ข้อมูลและรูปภาพเกี่ยวกับจังหวัดภูเก็ต

Saturday, March 28, 2009

ชอบเม้าท์แฟน ด้วยเรื่องอะไรกัน

ชอบเม้าท์แฟน ด้วยเรื่องอะไรกัน ถ้าคุณมีแฟนสักคน แล้วคุณจะเที่ยวเล่าเรื่องแฟนของคุณให้ใครๆฟังไปทั่วมะ? เพราะโดยทั่วไป คนเรามักชอบพูดถึงแฟนนะ ไม่ว่าการพูดถึงนั้นจะเป็นเรื่องดีเหลือหลาย ประมาณสร้างความประทับใจให้คุณอย่างสุดซึ้ง...โอ้ย ชักเคลิ้มแล้วเฟ้ย แต่ มีอีกแหละที่บางคนชอบนำเรื่องที่แฟนสร้างปัญหาหรือก่อเรื่องไม่น่าโสภาสถาพรมาให้คุณกลุ้มใจอยู่บ่อยๆ ใช่ปะ

เหตุนี้แหละ เราจึงโยนคำถาม “หากมีแฟนแล้วคุณจะนำเรื่องแฟนไปพูดให้คนอื่นฟังมะ?” ลองไปถามพรรคพวกสมาชิกชมรมปากไม่มีหูรูด ตอบเป็นแซมเปิลให้ฟังว่า...

*น้องอ้อย วัย 20 ปีเศษ เธอบอกว่า ตอบง่ายมากพี่ ถ้าแฟนดีกับหนูละก็ หนูถึงจะนำเรื่องของเค้าไปเล่าให้เพื่อนสนิทหรือพี่ๆน้องๆฟัง (อ้อ ถ้ามีแฟนเฮงซวยก็จะไม่เล่างั้นสิ) แต่เอ่อ...เผอิญว่าตอนนี้ยังหาแฟนไม่ได้เลยสักคน...งั้นพี่ก็ช่วยหาให้หน่อยซี น่านะ!...แน้...หาเองสิฟะ

*ส่วนคุณโอ วัยเข้าเลข 3 ก็เจื้อยแจ้วจำนรรจาว่า จะเอาเรื่องแฟนไปคุยหรือเปล่า ก็ต้องดูก่อนสิ ว่าเค้าดีกะเราแค่ไหน ไม่ใช่มัวดีกะคนอื่น แต่ลืมดีกะเรา แล้วมันจะเหลือความดี ของแฟนตรงไหนให้เอาไปคุยฟุ้งเฟ้อกะเพื่อนเรอะเพ่?...เอ้าเป็นงั้นไป

*หันมาถามหนุ่มๆมั่ง คุณชัย วัย 26 บอกว่าผมคงไม่บอกให้ใครฟังหรอกครับว่าแฟนผมเป็นคนยังไง คือเรายังคบกันได้ไม่นาน ขืนเอา เรื่องแฟนไปคุยโขมงโฉงเฉง แล้วเกิดไปกันไม่รอด ผมก็หน้าแหกที่นำแต่เรื่องดีๆของแฟนมาคุยให้ฟังสิ...คิดมากไปเปล่าเนี่ย?

*ส่วนคุณบอย ซึ่งไม่อยากบอกว่าตัวเองอายุเท่าไหร่ คงอยากให้เดากันเอาเองมั้ง ยืนยันว่า ถ้าผมจะพูดถึงแฟนละก็ ผมต้องพูดถึงความดีของเค้าก่อนแน่ๆ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กะว่า แฟนผมนั้นเป็นคนดีออกแนวไหน คือ ถ้าแฟนเอาใจใส่ผมอย่างทะนุถนอม ไม่ใช่เอาใจใส่ผมเหมือนอย่างกะเห็นผมเป็นลูกของเธอ ผมก็ยินดีที่จะเล่าให้ใครๆฟังว่า แฟนผมน่ะเป็นคนดี๊ ดี...แหม แฟนนะไม่ใช่แม่ ทำแทนกันไม่ได้ย่ะ เฮ้อ...ไอ้นี่เข้าใจผิดอะไรไปรึเปล่าเนี่ย

เอ้า ไม่ว่าใครจะตอบอะไร แต่ คนที่มีแฟนแล้ว ส่วนใหญ่ชอบนักล่ะที่จะเม้าท์ถึงแฟนตัวเองให้คนใกล้ชิดฟัง ส่วนเรื่องที่นำมาสาธยาย ถ้าไม่เป็นเรื่องที่เข้าข้างตัวเอง แบบว่า เอาความเจ๋งแจ๋วและดีเลิศของแฟนมาเล่า ก็มักนำเอาส่วนที่ “ไม่เอาไหน” และ “ขาดตกบกพร่อง” ของแฟนมาประจานต่อสาธารณชน งั้นเข้าเรื่องที่ใครๆมักจะพูดถึงแฟนกันเลยนะ ได้แก่ แท่นแท้น...

