป็นแซมเปิ้ล ดังนี้...

*อย่าอายที่จะเอ่ยคำว่ารักกับหวานใจ

ในเมื่อผูกสัมพันธ์ทางใจอย่างลึกซึ้ง ก็ควรเอื้อนเอ่ยคำหวานเป็นภาษาดอกไม้ให้กันฟังมั่ง โดยเฉพาะคำว่ารักถือเป็นธรรมเนียมที่คู่เลิฟควรทำเลยแหละ ไม่ใช่มัวอมพะนำหรือลังเลใจที่จะพูด เห็นบางคน โอ๊ยโหยว ใจน่ะรักแฟนแถมยังปรนนิบัติพัดวีไม่ขาดตกปกพร่อง แต่ดันไม่กล้าบอกแฟนว่า รักนะ หรือ รักจัง เพราะเขินหรือกลัวพูดไปแล้วจะเสียหน้ารึไงก็ไม่รุ เฮ้อ ขืนบอก รักแค่นี้ยังอายก็แย่แล้ว ไม่งั้นเค้าอาจคิดเตลิดและระแวงว่า ที่คุณไม่บอกรักเป็นเพราะหมดรักกันแล้วก็แย่ซี

@ รู้จักใช้ภาษากายให้เป็นประโยชน์ผูกใจให้แน่นแฟ้น

แต่การใช้ภาษากายไม่ได้หมายความว่าให้หื่นกระหายนะเฟ้ย นั่นเป็นพฤติกรรมของเฒ่าหัวงูเค้าทำกัน ส่วนคู่รักน่ะมักหาโอกาสเหมาะๆ ลูบหลังลูบไหล่, จับไม้จับมือ, ลูบไล้ใบหน้า, จุมพิตกันที่หลังมือ และอื่นๆอีกจิปาถะ เพราะการทำเช่นนี้สามารถสื่อสารภาษาใจให้รักใคร่กลมเกลียวกันได้แจ๋วดีออก

@ ถ้าผิดอย่าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ควรรู้จักขอโทษ จะทำให้ต่างฝ่ายต่างรู้สึกดีขึ้น

ใครๆก็สามารถพลั้งเผลอทำผิดได้ทั้งน้าน โดย เฉพาะกับคนที่อยู่ด้วยกัน สามารถสร้างเรื่องผิดกติกาสากลของการเป็นคู่รักที่ดีได้เสมอแหละ ดังนั้น หากรู้ตัวว่า เผลอไปทำอะไรผิดขึ้นมาสักอย่าง ไม่ว่าเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยหรือคอขาดบาดตาย ก็ควรรู้จักขอโทษกัน ไม่ใช่ ตัวเองผิดแต่ให้อีกฝ่ายขอโทษแทน เอ๊ะ...มันก็ชักยังไงๆอยู่นะ เอ...เป็นคู่รักหรือคู่กรรมกันแน่ฮ้าเนี่ย.

Saturday, April 4, 2009

อุปสรรครัก

อุปสรรครัก เวลาคนเราเป็นแฟนกัน ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จและสมหวัง “รักแล้วรักเลย” ไปซะทุกคู่ ว่ามะ ฮี่โธ่ ยังเคยเห็นตัวอย่างมาหลายคู่เลยที่รัก... รัก...รักอยู่วันเนี้ย แต่เผลอแป๊บเดียว...เอ้า ไหงเลิกกันซะแล้วล่ะ เอ้...เป็นงี้ได้ไงฟะ แต่บ่นไปงั้นหรอกนะ ใครจะรักจะเลิกกันก็เชิญเถอะจ้า

มาลองพิจารณาสังคมทุกวันนี้ดูดิ่ รู้สึกกันมั่ง รึเปล่า ว่า มีสิ่งที่ทำให้แฟน “ถอยห่างจากกัน” ง่ายเหลือเกิน จึงทำให้ใจคอของพวกเรา (บางคน) ไม่ค่อยอยู่กะเนื้อกะตัว ไม่มั่นคงในรัก คบกันไม่ค่อยยืด แถมบางรายยังชอบปล่อยตัวเผลอไผลไปชอบใจใครๆ แบบทีเดียวหลายคนซะด้วยสิ

เอ้า...งั้นสัปดาห์นี้ มาสำรวจกันดีฝ่าว่า มีอะไรบ้างน้อที่ทำให้คู่เลิฟทำท่าจะไปกันไม่รอด? หรือสุดท้ายก็ต้องเลิกกันในท้ายสุด มั่งก็เข้าท่านะ

