ข้อมูลและรูปภาพเกี่ยวกับจังหวัดภูเก็ต

Saturday, December 20, 2008

เกิดวันไหน รักเป็นอย่างไร?

เพราะความรักมีความหมายกับทุกคน ทว่า ความรักของแต่ละคนอาจมีความหมาย และความสำคัญไม่เท่ากัน เช่น รักหมายถึง การอยู่ด้วยกันตราบชั่วนิรันดร์ ตราบที่ชั้นมีลมหายใจ ขอให้ เหมือนเดิม ขอให้เหมือนเดิม (ร้องเป็นเพลงได้เลย)--รักคืออยากตื่นขึ้นมาทุกเช้าแล้วได้เห็นหน้าคนรักทุกวี่ทุกวัน--รักคือสีชมพู--รักคือ หลอกใจตัวเองไม่ให้รักเค้า แต่ทำไม่ได้สักที (สมน้ำหน้า เอ้ย น่ารักจังจ๊ะ)--รักคือความหลอกลวง--รักคือยาพิษ--รักคือ ขอให้คนรักหล่อเทพแบบพระเอกแวมไพร์ ทไวไลท์ทีเถิดเพี้ยง! และอีกมากมายไปจนกระทั่ง รักคือ ความเข้าใจ ฯลฯ อู้ย...นิยามรักมีมากจริงๆ สาธยายไม่หมด เพราะจะเก็บไว้ฝอยต่อในวันวาเลนไทน์ต่างหากล่ะ ชะชะช่า เหตุนี้ จึงขอสาระแนเรื่อง วันเกิด (เช่น คุณเกิดวันจันทร์, อังคาร, พุธ, พฤหัสบดี, ศุกร์, เสาร์ หรือวันอาทิตย์) กับความรัก น่าสนใจจริงจริ๊ง อีกอย่างหากไม่มีใครสนใจ ก็ช่วยไม่ได้ เพราะผู้เขียนสนใจซะอย่าง ถึงไงก็ยัดเหยียดให้อ่าน มีไรปะ แต่บอกก่อนว่า นี่เป็น Forward mail ที่เป็นอีเมล์ที่เพื่อนเลิฟส่งมาให้ งั้นมาเปิดโผกันเร้ว ว่าใครเกิดวันอะไร?

เกิดวันจันทร์
มีดวงเกี่ยวกับความรักลึกซึ้ง ไม่เพียงหวือหวาเร้าใจตื่นเต้นเร่งรัด เอ้ยเร้าใจเท่านั้น (คือ ถ้าเร่งรัดน่ะ ไม่ว่าเกิดวันไหนก็เร่งรัดอยากเป็นของเค้าทุกวันกันอยู่แล้วใช่ม้า 555) ด้วยธรรมชาติ และพื้นดวงที่เป็นคนช่างคิด, ช่างตริตรองจนเหงือกแห้ง ดังนั้นในเรื่องความรัก จึงต้องมั่นใจก่อนที่จะเอื้อมมือไปคว้าใครคนนั้นที่ชอบ- -มาแนบใจ แถมเสน่ห์ที่โดนใจของคนเกิดวันจันทร์อยู่ที่ศิลปะในการพูดๆๆๆ พูดจนลิงหลับ จึงทำให้ใครๆ หลงจนเคลิ้มได้เสมอ หนำซ้ำยังเป็นคนฉลาดมีไหวพริบ ซึ่งนี่แหละที่เป็นจุดเด่นทำให้คนรอบข้างชื่นชมเป็นพิเศษ คนวันจันทร์ยังเป็นคนชอบสนุก โธ่...ที่จริง คนที่เกิดวันไหนๆ ก็รักสนุกทั้งนั้นแหละโว้ย แต่จะรักสนุกมากหรือน้อยก็ว่ากันตามภาระหน้าที่ย่ะ

เกิดวันอังคาร
คนเกิดวันนี้มีหัวใจกล้าได้ กล้าเสีย ส่วนความรักถือว่า เสี่ยงเป็นเสี่ยงกันตามประสาคนชอบสนุก และเจ้าสำราญ คนวันนี้เป็นคนเจ้าชู้ แต่จะเจ้าชู้ขนาดไหน? หรือมีระดับ แม่พวง มาลัย หรือพ่อพวงมาลัยกี่มากน้อยไม่รู้ล่ะ เหตุนี้คนเกิดวันอังคารจึงมีดวงในเรื่องความรักที่ กระโดดเอ๊ะไม่ใช่...แค่มีความรักที่โดดเด่น แถมได้พบรักเสมอ และมักปิ๊งคนเด่นๆ ที่ดูดีกว่าใครในกลุ่ม...งั้นเชียวเหรอ? ส่วน “คนเชยๆ” ไม่ใช่คนแบบที่คนวันอังคารสะดุดตาแน่นอน อึ๋ย!