1. ความหน้าตาดี น่ารัก และความเซ็กซี่ของแฟนน่ะสิ

ฮันแน่ คนที่มีแฟนสวย หรือแฟนหล่อ ชนิดหน้าตาดีกว่ามาตรฐานสากลทั่วไปนั้นถือว่า “เป็นต่อ” คนอื่นเยอะเลยนะ เป็นต่อตรงไหนนะเหรอ? อ้าว ก็ตรงที่สามารถนำเรื่องความงามของแฟนมาคุยเป็นคุ้ง เป็นแควกับใครๆได้มากกว่าอ่ะดิ่ โถ ก็คุณภูมิใจที่มีแฟนหน้าตาดีกว่าคนอื่นนี่หว่า แล้วคุณจะหุบปากไม่พูดและไม่เอ่ยถึงเค้าจริงอ่ะ

แถมถ้าแฟนดันเป็นคนเซ็กซี่ หุ่นดีด้วยอีกละก็ เป็นใครก็ต้องรักต้องหลงกันหัวฟัดหัวเหวี่ยงทั้งนั้นแหละว้า มิน่าคุณถึงได้ชอบถ่ายรูปแฟนเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือยิ่งนัก เผื่อกะเอาไว้โชว์ ชาวบ้าน แบบว่า ถ้าใครดันหลุดปากถามเกี่ยวกับเรื่องฟงแฟนของคุณขึ้นมาเมื่อไหร่? แทนที่จะอิดออด ไม่อยากตอบ ตรงข้ามจ้ะ คุณจะรีบโชว์รูปแฟนจากมือถือให้ใครๆดูทันที แถมดีไม่ดีบางคนงี้แทบจะบังคับให้คนอื่นดูภาพแฟนซะด้วยซ้ำ...เอ้า ก็ชั้นมีดีจะโชว์ก็ต้องโชว์ดิ่ ใครจะทำไมล่ะ?

2. ชอบพูดถึงหน้าที่การงานที่เจ๋งเป้งของแฟน

ใครมีแฟนที่มีหน้าที่การงานดี เป็นรัฐมนตรี, กรรมการผู้จัดการ, ผู้จัดการ หรือเป็นหัวหน้างาน มักถูกนำมาเป็นหัวข้อสนทนากับชาวบ้านทั้งนั้นเลย เอ้าคิดดูเดะ คุณไม่อยากบอกให้ใครฟังเหรอว่า แฟนของคุณเป็นนางแบบหรือนายแบบที่มีค่าตัวแพงระยำ...เอ้ย แพงระยับ หรือถ้าแฟนคุณเป็นคนมี ชื่อเสียงในสังคมไฮโซ แบบว่าเป็นทายาทร้านจิวเวลรี่ อะไรสักแห่ง หนำซ้ำมักได้ยินชื่อของเค้าเป็นข่าวอยู่เสมอ แล้วมีรึที่คุณในฐานะแฟนของเค้าจะเก็บความปลาบปลื้มได้ไหว

3. ชอบพูดถึงความประทับใจในตัวแฟนให้คนอื่นฟังอยู่เรื่อย ใช่มะ

ท่านว่าความประทับใจระหว่างกันน่ะเป็นสิ่งที่เก็บกดเอาไว้ไม่อยู่หรอก คนเรามักจะสำลักความสุขแล้วก็คุยให้คนโน้นคนนี้ฟังซำเหมอ ซึ่งเรื่องที่คู่รักจะสร้างความประทับใจให้แก่กันก็มีหลายอย่าง เช่น แอบทำอาหารเช้าไว้ให้คุณหม่ำ ทั้งๆที่เค้าไม่เคยเข้าครัวมาก่อน...แฟนบางคู่แค่นี้เค้าก็ประทับใจกันได้ เออ เอากะเค้าซี ดังนั้น หากท่านใดยังไม่ทราบ จะสร้างความประทับใจให้แฟนอย่างไร? แต่อยากให้ แฟนนำเรื่องของเค้าไปคุยฟุ้งกะคนอื่นมั่งฮี่ (ประเภทอยากได้แต้มนิยมจากคนในสังคม) งั้นลองงี้สิ แจกบ้าน แจกรถ หรือไม่งั้นทุกสิ้นเดือนก็ซื้อทองให้แฟนสักเส้น สองเส้น...ว้ายตายแล้ว! แฟนกระเป๋าหนักหยั่งงี้น่านำไปนินทา เอ้ย คุยให้เพื่อนฟังจริงๆเล้ย

4. เอาลีลาบนเตียงของเค้ามาคุย

อ้าว อย่าคิดนะว่า คนมีแฟนบางคนจะไม่กล้าเอาเรื่องในมุ้งไปเม้าท์ เพราะในกลุ่มเพื่อนสนิทกันมากๆน่ะ อยากแชร์เรื่องในมุ้งให้กันฟังนะตัว ไม่เชื่อดูอย่างหนังเรื่องเซ็กซ์ แอนด์ เดอะ ซิตี้ก็ได้ ที่นำเรื่องบนเตียงมาคุย ส่วนใหญ่มักขอคำปรึกษาหารือจากเพื่อนไงล่ะ เพราะในสนามรักน่ะ ต้องมีมั่งล่ะที่คุณหรือ แฟนจะทำอะไรเปิ˜นและเฉิ่มออกมา แถมบางทีพวกคุณ อาจยังไม่ประสีประสาในเวทีรักซะด้วยซ้ำ ดังนั้น การเสวนาเรื่องนี้ คุณอาจได้บทเรียนใหม่ๆ ไปใช้ในสังเวียนรักเพื่อปรับปรุงลีลาให้เยี่ยมยุทธ์ ไปเลยก็ได้นี่นา ว่าไหมละฮ้า.