เพราะคงไม่มีแฟนคู่ไหนจี๋จ๋าประสารักกันด้วยความราบรื่นตลอดเวลาแหงๆ บางคราคงต้องมีมั่งอ่ะที่ไม่เข้าใจกัน, พูดไม่ถูกหู หรือพูดกันไปพูดกันมา ตอนเริ่มต้นก็พูดภาษาดอกไม้กันดีหรอก แต่ปิดท้าย...ว้าย! ทำไมฟังแล้วแสลงหูจังฟะ เห็นมะโอกาสที่แฟนกันจะเข้าใจผิดน่ะมีเยอะเนอะ

อ่ะ งั้นมาไล่เรียงกันดูเถอะ ว่ามีตัวการอะไรบ้างน้าที่สามารถสั่นคลอน ความรักของคู่เลิฟให้ (เกือบ) ไปกันไม่รอดได้บ้าง เช่น......

1. มีพวกยุให้รำตำให้รั่วอยู่รอบๆตัวคู่รักไงเล่า

สงสัยคู่ของเราจะเป็นคู่กรรมแฮะ เพราะคนที่อยู่รายล้อมรอบเราน่ะเสล่อชอบสอดรู้ สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน แถมแค่นี้ยังไม่พอซะด้วยนะ ยังชอบวิพากษ์วิจารณ์คู่ของเราแบบเสียๆหายๆ ซึ่งไอ้เรื่องที่นำมาพูดน่ะ ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องปั้นน้ำ เป็นตัวทั้งนั้นแหละ หรือถ้ามีความจริงอยู่มั่งก็นิดหน่อย

เหตุนี้ต่อให้ใจของคู่รักมั่นคงต่อกันเพียงใด แต่หากเผลอไผลไปได้ยินได้ฟังไอ้พวกไม่ประสงค์ดี ต่อคู่รักคู่นั้นบ่อยๆ เป็นใจใครก็ต้องหวั่นไหวมั่งละน่า

แล้วสงสัยไหมว่า ทำไมพวกบ้าบอคอแตกเหล่านี้ถึงอยากทำให้คู่ของเราแตกแยกกันนัก? ปุจฉาข้อนี้ก็ง่ายมาก เพราะ พวกนี้เห็นคนอื่นมีความสุขไม่ได้น่ะซี ต้องคอยอิจฉาริษยาคอยตามรังควานไม่ให้คู่รักคู่นั้นแฮปปี้ เอนดิ้ง ไม่งั้นเดี๋ยวพวกนี้จะอกแตกตายกันละมั้ง ถึงต้องคอยเป็นมาร คอหอยและมารความรักคนอื่นเค้าอยู่ได้ ดังนั้น ใจคอของคู่รักจึงต้องหนักแน่นเอาไว้นะจ๊ะ ขืนเต้นไปตามแรงอิจฉาของพวกนี้ ก็เสร็จกันพอดี

2. มีมือที่ 3 โฉบเฉี่ยวเข้ามายั่วกิเลสให้เบรกแตกกันไปข้าง

ไอ้หยา ถ้าขืนความรักของคุณถูกพวกชอบตื๊อ เข้ามากวนประสาททำลายบรรยากาศรักละก็ คู่รักคู่นั้นควรตั้งสติเพื่อรับมือกับ “พวกชอบแย่งแฟนชาวบ้าน” ร่วมกันให้ดีๆนะฮ้า อย่าปล่อยให้พวกชอบทำตัวเป็นมือที่สามใช้มารยาทำทีมากระแซะกระเซ้าและหลอกล่อให้สมาธิของคู่รักฝ่ายใดฝ่ายนึงไขว้เขวหรือตบะแตกเข้าล่ะ เพราะหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหลงละเมอไปกะไอ้พวกนี้เพียงครั้งเดียวละก็ คิดรึว่า ต่อไปอีกฝ่ายจะเชื่อใจคู่รักของตัวเอง...ไม่มีทาง! ดังนั้น หากคู่รักคู่ใดเจอ “พวกชอบรักคนมีเจ้าของ” เมื่อไหร่ ต้องช่วยกันปิดหูปิดตาตัวเอง ไว้ดีๆ อย่าให้มันยั่วยวนจนเอาชนะกิเลสไปได้เชียว