เกิดวันพุธ
เป็นคนที่มีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เข้ามาพัวพันเสมอๆ....โอ้โฮเฮะ! เพราะดาวพุธเป็นสัญลักษณ์ ของดวงดาวประจำเทพีแห่งความรัก ดังนั้นหากผู้หญิงเกิดวันพุธก็จะเป็นคนรักสวย รักงามเป็นพิเศษ ส่วนหากเป็นชายก็สำอางไม่เบา
ดังนั้น ถ้าหนุ่มคนใดบำรุงผิวหน้าด้วยโลชั่น หรือพรมน้ำหอมเสมอก่อนออกจากบ้านก็นั่นแหละเป็นคนวันพุธล่ะ แถมเป็นคนละเมียดเป็นที่สุด ยิ่งกว่าคนเกิดวันอื่นๆ แต่ด้วยความที่รักตัวเองมาก หลงตัวเองก็ด้วย จึงต้องการให้ที่รักของเค้าต้องทุ่มเทรักให้สุดหัวใจนั่นแหละ เค้าถึงเออออตามไปด้วย แล้วถ้าไม่รักสุดๆล่ะ จะทำไงดีฟะ

เกิดวันพฤหัสบดี
คุณไม่ต้องห่วงเรื่องของรัก เพราะเป็นเรื่องดี๊ ดี ที่มีเรื่องความรักค่อนข้างเจ๋ง แต่... แต้...แต่พื้นฐานนิสัยเป็นคนห้าวหาญวู่วามและตรงไปตรงมาจนน่าถอยห่าง.. .แล้วจะให้บอกต่อไหมเนี่ยว่าคนรอบข้างจะชอบหรือไม่? เอาเป็นว่าเสน่ห์ของคนวันพฤหัสฯมีเสมอกับเพศตรงข้ามละกัน ทำให้ไม่มีช่วงใดที่ไร้คู่นาน นอกจากบางช่วงยังไม่คิดถึงเรื่องนี้จริงจังก็เป็นโสดไปก่อน...แต่น่าอิจฉานะจ๊ะ แถม โห ยังเป็นคน “เจ้าชู้แค่อารมณ์” เท่านั้น ไม่ได้เจ้าชู้เป็นกิจวัตร...เอ่อจริงเรอะ?
อีกอย่าง ท่านว่า คนเกิดวันพฤหัสฯ เป็นคนแข็งนอก อ่อนใน และมี ดวงแบบตกหลุมรักเมื่อแรกสบตาได้มากกว่า คนเกิดวันใด... ฮันแน่ ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย

เกิดวันศุกร์
ไม่แสดงออกถึงความเจ้าชู้เด่นชัดอย่างคนวันอาทิตย์...อ้าว! แต่จริงๆ แล้วเป็น “คนเจ้าชู้ เงียบ”...นั่นๆ ชอบแอบโปรยเสน่ห์บ่อยๆ และมีคนตกหลุมหลงปลื้มซะด้วยดิ่ แล้วคนวันศุกร์นะดันชอบทำตัวน่ารักอีก แต่ถ้าเริ่มคบหา จริงจังกับหวานใจแล้ว จะแสดงความดื้อออกมาให้เห็นทันที...ดื้อยังไงล่ะตัว? ดื้อแบบอยากเจอไม้เรียวอ่ะป่าว

คนเกิดวันเสาร์
คนเกิดวันนี้ควรสาธยายเป็นพิเศษ เพราะใครๆ ที่มาชอบคนวันเสาร์ มั่นใจได้เลยว่า เป็นคนรักที่ดี หนำซ้ำยังมีทั้งความเอื้ออารี, มีน้ำใจ, เป็นคนสติปัญญาดี และยุติธรรม ซึ่งคนส่วนใหญ่ยอมรับและชื่นชม...เอ๊ะดีเกินเหตุไปเปล่า?
ทั้งยังเป็นคนรักจริงและเกลียดจริง ถ้าเกลียดใครก็ไม่เสแสร้งคบหาต่อไป...มันสะใจ...ไหมน้อง...อิอิอิ

เกิดวันอาทิตย์
มีชะตาในเรื่องรักค่อนข้างดี ไม่ค่อยมีปัญหาปวดหัวใจ จนเดือดร้อนเพราะเรื่องความรัก เหมียนอย่างคนที่เกิดวันอื่นๆ...ว้าว! เพราะพื้นฐานนิสัยเป็นคนเด็ดเดี่ยว, หนักแน่น และมักคบใครก็คบอยู่คนเดียว (...แล้วหากยังไม่มีใครให้คบล่ะ?) แถมพอเลิกกันเมื่อใดจึงค่อยมีรักใหม่....เข้าท่าเนอะ ว่าแล้ว ท่านผู้อ่านเกิดวันไหนกันบ้างละฮ้า.