Saturday, March 21, 2009

รักต่างวัย จะไปกันรอดไหม

การมีรักต่างวัยนั้น ไม่ใช่ เรื่องแปลกพิสดาร เพราะมีคู่รักน้อยคู่จะตายที่มี อายุเท่ากันเป๊ะๆ แถมไอ้ที่อายุเท่ากันเด๊ะๆน่ะ ส่วนใหญ่ มักเป็นเรื่องบังเอิญซะด้วยนะ ไม่ใช่แฟนกันคู่นั้นเค้าตั้งใจที่จะให้อายุเท่ากันหรอก ดังนั้น โดยปกติทั่วไปคนส่วนใหญ่ย่อมเมียงมองหา “คนเลิฟ” ที่อายุห่างกันไม่มาก ต่างกัน ไม่เกิน 3-5 ปี ถ้าเป็นฝ่ายหญิงก็มักมองหาแฟนที่อายุมากกว่าไว้ก่อน ถามว่า ทำไมสาวๆถึงชอบมีแฟนเป็นผู้ใหญ่กว่าหึ? โถ...ก็นี่เป็น 1 ในสเปกตามคุณสมบัติของแฟนที่ผู้หญิงจำนวนมากต้องการให้เป็นหยั่งงี้น่ะซี เอ้าไม่เชื่อก็ลองไปถามดูละกัน! เพราะสาวๆน่ะ เป็นฝ่ายอยากถูกทะนุถนอมน่ะซี อีกอย่างนะ การที่ฝ่ายหญิงอยากมีแฟนอายุมากกว่าเพราะอยากมีแฟนเป็นคนมีความรับผิดชอบสูงนั่นเอง แต่เท่าที่เห็น คู่รักของสาวๆยุคใหม่ หล่อนชักไม่ค่อยสนใจเรื่องอายุกันแล้วแฮะ สาวบางคนจึงเลือกมีแฟนเป็น คนเลิฟที่อายุน้อยกว่าให้เห็นถมเถ ซึ่งมีทั้งเป็นแฟนกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว จริงๆ (คือต่างฝ่ายต่างก็ยังโสด) ไปจน กระทั่งโมเมคบไว้เป็น “กิ๊ก” ไว้เชยชม (หยั่งงี้บางทีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอาจมีแฟน ตัวจริงอยู่แล้วก็ได้) นั่นก็เอ่อ...เป็นความพอใจส่วนตัว ถ้าคู่นี้เค้าจูนคลื่นกันติดก็บ่เป็นหยั่งดอก ขออย่าให้แฟนจริงจับได้ไล่ทันก็ละกัน เดี๋ยวมีหึงกันบ้านสั่นละยุ่งเลย งั้นเรามาสงสัยกันเถอะ ว่า “รักต่างวัย” จะไปรอดไหมนั่น? แต่ก่อนที่จะตอบได้ เอางี้ก่อนดีก่า ถามว่า ถ้ามี “แฟนเด็กกว่า” นั้นมันดียังไงเหรอ? สาวบางคนถึงได้หลงใหลได้ปลื้มกับเอ๊าะๆนัก บางรายก็หลงใหลได้ปลื้มลืมคนอื่นกันไปเลย 1. สาวใหญ่สารภาพว่า แหมมีเด็กไว้แนบข้าง ก็ได้อารมณ์เดียวกันกับที่ผู้ชายชอบแต๊ะอั๋ง เอ้ย ปรารถนาอยากมีแฟนสาวอายุน้อยกว่านั่นแหละ เพื่อทำให้จิตใจเบิกบาน, กระชุ่มกระชวยและฮึกเหิมไงล้า อันว่าคู่รักต่างวัยที่เป็นสาวใหญ่กับกิ๊กรุ่นน้องน่ะ สังเกตดิ่ว่า ช่วงที่หล่อนมีกิ๊กคราวลูกน่ะ อารมณ์ของหล่อนงี้ เบิกบานลิงโลดแบบที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อน เลยว่ามะ โอ้ย...จะไม่ให้ดี๊ด๊า จี๋จ๋าได้ไง ในเมื่อมีแฟน เด็กกว่าเนื้อเด้งดึ๋งดั๋งกว่า ไม่ใช่เนื้อเหี่ยวๆ และผิวหนัง หยาบกร้านแบบหนุ่มใหญ่นี่หว่า 2. การมีแฟนเด็ก ทำให้หล่อนได้เรียนรู้ สิ่งใหม่ๆ ที่หนุ่มๆมีความสนใจอยู่ในขณะนั้นตามไป ด้วย เช่น จากไม่เคยรู้จักว่า เด็กๆชอบเล่นเกมคอมพิวเตอร์ อะไรกันเนี่ย เพราะหล่อนมีเวลาไปเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ซะที่ไหน โห วัยปูนนี้แล้วจะไปรู้เรื่องจิ๊บๆของเด็กๆรึ แต่พอมีกิ๊กเด็กกว่าดิ่ ทีนี้ล่ะรู้เลยว่า เด็กเค้าไปเที่ยวพับเที่ยวบาร์ ย่านไหนกัน แถมเรื่องกีฬา กีฬาที่ไม่เคยรู้ ไม่ค่อยดู เพราะดูแต่ละคร ทีนี้ก็รู้ล่ะว่า กีฬาอะไร น้า เป็นกีฬายอดฮิตที่หนุ่มรุ่นกระทง ชอบและสนใจเชียร์กันสนั่นหวั่นไหว เอ้า ก็ในเมื่อต่อไปนี้หล่อนต้องเชียร์ด้วยก็เงี้ยะ 3. สาวใหญ่บางรายที่มีหน้าที่การงานดีกว่าและรายได้มากกว่า แต่หันมาชอบเด็กเมื่อวานซืนซึ่งแม้เด็กจะมีรายได้จุ๋มจิ๋มกว่า แต่หล่อนก็โอเคนะ แถมไม่คิดด้วยว่า เป็นภาระสำหรับหล่อนแต่อย่างใด ก็ในเมื่อหัวใจเรียกร้องให้มีรักแบบนี้นี่ แล้วจะ คิดนู่น คิดนี่อีกทำไม โถ...สมเป็นแม่พระมาโปรดเด็กๆ เหลือเกิน...เฮ่อ 4. ทว่าสาวใหญ่บางคนก็อ้างว่าไม่ได้ เลี้ยงต้อยนะจ๊ะ เพราะเด็กที่หล่อนชอบน่ะ มีหน้าที่การงาน และมีรายได้เป็นของตัวเค้าเอง จึงไม่ต้องเลี้ยงดูปูเสื่อกัน เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีรายได้จากงานประจำ แต่เอ้...นี่จะเป็นข้ออ้างให้ “เด็กของหล่อน” ดูดีขึ้นในสายตาคนรอบข้างรึเปล่าไม่รู้สิ 5. สาวใหญ่บางคนให้ทรรศนะว่า การมีแฟนสูงวัยกว่า บางทีก็คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง คุยไม่ถูกคอ แถมทำให้ทะเลาะกันด้วย เอ้าสมมติ ถ้าหล่อนมีแฟนอายุมากกว่า หล่อนก็มักเกรงใจ หากเค้าบอกให้ทำอะไรก็ต้องทำอย่างงั้น หรือเค้ามีความคิดเห็นไปในทางไหน หล่อนก็ขัดเค้าไม่ค่อยได้ เพราะต้องให้เกียรติพี่เค้าก็งี้แหละ ในทางตรงกันข้าม ถ้ามีแฟนเด็กกว่าน่ะเรอะ หล่อนจะมีโอกาสได้แสดงความเห็นของเธอเองเต็มที่ แล้วแฟนเด็กก็มักรับฟังซะด้วย เพราะยอมรับว่า หล่อนผ่านประสบการณ์มามากกว่า ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่า ถึงได้ชอบอยู่กะเด็กมากกว่าไง...ก็หากไม่เจอเด็กเกเรก็ดีไปเนอะ 6.การมีแฟนเด็กอาจดีอีกอย่างตรงที่เด็กๆ เอาอกเอาใจสาวใหญ่เก่งกว่า เมื่อเทียบกับการที่หล่อนจะมีแฟนอายุมากกว่าเธอ ก็ได้นะเฟ้ย เอ...ตกลงแล้ว “รักต่างวัย” แบบนี้จะไปรอดมะ? ของแบบนี้ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของคู่ที่เลิฟกันนี่แหละ เพราะรักแบบไหนก็มีปัญหาทั้งนั้นล่ะวุ้ย ส่วนปัญหาของรักต่างวัยน่ะเรอะก็มี... * ถ้าฝ่ายเด็กเกิดเบื่อสาวใหญ่ขึ้นมาแล้วเกิดอยากไปจีบสาวที่อายุไล่เลี่ยกะเค้าเข้าล่ะ อุ้ยโหยว... หยั่งงี้เห็นทีสาวใหญ่ต้องหาทางแก้ลำ หรือทำใจให้ได้ตั้งแต่แรกคบจริงมะ
* “คู่รักต่างวัย” ย่อมถูกจับตามองจากคนรอบข้างแน่นอน ดังนั้น จึงต้องอาศัยความอดทนให้มาก แม้แต่ครอบครัวของฝ่ายที่เป็นคู่รักต่างวัยเองก็เถอะ อาจไม่เห็นด้วยกับความรักครั้งนี้ก็ได้ แต่ถ้าคู่รักคู่นี้มั่นใจว่าเหมาะสมกันละก็ แล้วอะไรจะไปทำให้คู่รักต่างวัยหวั่นไหวได้ล่ะฮ้า เดินหน้าต่อไปเลย...ลุย!