3. ฐานะของคู่เลิฟที่แตกต่างกันจนเว่อร์ ก็อาจทำให้ไปกันไม่รอดได้

เอ้าคิดดูนะ ถ้าฝ่ายชายเป็นหนุ่มชาติตระกูลดี แถมครอบครัวมีตังค์ เกิดไปจับคู่กับสาวชาวบ้านขาย ส้มตำน้ำตกเข้า รับรอง ครอบครัวของพวกเค้าเองนั่นแหละที่จะอึดอัดกับความรักของคู่นี้ โดยเฉพาะครอบครัวของฝ่ายชาย คงพยายามเบรกลูกชายไว้สุดฤทธิ์ เพราะอยากให้ไปรักคนที่มีฐานะใกล้เคียงกับพวกเค้ามากกว่าน่ะเซ่ แต่ว่าไปถ้าเกิดฝ่ายหญิงรวยโคตรเป็นไฮโซละก็ แปลกแฮะที่ฝ่ายชายมัก ได้รับการยอมรับให้เป็นแฟนง่ายกว่าแฮะ ถ้างั้น เวลาจะคว้าใครมาเป็นแฟนควรดูตาม้าตาเรือสักนิดก่อนว่า ไม่ได้มีฐานะต่างกันสุดขั้วเกินไปแน่นะ ไม่งั้นเดี๋ยวรักของคู่นี้จะมีปัญหา เตือนเพราะรักจริงๆนะน้อง

4. แล้วถ้ารักแท้เกิดแพ้ระยะทางขึ้นมาล่ะ ก็มีสิทธิ์ทำให้แตกกระเจิงกันได้

เวลามีความรัก ขอบอกเลยจ๊ะว่า อย่าพยายามแยกห่างจากกันแบบไปอยู่ไกลหูไกลตากันนานๆ... ขอเน้นคำว่าห่างกันนานๆ เชียวนะ เพราะคู่ที่ห่างกัน ด้วยระยะทางเนี่ย มีความเป็นไปได้มากน่ะสิว่า แต่ละฝ่ายจะไปเจอสิ่งใหม่ๆ, บรรยากาศใหม่ๆ, แม้แต่คนใหม่ๆ จนทำให้ “ความรักที่ไม่ค่อยได้เห็นหน้าค่าตากัน” อ่อนพลังลงไปจนแทบไม่เหลือความผูกพันให้กันแล้วน่ะซี

5. ช่องว่างระหว่างวัย ถ้าห่างกันมากไปอาจไม่ใช่รักแท้ก็ได้

เพราะรักต่างวัย ดูไปคล้ายกับผู้ใหญ่แอบมีกิ๊กหรือเลี้ยงเอ๊าะๆไว้เล่นๆซะมากกว่าน่ะสิ แต่แหม เรื่องนี้จะให้ฟันธงไปซะทุกคู่ก็ไม่ได้ เนื่องจากบางคนเค้าชอบมีคู่ใจที่อายุมากกว่าหรือน้อยกว่ากันจริงๆก็มีนี่หว่า โถ...ขอให้ใจเราตรงกัน เรื่องอายุมันก็แค่ตัวเลข 555

6. วันหยุดที่ไม่ตรงกัน แล้วจะแสดงความรักให้ซึ้งใจกันได้ไงวุ้ย

ถ้าคุณทำงานเป็นกะ ส่วนเค้าทำงานตามเวลาราชการ แล้วคุณทั้งสองก็มีวันหยุดไม่ตรงกันซะด้วย เพราะเค้าอาจได้หยุดวันเสาร์อาทิตย์ เดะๆ ส่วนวันหยุดของคุณมีการหมุนไปเป็นวันธรรมดาซำเหมอ นี่ก็เป็นอีก 1 อุปสรรครักนะยะที่ทำให้พวกคุณ ไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวที่จะหนุงหนิงกันเหมือนคู่รักคู่อื่นๆ

ดังนั้น เวลาที่พวกคุณจะได้อี๋อ๋อออเซาะกันแต่ละทีก็ต้องนัดกันให้ดีๆ เพราะเวลาที่มีแตกต่างกัน นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะปรับเข้ากันได้ง่ายๆเลยนะ เหตุนี้ ความเข้าอกเข้าใจกันจึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่บางคู่ ก็บอกชอบนะที่มีเวลาไม่ตรงกันอย่างนี้ เพราะจะได้ ไม่เบื่อหน้ากันอย่างรวดเร็วไง! งั้นขอให้เลิฟกันนานๆนะฮ้า.
คลิก Older Posts เพื่ออ่านหน้าต่อไป