Sunday, December 14, 2008

ควรใส่อารมณ์ กะ “ที่รัก” เมื่อไหร่ดี

วัยรุ่นเอ๋ย อยากรู้มะว่า เมื่อไหร่ถึงควร “ฮ็อตฉ่า” แสดงอารมณ์ร้อนแรงใส่คนที่คุณชอบหรือรักเค้า (เข้าไปได้ไงหึ) ตอนไหนมั่ง? เพราะอารมณ์ของมนุษย์มักขึ้นๆลงๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ เดี๋ยวก็หวานจ๋อย เดี๋ยวก็ร้อนจี๋ เดี๋ยวก็เย็นเจี๊ยบ เอ๊ะวูบวาบวู่วามและซู่ซ่า จนจับทางไม่ถูกแฮะ
เหตุนี้แหละจึงเป็นที่มาของคำถามประจำสัปดาห์นี้ที่ว่า เมื่อไรหนอที่คุณควรแสดงอาการร้อนรน...เอ้ย...ร้อนแรงดั่งถูกไฟลน เพื่อให้เค้ารู้ว่า คุณมีใจให้เค้าอย่างล้นเหลือ ซึ่งการโชว์ความร้อนแรงแบบระเบิดอารมณ์ใส่อาจมีต้นตอจาก ทั้งโกรธมาก, เกลียดมาก, ชอบมาก หรือชื่นชมมากๆ
งั้นมาดูกัน มามะว่า ตอนไหนน้าที่คุณควรระเบิดอารมณ์ว้ากใส่ หรือในทางตรงข้ามอาจเป็นหวานใส่ เมื่อเค้าทำให้คุณพอใจหรือไม่พอใจ ดังต่อไปนี้...
1. เมื่อคุณอุตส่าห์ทำอะไรเพื่อมอบให้ เค้าเป็นพิเศษ แล้วเค้าก็พร่ำพูดชื่นชมคุณซะตัวลอยไปเลย งี้ก็น่าหรอกที่คุณจะหน้าบาน ออกอาการตอบสนองกับคำชม ให้สมใจกับที่อยากได้ยินมานาน จริงมะ
งั้นลองถักเสื้อ, เย็บผ้าเช็ดหน้าหรือทำสร้อยข้อมือหรือสร้อยคอให้เค้าสิ เผื่อถูกใจเค้าซึ่งออกแนวติสต์หรือศิลปินหน่อยๆก็โป๊ะเชะไปเลย ซึ่งหากสิ่งที่คุณทำให้เค้าชิ้นนี้ โดนใจเค้าอย่างจัง ก็แหงล่ะ ที่นอกจากจะได้คำขอบใจหรือขอบคุณแล้ว เค้าอาจปลื้มต่อไปว่า ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณใช้ความพยายามสืบเสาะหาข้อมูลเพื่อหวังให้เค้าประทับใจ “ถึงขนาดนี้” เชียว!
แถมยังลงทุนประดิดประดอยทำงานแฮนด์เมดให้ซะด้วยนะ โอ้โห...เชื่อดิ่เค้าต้องทึ่งอึ้งอ้า ด้วยความซาบซึ้งและเซอร์ไพรส์ว่ามีคุณแอบชอบเค้าอยู่ทั้งคนแหงๆ
แล้วงี้จะไม่ให้คุณระเบิดความรุ่มร้อนอยากชิดใกล้เค้าได้ไง...ใช่มะ
2. เมื่อคุณหน้ามืด (ตามัว) หึงเค้า (ก็คนที่คุณชอบไง) ขึ้นมา เอ้างี้ คุณย่อมลืมตัวใส่อารมณ์ให้เค้างงแน่ๆ ว่าเค้ามีเจ้าของตั้งแต่เมื่อไหร่ฟะ
หากมีใครบังอาจมาแหย่หนวดเสือกันถึงถิ่น หรือโชว์อึ๋มยั่วน้ำลายให้เค้าเกิดอารมณ์หื่นขึ้นมา จนเค้าทนไม่ไหว ตะเกียกตะกายเดินเข้าไปหาคนที่มาเย้ย--แบบลับหลังคุณเข้าให้ ไอ้หยา! หยั่งงี้ก็หยามกันชัดๆ ดังนั้น หากคุณจะโกรธ “ไอ้หื่นบ้า” ก็รีบทำซะ ส่วนฝ่ายที่เข้ามายั่วให้น้ำมูกน้ำลายของเค้าไหลแล้วไหลอีกจนใช้กระดาษทิชชูซับไม่ทัน ก็อย่าไปเอาเรื่องเอาราวด้วยเลย
ควรโทษตัวเองต่างหากว่าดัน “ตาถั่ว” ไปชอบ พวกหื่นจับและไอ้เฒ่าหัวงู ได้ไงมากกว่า
3. เมื่อค้นพบในภายหลังว่า คนที่คุณชอบเป็นพวกเอาแต่ได้, เห็นแก่ตัว และสารพัดเลวทุกรูปแบบ แถมดันหาทางลวนลามในที่สาธารณะอยู่เรื่อย