Saturday, March 14, 2009

แอบรักใคร อยู่หรือเปล่า

คุณแอบรักใครอยู่หรือเปล่า มีเสียงเรียกร้องให้เขียนเรื่อง “การแอบรัก”, “แอบเสน่หา” หน่อยเด้...ฮั่นแน่สงสัยกำลังอยู่ในอาการวูบวาบทางใจ เพราะไปแอบเลิฟใครอยู่อ่ะดิ่ แต่ทำไมต้อง “แอบ” ด้วยล่ะ? แสดงความสนใจจนออกนอกหน้าไปเลยไม่ได้เรอะ?...ไม่ได้กวนนะเพ่ แค่ถามเฉยๆ

แต่เอาเถอะ ถ้าอยาก “แอบรัก” ซะอย่าง ก็เป็นหัวข้อน่าสนใจ

อันว่า “การแอบรัก” เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ ย่อมเคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาแล้วทั้งนั้น บางคนงี้ โอ้โห แอบรักใครสักคนมาเป็นปีๆ ก็ยังรักคนนี้อยู่ไว้ไม่เลิก ส่วนบางรายแอบรักซัมวัน (บางคน) ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่า เค้ามีเจ้าของอยู่ทนโท่ ก็ยังไม่วายเลิฟ “แฟนของคนอื่น” มีไรปะ

โถใครจะไปกล้ามีอะไรล่ะ มีแต่จะเชียร์ให้คุณรักเค้าต่อไปสิไม่ว่า เพราะความรักเป็นสิ่งดีเลิศประเสริฐศรี หนำซ้ำความรักก็ทำให้คุณอดทน อดทนที่จะรักเค้าข้างเดียวต่อไป 555 ซึ่งจะนานแค่ไหนก็ไม่รู้ แต่เอ๊ะใจจริงจะไม่ยอมบอกฝ่ายนั้นเรอะว่า รัก...ฮ้า

ดังนั้น การแอบรัก จึงเป็นอะไรที่บางคนยอมรับว่า ทำให้มีความสุขทางใจ, แอบรักแล้วมีความสุขเล็กๆ แม้จะจี๋จ๋ากันได้แต่เพียง “ในฝัน” เท่านั้น แต่เชื่อมะ แค่เนี้ยะก็ทำให้คุณแอบยิ้มที่มุมปากและมีความสุขได้ทั้งวันเลยเชียวล่ะ
แถมมีรักแบบนี้ก็แปลกด้วยนะ เพราะทำให้ คนที่มีอาการแอบแฝงประมาณนี้ มีพฤติกรรมประหลาดๆ จนแม้แต่ตัวเค้าเองก็ไม่อยากเชื่อว่า ชีวิตนี้จะทำเข้าไปได้! เช่น ตามไปถึงบ้านของคนที่ตัวเองสนใจแล้วก็มองบ้านเค้าอยู่นั่นแหละ.... ได้เห็นบ้านไม่เห็นคนยังดีกว่าไม่ได้เห็นอะไรเลย... มีงี้ด้วย

ส่วนทำไมต้องแอบรักด้วยว่ะ อ๋อ...ต้องมีสาเหตุให้เปิดเผยไม่ได้ดิ่ เช่น...

1. คนที่ถูกแอบรัก อาจมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วก็ได้ ฉะนั้น คุณ0ที่ไปเลิฟเค้าจึงได้แต่ซุกซ่อนความรู้สึกดีๆที่มีให้เค้าเอาไว้ในใจ เปิดเผยไม่ได้ และไม่กล้าแสดงออกมาก จึงเก็บกดความรักที่มีให้กะคนคนนั้นเอาไว้ ไม่ให้แฟนตัวจริงรู้ อ้าวไม่งั้นมีสิทธิ์ได้เปิดฉากกังฟูไฟติ้งกันแหงๆ

2. ในทางกลับกัน ไอ้คนที่ไปแอบรักเค้านั่นน่ะมีแฟนแล้วน่ะสิ ดังนั้น พอไปชอบใครเค้าเข้า โอ้ย...หัวใจจึงแทบสลาย ได้แต่พูดกับใจตัวเองว่า ไม่น่ามีแฟนเร็วนักเลยกู แหม รู้งี้ชะลอการมีแฟนเอาไว้ก่อนก็ดี จะได้วิ่งตามจีบคนที่แอบรักอย่างออกนอกหน้าได้ เฮ่อไม่น่าเลยเรา

3. แอบรักคน (ที่รู้สึกไปเองรึเปล่าก็ไม่รู้นะว่า) ไม่คู่ควรกะเค้า เลย ได้แก่ รักเค้าแต่เพียงในใจอยู่นี่ไง แต่ความจริงน่ะ อยากให้รักมันกระโดดโลดเต้นออกมานอกใจจะตายอยู่แล้ว

ทว่า ในเมื่อสะเออะไปแอบรักเค้าแล้วนี่ ก็ต้องยอมรับผลพวงของความเลิฟที่แอบรักเค้าอยู่ในใจไปตามระเบียบ โดยเฉพาะพวกที่แอบรักแล้วรู้สึกเฮิร์ต (ทุกข์ระทม) กับอาการรักเค้าข้างเดียว ซึ่งมีให้เห็นเยอะเลย ดังนั้น จึงเป็นที่มาของข้อเสนอแนะในสัปดาห์นี้ไงฮ้าว่า หากคุณไปแอบรักใครเข้า แล้วจะทำอย่างไรดี? มีช้อยส์ให้เลือกหลากหลาย เช่น....