อ่ะ ขืนเป็นงี้ ต้องได้เห็นดีกันซะแล้ว! สมัยนี้น่ะ คุณควรฝึกไท้เก๊ก, ฝ่ามืออรหันต์ และวิชาป้องกันตัว เอาไว้มั่งนะ หากเกิดเหตุการณ์กะทันหันขึ้นมาชนิดไม่ทันตั้งตัว จะได้แก้ปัญหาได้ทันท่วงที ยิ่งเดี๋ยวนี้ พวกมือไวใจเร็วป้วนเปี้ยนแอบแฝงอยู่ในสังคมเยอะซะด้วย คุณก็อย่าไว้ใจ “คนที่ชอบ” จนใจเตลิดคิดว่าเค้าดีไปซะหมด ถ้ามัวคิดว่า ชาตินี้ชั้นคงหาแฟนหรือใครมาชอบไม่ได้แล้ว จึงคว้าใครก็ได้ไว้ก่อน อึ๋ย....ขืนคิดงี้ก็เสร็จดิ่ เอ๊ะหรือยอมเสร็จเค้า...ยังไงกันแน่วุ้ย?
4. เมื่อเค้ามอบสิ่งที่คาดไม่ถึงให้กับคุณ เช่น บ้านพร้อมที่ดิน, แหวนเพชร 100 กะรัตงี้.. แต่เอ๊ไม่ต้องมาก โธ่แค่แหวนทองสลึงนึงก็โผกอดเค้าแล้ว
กรณีนี้ ย่อมทำให้อารมณ์คุณดีขึ้นและอยากเบียดเข้าไปใกล้ชิดเค้ามากขึ้นละสิ แต่แปลกนะ มีบางคนคิดว่า ถ้าได้รับของขวัญพิเศษจากเค้าแล้ว ไม่ควรระเบิดอารมณ์แฮปปี้ดี๊ด๊าออกมาตรงๆให้ฝ่ายโน้นมองอย่างตกใจว่า ดีใจเว่อไปปะ...ก็มี ประหลาดดี เพราะขืนดีใจออกนอกหน้ามากไป เดี๋ยวเค้าคิดในแง่ร้ายทำนองว่า คุณทำงี้เพื่อหวังเอาใจ แต่ไม่จริงใจกะเค้าซะหน่อย...เออ เป็นงั้นไปซะอีก
แต่หากเค้าเป็นชายแล้วคุณเป็นหญิง ถ้าเค้าขอแต่งงาน ด้วยการคุกเข่า, ชูแหวนเพชรเม็ดบะเริ่มเทิ่มให้ เออตอนนี้แหละ จะแฮปปี้กระโดดโลดเต้นให้สุดๆยังไงแค่ไหนก็ทำไปเลย ถึงทีคุณแล้วไม่ต้องเหนียมอาย
5. เมื่อถูก “คนที่ชอบ” วีนใส่ ทั้งที่คุณเอาใจเค้าอย่างกะอะไรดี
อาการขี้วีนไม่ได้เกิดขึ้นแต่เฉพาะฝ่ายหญิงนะหนู เพราะผู้ชายก็เป็น แต่ละคนจะวีนมากหรือน้อยไม่เท่ากัน หาก “คนที่คุณชอบ” เกิดเป็นลูกคนเดียว เค้าอาจถูกตามใจจนติดเป็นนิสัย ดังนั้นพอไม่ได้อะไรดังใจ ก็หันมาโวยวายกะคนใกล้ชิด แล้วจะทนให้เค้าวีนไหวเปล่า? เป็นทาสรองรับอารมณ์ เค้าเรื่อยๆน่ะไหวมะ หากไม่ไหว เพราะวีนมากก็กลายเป็นคนไม่มีเหตุผลขึ้นมาซะดื้อๆยิ่งไปกันใหญ่ โอ๊ะแบบนี้ ลองไม่ตามใจเค้ามั่งเดะ เผื่อพี่แกจะได้หูตาสว่าง หายวีนกะคุณที่แสนดีกับเค้าซะที จะคู่กันก็ควรเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา อย่าปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายนึงคอยเอาอกเอาใจอยู่ได้ ไม่สวยนะเพ่
6. เมื่อ “คนที่คุณชอบ” เป็นได้ทั้ง best friend เพื่อนสนิท และ honey ที่รักในเวลาเดียวกัน ก็แจ๋วไปเลยสิ
ถ้าเค้ามีคุณสมบัติผสมผสานแบบ ทวิน แอ็กชั่น กลั่นสูตรออกมาเป็นปาฏิหาริย์ตรงสเปกในฝันของคุณที่เล็งหามาแสนนาน ซึ่งในที่สุดก็ได้เจอตัวจริงเสียงจริงซะที ใครมั่งจะไม่แฮปปี้มีความสุข หัวเราะเริงร่าละจ๊ะ อารมณ์เลิฟเช่นนี้ของคุณคงทำให้ “อิน” จนอยากขลุกอยู่กะเค้าทั้งวันทั้งคืนก็บอกมาเหอะ เพราะยามนี้น่ะ กำลังรักกำลังหลงเค้านี่หว่า ต่อให้เอาอะไรมาแลก ก็ไม่ยอมใช่ไหมฮ้า.