1. ถ้าคุณตัดสินใจแน่วแน่ ว่าขอแค่รักเพียงในใจก็พอ และไม่ประสงค์อยากได้อะไรจากเค้ามากไปกว่านี้...โอ้โห หากทำได้ก็ขออนุโมทนาสาธุด้วย เพราะน้อยคนจะทำได้


แสดงว่า คุณให้ความสำคัญกับนิยามความรักที่ว่า รักเป็นสิ่งที่สวยงามและไม่ยึดติด แถมอยากให้คนที่คุณเลิฟได้รับแต่สิ่งที่ดีๆในชีวิตซะด้วยซ้ำ ดังนั้น เมื่อคุณไม่สามารถอี๋อ๋อพูดภาษาดอกไม้กระซิกกระซี้รักด้วยกันได้
ก็ไม่แนะให้คุณตัดใจไปจากเค้าที่คุณแอบรักซะเลยนะ แต่อยากส่งเสริมให้รักเค้าต่อไปโดยไม่จำเป็นต้องให้ “ใครคนนั้น” เค้ารู้ก็ได้นี่นา

“ความรักคือการเสียสละ” อู้หู มันช่างตรงเผงกะข้อนี้เลย...ยะฮู้

2. หลังจากคุณไม่ยอมเปิดตัว แต่คุณยังอยากเห็น หรือจำเป็นต้องเห็น “คนที่คุณแอบรัก” เนื่องจากสถานการณ์บังคับ เช่น ทำงานที่เดียวกัน หรือคุณกับเค้าต้องขึ้นรถตรงป้ายรถเมล์เดียวกันเป็นประจำ, อ่ะ ไม่งั้นก็ดันใช้ที่จอดรถที่เดียวกันนี่สิ

โอ้ยโหยว เป็นอย่างงี้ยิ่งทำใจลำบาก เพราะต้องเห็นกันบ่อยๆ แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อคุณเป็นพวกมองโลกในแง่ดีซะอย่าง จึงเชื่อว่าคุณจะทำให้ “การแอบรัก” เป็นสิ่งดีขึ้นมาได้แน่ๆ ก็ในเมื่อเป็นอีแอบไปแล้ว อย่านิ่งดูดายช่วยดูแลเทกแคร์แบบไม่ให้เค้ารู้ตัวซะเลยซี เอ้า ก็ในเมื่อมันเป็นความสุขเล็กๆ เอื้ออาทรกันแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้ละเนอะ

เช่น ถ้าคุณขับรถมาถึงที่ทำงานก่อน ก็คอยสอดส่ายสายตามองหา “ที่จอดรถดีๆ” เผื่อไว้ให้เค้าหน่อยสิ หรือไม่งั้น ถ้าคุณรู้ว่าเค้าชอบทานขนมอะไร? คุณอาจซื้อของติดไม้ติดมือมาฝากเค้าบ้างก็ได้ แต่บอกกับเพื่อนร่วมงานว่า ซื้อขนมมาฝากพวกเค้าแล้วให้แบ่งๆกันทาน ทำอุบอิบแบบไม่เจาะจง เค้าของคุณจะได้สบายใจไม่ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านไง

3. ถามตัวเองบ้างว่า คุณพอใจที่จะแอบรักเค้าหยั่งงี้ต่อไปเรื่อยๆมะ?

ถ้าคุณเองมีพันธะทางใจอยู่แล้ว คุณคงพอใจกะการแอบรักแบบไม่มีจุดหมายงี้แหงๆ แต่ถ้าต่างคนต่างโสด เพราะไม่เห็นเค้ามีแฟนนี่หว่า (แต่เช็กให้ ถ้วนถี่ซะก่อนเหอะ) หากคุณอัดอั้นมากและอยากบอกเค้าว่า คุณชอบเค้านะ...ก็เอาเลยเพ่ ยอมหน้าด้านพูดกะเค้าเลย

บางทีคุณอาจได้คำตอบแบบคาดไม่ถึงจากเค้าก็ได้ เช่น ถูกปาข้าวของใส่ (ไล่ซะเลย), ถูกด่าไม่รู้จักเจียม, เค้าบอกว่ามีแฟนแล้ว หรือเค้าอาจรู้สึกดีกับคุณมาตั้งนานแล้วก็ได้...ว้าย! รู้งี้จีบซะตั้งแต่แรก ไม่ต้องแอบรักก็คงรู้ใจกันไปนานแล้วสิฮ้า.