Sunday, December 7, 2008

ทำไงถึงมัดใจ ในนัดแรกได้อยู่หมัด

เกิดคุณปิ๊งใครขึ้นมาสักคน หรือหลายคนพร้อมกัน คุณย่อมอยาก (ตี) สนิทชิดใกล้กะใครคนนั้นใช่มะ ดังนั้น จึงไม่แปลกอะไรหากคุณจะเอ่ยปากชวนเค้าไปเที่ยวกัน, ไปทานข้าวกัน หรือไปเดินเล่นช็อปฯนู่น ช็อปฯนี่ หากเงินในกระเป๋าเหลือเฟือก็เอาดิ่ จะรอช้าอยู่ไยล่ะ
ซึ่งการชวนกันไปไหนมาไหนเป็นเรื่องธรรมชาติ เอ้า ไม่งั้น ก็ต้องเก็บความชอบเอาไว้ในใจเพียงฝ่ายเดียวต่อไปสิ อู้ย....ไอ้เราก็ไม่ใช่พระเอกหรือนางเอกในละครหลังข่าวซะด้วย ที่ต้องเก็บงึมงำความในใจเอาไว้ในอก บอกออกไปไม่ได้ เพราะกลัวเสียฟอร์ม หรือมีความแค้นฝังใจ จนทำให้อีโก้กำเริบ ถึงกะ “ใจร้าว” ขึ้นมาซะงั้น...ไม่เอาด้วยหรอก เพราะไม่ได้เป็นดารานี่หว่า
เหตุนี้ หากชอบใคร แล้วเผอิ๊ญ...เค้าไม่ได้ “เป็นของใคร” อยู่พอดี หากคุณอยากตีซี้ ก็ทำเหอะ แต่อย่าซี้ซั้วพูดจาเกี้ยวพาราสีแบบถ่อยๆ เอ้ย...น่าเกลียดน่าชังละกัน ควรนุ่มนวลต่อกันดีกว่านะ อุบอิบว่าขอให้ยุติความรุนแรง และการลวนลาม ยกเว้น หากยินดีกันทั้ง 2 ฝ่ายจะทำอะไรก็ทำ
เมื่อทำความรู้จักมักจี่กันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาทำตัวน่ารักกับ “คนที่คุณชอบ” เวลาไปไหนด้วยกัน (เพราะถ้าไม่ชอบก็คงไม่มีทางไปไหนด้วยหรอก เชอะ) แบบนี้มะ...
1.ระวังอาหารที่อาจทำให้ เกิด-อาการไม่อยากเข้าใกล้-
หากต้องออกไปไหนมาไหนกับ “คนพิเศษที่คุณพิศวาส” ละก็ ควรระวังอาหารที่ทำให้ คุณทานเข้าไปแล้วส่งกลิ่นแรงจัด จนเค้ารู้สึกใกล้ชิดด้วยไม่ไหวนะจ๊ะ เช่น กระ-เทียม, ขนมกุยช่าย, ต้นหอมหัวหอม, น้ำพริก, กะปิ ฯลฯ แต่ไม่ได้บอกให้ไม่ ทานซะเลยนะ เจี๊ยะ (กิน) มั่งก็ได้ หากเชื่อว่ากลบกลิ่นเหล่านั้นได้ เช่น กลิ่นตัวของคุณเองอะไรงี้ ก็ทานเข้าไปเลย อิอิอิ
หรืออาหารที่เป็นเส้น ขนมจีน, เส้นก๋วยเตี๋ยว หากจะกินก็อย่าทำซุ่มซ่ามจนเส้นกระเด็นล่ะ เพราะบางทีการเห็นหน้าคนที่เราชอบแล้วทำให้มือไม้สั่นหวั่นไหวได้ ดังนั้น เวลากินมักทำหล่นจากมือเป็นประจำ งี้ควรระวังไว้...ยังไงก็ควร “สร้างภาพ” ของตัวเองให้ประทับใจผู้อื่นไว้ก่อน
2.เลือกสถานที่ที่ชวนกันไปให้ถูกใจใครสักคน
ไม่ว่าพวกคุณจะไปไหนหนใด ควรเลือกสถานที่ที่ถูกใจใครสักฝ่ายนึง แล้วเชื่อดิ่ อย่างน้อยข้างใดข้างนึงจะสนุกสุขสันต์ มีโอกาสพูดจาภาษาดอกไม้ และ
ภาษาหัวใจกันหนุงหนิงแน่ๆ ยิ่งหากฝ่ายใดฝ่ายนึงเคยไปยังสถานที่ที่ชวนกันไปเที่ยวด้วยแล้ว ก็สามารถเป็นไกด์พาทัวร์ให้ไปตรงนู้น ตรงนี้ได้ อาจรู้ไปหมด จนกระทั่งแม้แต่ห้องน้ำห้องส้วมอยู่ตรงไหนด้วย ก็ยิ่งดี
แต่หากบางคู่จะเลือกแค่ไปนั่งในร้านกาแฟตอนกลางวันแล้วไปนั่งผับต่อตอนเย็น ควรเลือกทำเลให้ เหมาะละกัน บางคนชวนไปนั่งตรงที่ดารา, นักร้องเค้าเป็นเจ้าของ อาจได้เห็นดารามานั่งเมาท์กัน หรือมีเพื่อนดาราพาเหรดกันมาอุดหนุนเป็นทิวทัศน์น่ามองก็เลือกทำเลไว้ซะ
3.หากชวนคนที่ชอบไปด้วยได้ อย่าลืมว่า ตอนไปกันอย่าลืมเก็บอาการปลาบปลื้มไว้มั่ง ช่วงคบกันใหม่ๆ มีใครบ้างมะที่จะไม่หาวิธีทำคะแนนให้ตัวเอง ดูดีในสายตาอีกฝ่ายให้มากที่สุด? วิสัชนาคือไม่มีหรอก ทว่า แสดงออกด้วยอาการพอดิบพอดี อย่าเว่อร์จนหลุดไปจาก “ความเป็นตัวตน” ของคุณเองสุดขั้วละกัน เพราะสักวันนึงตัวตนที่แท้จริงของคุณก็จะโผล่ออกมาอยู่ดี เพียงแต่รู้จักวางตัวให้พองาม ก็ได้ใจจากเค้าแล้ว เข้าตำราคว้าใจมาก่อนแล้วค่อยคว้ากายทีหลัง ก็ยังไม่สาย
แต่ถ้าเกิดหาว, เรอ หรือตดขึ้นมา ก็ช่วยไม่ได้ เป็นเรื่องธรรมชาตินี่หว่า แล้วหวังว่าคงไม่จงใจใส่เสื้อผ้าส่งกลิ่นตุๆ ด้วยความจงใจ หรือไม่ใส่ใจที่ จะดูเนี้ยบเล็กน้อยเวลาอยู่ด้วยกันก็น่าตำหนินะ บอกแล้วไง ว่าให้สร้างภาพบวก อย่าเพิ่งสร้างภาพลบตั้งแต่แรกเห็นดิ่
4.พกความมั่นใจไปด้วย
ไม่ใช่เจอกันแล้ว อายม้วนติ้ว ทำอะไรไม่ถูก เพราะแอบชอบมาน้านนาน แล้วพอมาเจอหน้ากัน หากคุณไม่ใช่คนหน้าหนา แปลว่า ไม่ใช่คนหน้าด้าน มาแต่อ้อนแต่ออก....ซึ่งมนุษย์ส่วนใหญ่ ควรเป็นหยั่งงี้ละก็ ย่อมเขินกันบ้าง ซึ่งไม่ผิดกติกาสากลแต่ประการใด เพราะถ้าไม่เขินสิ คงไม่ต้องอธิบายนะ ว่าคุณจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มไหน? จึงกรุณาพกความมั่นใจติดตัวไปด้วย เผื่อเวลาพูดคุยกันจะได้ไม่เกิดความรู้สึกว่า เอ๊ะ จะคุยอะไรดี บางคนเตรียมหัวข้อสนทนาล่วงหน้ามีเยอะแยะ
เออ พูดแล้วก็เกิดสงสัย (ขึ้นมาอีกแล้ว) เพราะเห็นโฆษณาสิ่งใช้ทาใต้วงแขน แล้วเจื้อยแจ้วว่า ผู้ชายก็แอบมองใต้วงแขนของผู้หญิงนะ ซึ่งว่ากันตามตรง หนุ่มๆแอบมองทุกสัดส่วนของฝ่ายหญิงแหละ ไม่ใช่ เฉพาะใต้วงแขนหรอก แถมใครวะ จะใส่เสื้อแขนกุดทุกวัน? ถามจริง! อ้อ น้องจากชลบุรีที่เขียนมาหา ได้รับแล้วนะ ชอบคุณที่ระบายความในใจให้อ่านจ้า
5.เวลาไปไหนกับเค้าซึ่งหากคุณยังไม่รู้จัก มักคุ้นมากนัก ก็ควรบอกเพื่อนสนิทหรือพี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวไว้ด้วย
บอกไว้ว่า คุณจะไปเจอใครที่ไหน เมื่อไหร่ ตรงไหนมั่งก็ดี อย่าทำหลบๆซ่อนๆ หรือถือเป็นเรื่องส่วนตัวไม่อยากบอกใคร....ซึ่งจริงๆก็เป็นสิทธิ์ที่คุณทำได้
แต่แนะให้บอกกันไว้ เพราะเผื่อคนที่คุณชอบ ดั๊นเป็นฮันนิบาล เล็กเตอร์ พวกโรคจิตวิปริต, เป็นอดีต นักโทษ แล้วเกิดกลายร่างเป็นคนใจยักษ์อยากทำร้ายคุณขึ้นมา จะได้สั่งเสีย.....เอ้ย รู้กันไว้ ว่าหากคุณหายตัวไปเพราะไปเจอกะคนนี้แหละ ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก เมื่อบอกแล้ว ก็อย่ากลายเป็นไปฉุดเค้าหรือหนีตามเค้าไปซะเองล่ะ ถึงใจสั่นไม่ใจร้าว ก็ควรยับยั้งใจกันไว้นิดนึง ยังไง ถ้าเป็นเนื้อคู่จริง ก็ต้องคู่กันอยู่ดี หากจะแคล้วคลาดกันก็ให้มันรู้ไปเซ่.