Saturday, March 7, 2009

ทนได้ไหม ถ้ามีแฟนเจ้าชู้

พูดถึงความ “เจ้าชู้” หลายคนโบ้ยว่าก็เห็นเป็นกันได้ทุกคนนั่นแหละ แต่คนไหนล่ะจะมีดีกรีของความเจ้าชู้อยู่ในระดับรุนแรง รุงรัง และเยื้อยื้อขนาดไหน ตรงนี้ต่างหากที่น่าสนใจ

แล้วพอไปถามใครต่อใครว่า เป็นคนเจ้าชู้รึเปล่า? อู้ย...มักได้คำตอบในเชิงปฏิเสธนะสิยะ เฮ่อ.... ไม่ยอมรับความจริง หรือคิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นแบบนี้จริงๆ....ก็บ่ฮู้

แต่เป็นไงเป็นกัน คราวนี้อยากทราบแหละกันว่า คุณจะทนได้ไหมหากมีแฟนเป็นคนเจ้าชู้? ไอ้หยา ถามอะไรในลักษณะขวานผ่าซากหยั่งงี้นี่! ซึ่งก็ได้คำตอบไปต่างๆนานา ดังนี้....หนูหนิง วัย 28 ปี ตอบ “ได้เจ็บ” แบบทีเล่นทีจริงว่า ถ้ารู้ว่าแฟนเจ้าชู้จะไม่ยอมแน่ๆ แต่ถ้าหนูเจ้าชู้เองสิ หากเค้าทำเคือง, พูดมากหรืองอนใส่ เป็นได้เห็น ดีกัน
....โอ้โห...โชว์ความเป็นเจ้าแม่ตัวจริงเสียงแท้ ออกมาเลยวุ้ย ว่าแต่ที่พูดเนี่ย ทำจริงรึเปล่าจ๊ะ

ส่วนน้องฝน วัยไม้ใกล้ฝั่ง...เอ๊ย...วัยไม่เกิน 30 ขวบ กลับให้ความเห็นอีกมุมว่า ใครจะไปอยากมีแฟนเจ้าชู้...ถามได้ แต่เรื่องจะไปห้ามแฟนไม่ให้เจ้าชู้เป็นเรื่องยากมาก (ขนาดนั้นเชียว เอ้าเชื่อเค้าหน่อย) “ขอเพียงอย่าแสดงว่า เจ้าชู้สุดลิ่มทิ่มประตู หรือหลีคนอื่นเว่อร์เกินไปละกัน ไม่งั้นคงทนกันไม่ได้ ตรงข้าม หากเค้าเจ้าชู้เล่นๆ หรือเจ้าชู้เป็นบางครั้งบางคราวก็ยังพอหยวนๆ กันไป”....เอ่อ แล้วจะรู้ได้ไงละเนี่ยว่าแฟนของน้องน่ะทำเจ้าชู้เล่นๆ หรือเจ้าชู้ไปงั้นเองอ่ะน้อง

ด้านหนูอ้อย วัยเลยเลข 3 ไปเล็กน้อย อธิบายแบบฟันธงว่า ถ้าตอนควงกันก็จับได้ไล่ทันแล้วว่าเค้าเจ้าชู้ละก็ คงไม่ทู่ซี้หลงลมปากยอมเป็นแฟนกะเค้าหรอก “แต่การคบหากันของหนุ่มสาวส่วนใหญ่ไม่งั้นซิ....เพราะไอ้ตอนคบกัน อีกฝ่ายไม่ยักกะแสดงความเจ้าช้งเจ้าชู้ให้เห็นแฮะ ตรงข้าม เมื่อเป็นแฟนกันแล้วดิ่กลับ ‘ออกลาย' เสือผู้หญิงออกมาเชียว” หยั่งงี้ก็ต้องอยู่ที่ดวงใครดวงมันแล้วละ ว่าจะตาถั่วหรือตาถึงเลือกใครมาเป็นแฟน เพราะเราจะไปรู้อนาคตได้ไง ถ้าอยากมีแฟนก็ต้องเสี่ยงดวงเอาละกัน....ฟังเข้าท่าน่าเลื่อมใส คงมีประสบการณ์เพียบเลยละซิ

เอ้า...ให้โอกาสหนุ่มๆ แสดงความเห็นกันมั่ง หนุ่มเอบอกได้กวนประสาทมากว่า ใครจะเจ้าชู้ยังไง ก็ไม่รู้สิ แต่ผมไม่เจ้าชู้ละกัน มีแฟนแค่ 2-3 คนเอง...คงน้อยไปใช่ไหมเพ่

ส่วนแจ๊คหนุ่มหน้าตาดี ดันถามกลับว่า ถ้าเห็นสาวสวยแล้วอดหลีไม่ได้...แบบนี้ก็ถือว่า เจ้าชู้ มะ? “แหมทีผู้หญิงบางคนยังมาว่านเสน่ห์ผมก่อนเลย แล้วผมก็รู้ซะด้วยนะว่าหล่อนควงคนอื่นมา” เอองั้นเอาเป็นว่า ฝ่ายหญิงก็เจ้าชู้เป็น จะหมายความตามนี้หยั่งงั้นล่ะซี!