Sunday, November 30, 2008

กลูต้าไธโอน' ไม่ ช่วยผิวขาว


สาวอยากสวยอย่าให้เขาหลอก 'กลูต้าไธโอน' ไม่ ช่วยผิวขาว ในหมู่คนรักสวยรักงาม เป็นที่ทราบกันแบบอวดอ้างกล่าวขานกันต่อๆ มาว่า “กลูต้าไธโอน” เป็นสารที่ทำให้ผิวขาวผ่องเป็นที่นิยมกันมาก
แม้คุณหมอจะออกมาเตือนว่ามันไม่เป็นอย่างนั้น ถึงขั้นที่ อย.และแพทยสภาออกกฎข้อบังคับห้ามแพทย์นำมาฉีด เพราะเป็นการหลอกลวงผู้บริโภค แต่ ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครอยากฟัง กลับยิ่งแพร่ระบาดมากขึ้น
นายแพทย์ชลทิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย กล่าวให้ข้อคิดกับสาวที่อยากสวยว่า ขอให้ยึดหลักสำคัญว่าการฉีดสารหรือสิ่งต่างๆเข้าร่างกายนั้นมีหลักสำคัญข้อเดียวคือ นำเข้าสู่ร่างกายก็ต้องสามารถเอาออกได้ ถ้าเอาเข้าแล้วเอาออกไม่ได้ หรือไม่สลายตัวไปเองถือว่าไม่ปลอดภัยทั้งสิ้น เพราะเป็นสิ่งแปลกปลอม
ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดในเรื่อง “กลูต้าไธโอน” นั้น นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย บอกว่า เท่าที่ทราบมีการขายเกลื่อนตามเว็บไซต์ ราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงเป็นหมื่นบาท ที่น่ากลัวคือมีการแนะนำวิธีฉีดและอวดอ้างสรรพคุณจนทำให้คนที่อยากขาวเกิดความสนใจ และซื้อหาไปทดลองทั้งฉีดและกินเพื่อให้ ตัวขาว ก็ขอแจ้งให้ทราบว่าไม่เป็นความจริง
นายแพทย์ชลทิศ บอกว่า ความจริงแล้วปกติร่างกายจะสร้างกลูต้าไธโอนได้เอง จากสารอาหารธรรมชาติที่รับประทาน เข้าไป เช่น เนื้อสัตว์ ผักสีเขียว รวมทั้งสมุนไพรอย่างอบเชย เป็นต้น เนื่องจากมันมีหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ หรือสารพิษต่างๆ จากร่างกาย นอกจากนี้ ยังป้องกันความเสื่อมและเพิ่มภูมิต้านทานในร่างกายอีกด้วย
ถึงแม้การฉีดกลูต้าไธโอนจะไม่ส่งผลอันตรายโดยตรงกับร่างกาย แต่การใช้เข็มฉีดเข้าตัวเองกัน อย่างแพร่หลาย โดยไม่ระมัดระวังและคำนึงถึงสุขอนามัยแล้ว อาจทำให้เกิดการติดเชื้อและปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกนับไม่ถ้วน
นั่นก็เป็นคำกล่าวเตือนจากคุณหมอในแวดวงความสวยงามโดยตรง รู้แล้วก็อย่าปล่อยให้โดนหลอกต่อไปโดยไม่จำเป็น.