แต่แหม....หากพูดถึงความเจ้าชู้ของผู้หญิงละก็ ยังไง้ยังไงก็คงกล้าแหกด่านไปจี๋จ๋าเจ้าชู้กะคนแปลกหน้าน้อยกว่าฝ่ายชายละมั้ง เพราะฮอร์โมนขับดันในด้านนอกใจนอกกายน่ะไม่น่าแข็งแกร่งกว่าหนุ่มๆนะ ยกเว้นกรณีที่สาวๆดันรู้ซะก่อนว่าแฟนของหล่อนมีพฤติกรรมเป็นอื่น หรือซุกซ่อนใครอื่นไว้ ก็เป็นไปได้ที่หล่อนจะน้อยใจจนอยากหาที่ “ซับน้ำตา” และ “ที่พักใจ” ใหม่ๆเป็นธรรมดา

ว่าแล้ว ก็มาเช็กตัวเองกันดีฝ่าว่า คุณอยู่ในข่ายที่จะเป็น 1 ในสมาชิกชมรมคนเจ้าชู้หรือไม่? กันเหอะ ด้วยการตอบคำถามต่อไปนี้ เพียงแค่ตอบใช่หรือไม่ใช่ เท่านั้นพอ เช่น....

1. คุณชอบไปงานปาร์ตี้เพราะชอบพบปะผู้คนหน้าใหม่ๆ ใช่ปะ?

2. คุณมีประวัติเรื่องการผ่านความรักมาอย่างโชกโชน หรือมีอดีตรักให้พูดถึงมากมาย แบบว่าอย่างน้อยก็น่าจะมีกิ๊กเป็น 10 คนขึ้นไปใช่มะ?

3. คุณเคยลืมตัวหลุดปากเรียกชื่อแฟนเป็นชื่อของคนอื่นบ้างม้า?

4. คุณคิดว่าความรักคือการแบ่งปัน ไม่ใช่ การเป็นเจ้าข้าวเจ้าของงั้นเรอะ?

5. คุณไม่ได้มองว่า ความรักเป็นเพียงเรื่องของคนสองคน แต่เป็นเรื่องจี๋จ๋ากันทีเป็นกลุ่ม อย่างงี้ปะ?

6. คุณมีพรสวรรค์ด้านการพูดภาษาดอกไม้ แถมชอบพูดกับเพศตรงข้ามชนิดพูดคำแล้วปล่อยคำชมไปเป็น 10 หรือคอยป้อยอเอาใจ โดยไม่มีคำกระแหนะ-กระแหนให้ได้ยินสักแอะใช่มะ?

7. คุณชอบแต่งตัวชนิดขอเท่ไว้ก่อน เมื่อต้องไปงานปาร์ตี้ทุกทีเลยใช่ม้า?

8. คุณสนใจแต่คนที่หน้าตาดีเท่านั้น ส่วนคนที่หน้าตาธรรมดากลับไม่สามารถดึงดูดให้ คุณอยากเข้าใกล้ได้แฮะ ใช่มะ?

9. คุณชอบใส่แว่นกันแดดซำเหมอเลย แม้อยู่ในที่ร่มก็ยังใส่แว่นเพื่อสร้างความเท่ให้ตัวเองอยู่ได้จริงอ่ะ?....อ่ะขอแซวหน่อยเหอะว่า บางคนใส่แว่นกันแดดที่ไม่รับกะใบหน้า ก็ไม่เห็นทำให้ตัวเองดูดีขึ้นมาเลย ตรงข้ามกะบางรายถ้ายิ่งไม่ใส่แว่นกันแดดดิ่...โอ้ยโหยวดูไม่จืดเชียวฮ้า

10. คุณเคยโดนตามรังควาน ตามตบ, ตามทุบ, ตามถองและตามเหยียบ เพราะเผอิญไปทำกุ๊กกิ๊กจุ๊กจิ๊กกะคนที่มีแฟนแล้ว และเจ้าของเค้าดันรู้เข้าน่ะสิ แต่ด้วยความเป็นคนเจ้าชู้ “มืออาชีพระดับนี้” แล้ว จึงรู้สึกว่าเวลาโดน “ยำทีน” ก็เป็นเรื่องธรรมดา ใช่เรอะ?

เอาล่ะ หวังว่าทุกท่านคงตอบกันได้ครบถ้วน (บางคนไม่ต้องตอบอะไรกลับรู้ใจตัวเองตั้งแต่แรกใช่ปะว่าชอบขายขนมจีบ เพราะจีบคนอื่นแหลกลาญมานานแค่ไหนแล้ว อิอิ) ซึ่งหากคุณตอบใช่มากกว่าไม่ใช่ เพราะอ่านแล้ว เออแฮะ เราทำตัวเหมือนยังงั้นเลย

ก็ขอมอบประกาศนียบัตรเพื่อรับรองว่า คุณได้รับเชิญให้เข้ากลุ่มจอมเจ้าชู้เป็นที่เรียบร้อย ดังนั้น ถ้าท่านใดปลื้มใจกับพฤติกรรมสำเริงสำราญนี้ก็เชิญเถอะฮ้า แต่ระวังจะไม่มีวันเจอ “รักแท้” นะยะ.
คลิก Older Posts เพื่ออ่านหน้าต่อไป