Saturday, November 29, 2008

นิสัยของแฟนน่ารักหรือน่าทิ้ง?

นิสัยของแฟนน่ารักหรือน่าทิ้ง?
นิสัยแบบนี้มีอยู่ในตัวของแฟนคุณบ้างไหม? เอ๊ะ หรือแม้แต่ตัวคุณเองล่ะ?
1. เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด โดยเฉพาะกับคนพิเศษ, คนรู้ใจ หรือแฟนเนี่ย เฮ่อ!ไม่รู้ทำมั้ยทำไมถึงได้เอาแต่ใจกันจัง สงสัยคงคิดมั้งว่าในเมื่อตัวเองเป็นแฟนนี่หว่า จึงอยากทำอะไรกะ “คนใกล้ชิดสนิทแนบ” ยังไงก็ได้ใช่ม้า แถมหากถูกขัดใจนะ “เป็นต้องงอนหรือมีปากเสียงทะเลาะกัน” ไปอีกนาน แล้วอย่าคิดนะว่า จะใจอ่อนง่ายๆ เพราะเค้าจะงอนตุ๊บป่อง จนกว่าจะได้สติ...เอ้ยจนกว่าจะอารมณ์ดี รู้ไว้เหอะ
2. ขี้หึงได้ทุกเวลาและทุกสถานการณ์ ถือว่ามี “ความสามารถรอบจัด” ในเรื่องการแสดงความหึงหวงว่างั้นเถอะ แถมบางคนนะ เป็นฝ่ายหึงได้แต่อย่าให้เห็นเชียวว่า แฟนของเค้าเหล่ตาตามหึงตูละกัน เพราะคิดว่าเรื่องพรรค์นี้ เค้าเท่านั้นที่มีสิทธิ์ทำได้...มีงี้ด้วยเรอะ
3. ปากเค้างี้ขยัน เพ้อพูดคำหวานเจี๊ยบ และ บอกบ่อยเหลือเกินว่ารักอย่างโง้น อย่างงี้ แต่เท่าที่คุณสังเกต คำพูดแบบนี้ก็เป็นเพียงลมปากที่เค้าชอบพูดให้คุณตายใจ เวลาที่เค้าต้องการขอให้คุณทำอะไรให้เค้าน่ะเซ่! โธ่ นึกว่าไม่รู้รึ
4. หรือ ปากพร่ำโม้อยู่ได้ว่า รัก อย่างโง้น หยั่งงี้ แต่ที่ แท้ มัวเอาเวลาว่างหรือเวลาที่เค้าขลุกอยู่กะเพื่อนๆ แอบจีบคนอื่นเป็นประจำ
เจ้าตัวดีบางรายมีงี้ด้วย คือจีบเปิดเผยให้แฟนเห็นต่อหน้าต่อตา ไม่ได้ยำเกรงหรือคำนึงถึงความรู้สึกของ “แฟนตัวจริง” เล้ย แล้วหลังจากนั้นก็จะแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ตลอดเวลาว่า จีบเล่นๆ หรือเข้าไปกระแซะงั้นแหละ อ่ะงั้นอย่าลืมดีดกะโหลกเค้ากลับ หากเค้าพูดเรื่อยเปื่อยไม่คำนึงถึงใจเค้าใจเรา ด้วยการลองจีบใครเล่นๆเพื่อความหนุกหนานมั่งก็ได้ แล้วตู่ว่า ถ้าชีวิตมีความสุขจะได้อายุยืน ดูดิเค้าจะเป็นไง
5. แฟนของคุณชอบให้คนอื่นแตะอั๋ง บ้างปะ?
เอ้า มีนะ แฟนใครก็ไม่รู้ ชอบอ่อยเหยื่อให้ใครๆ เข้ามาลวนลามเล็กๆ น้อยๆ เสมอ...ไม่ทราบเค้าเป็นบ้าอะไรของเค้า คงชอบโดน “ฝีมือการคลำนู่นคลำนี่” ของคนอื่น นอกจาก “ฝีมือของแฟน” ละซี แต่ยังดีนะ ถ้า...ปล่อยให้ (คนอื่น) แตะอั๋งนิดๆ เพราะขืนแฟนคุณชอบโดนปู้ยี่ปู้ยำมากกว่านี้ ตูว่าอย่าเป็นแฟนกันเลยวะ โถแสดงว่า อาการเค้าชักไม่ สมประกอบน่ะสิ เผลอๆ เพิ่งรู้ทีหลังว่า เป็นพวกชอบโชว์ออฟกับทุกคน แล้วคุณยอมจะยอมรื้อ
6. เวลาอยากเจอแฟน เค้าเป็นต้องโทร.หาจิกคุณให้รีบมาบริการอย่างทันทีทันใด เพราะตอนนั้นเค้า (need) ปรารถนาแฟนให้มาอยู่เป็นเพื่อน, มาพูดคุยด้วย หรือไปเป็นเพื่อนซื้อของด้วยกัน ไม่งั้นมาเป็น กรรมกรช่วยกันยกของก็ได้ ถ้าไม่รีบเผ่นไปเจอเค้าละก็ โอ้ย เป็นตายหยั่งเขียดแหงๆ แต่ดีนะที่เค้ายังต้อง การแฟนอยู่ หากต้องการ “คนอื่น” และไม่ถามหาแฟนละก็ ฮี่ ฮี่ ฮี่ วันนั้นคงเป็นสัญญาณว่า เริ่ม “รักร้าว” แล้วเฟ้ย
7. บ้านางแบบ, นายแบบ รึไม่งั้น ก็เห็นดารา, นักร้อง เป็นไม่ได้ เล่นจ้องเขม็งมองไม่กะพริบตา...งั้นเลย! โถ...ก็คนเหล่านี้น่ามองจะตาย แล้วจะไม่ให้แควนของคุณหันไปมองพวกเขาอย่างสนใจได้ไง แม้แต่ตัวคุณเองหากเจอดาราสุดโปรดก็คงเข้าไปกรี๊ดใส่ด้วยใช่ม้า? หากแค่สนใจดาวดังก็ยังโอเคนะ แต่ถ้าเค้ารู้สึก “มันเขี้ยว” หรือ “อยากขยุ้มขย้ำ” พวกนี้ด้วย เห็นทีคนเป็นแฟนต้องพิจารณาเค้าใหม่แล้วว่าจะคบกันต่อไปดีมะ เดี๋ยวเกิดเค้ามั่วอยากขยายกิจกามไปขย้ำคนอื่นที่ไม่ใช่คนดังดารานางและนางแบบ แต่เป็น “คนหน้าเหมือนคนเด่นคนดัง” เข้าล่ะ เอิงเอย...ไม่เสียใจเรอะจ๊ะ เออแต่มีบางคนอยากให้แฟนไปสนใจคนอื่นเหมือนกันแฮะ เพราะขืนปล่อยให้แฟนมาเกาะแกะตัวเองมาก เดี๋ยวจะเสียตังค์มาก เพราะไอ้แฟนดันเป็นมารช่างไถเหลือเกินนี่หว่า จึงอยากไล่ไปซะไกลๆ มีนะไม่ใช่บ่มี
8. ชอบใจลอยบ๊อยบ่อย ไม่รู้ลอยไปถึงไหนบ้างมะ?
พวกชอบใจลอยเคว้งคว้างน่ะ ต้องมีอะไรในใจแหงเลย ไม่งั้นสติต้องอยู่กับเนื้อกับตัวสิ จะปล่อยให้ใจลอยไปลอยมาได้ไง แถมอาการใจลอยมักทำให้ใจเค้าไม่อยู่กับแฟนด้วยดิ่ ใจว่อนหายไปไหนอยากรู้จัง? หากใจเค้าไม่อยู่ใกล้ๆ แฟนก็มีโอกาสนอกใจ นอกกายเร็วขึ้นเท่านั้น...ฮ้า แต่ไม่น่าที่ใจลอยเพราะกำลังคิดว่าจะซื้ออะไรเป็นของขวัญปีใหม่ให้คุณดีมากกว่า... ก็ขอให้เป็นงั้นจริงๆเหอะว้า
9. เมื่อไหร่เจอเพื่อน (ของตัวเอง) ละก็ เป็นลืมเทกแคร์แฟนไปเลย
ในทางกลับกัน แฟนของเค้านั่นแหละที่ต้องกลายเป็นฝ่ายเอาอกเอาใจ ในช่วงเวลาที่เค้ากำลังหรรษาเฮฮาหัวเราะร่าแบบนี้ ซึ่งหากนานๆ เป็นทีก็หยวนๆได้ (กัดฟันพูด) ทว่าขืนทำตัวเฮฮากะเพื่อนๆแบบนี้ทุกวัน ซ้ำเป็นเพื่อนเค้าฝ่ายเดียว ไม่มีเพื่อนคุณด้วย แล้วคุณจะทำไงดีน้า? แหมชักอยากรู้ซะแล้วซี จะแจกหมัด, เตะผ่าหมาก, ตบเปรี้ยงหรือปล่อยเค้าไปตามทางเวลาอยู่กะเพื่อนๆก็ว่ามา
10. ชอบฟื้นฝอยหาตะเข็บเป็นประจำทุกทีเรอะป่าว?
แบบเวลาทะเลาะกันทีไร ซัดกันแค่เรื่องที่กำลังเป็นปัญหาปัจจุบันไม่พอ จะยกเรื่องที่โกรธกันเมื่อปีมะโว้, ปีก่อนหรือเมื่อไม่นานมานี้ มาขึ้นเสียงกะคุณด้วย คงอยากให้คู่ของตัวแตกแยกกันมากขึ้นมั้ง หรือเอ๊ะต้องการบอกว่า ถึงยังไงเค้าก็เป็นคนดีกว่าคุณหลายร้อยเท่ากันแน่? อู้หู คุณก็อย่าลืมคุยฟุ้งความเป็นเยี่ยมของตัวเองมั่งสิ อย่างน้อยความเลิศเลอเพอร์เฟกต์ของคุณก็ต้องมีบ้าง เอ๊ะหรือหาไม่ได้เช่นกัน? ไอ้หยา! หากเป็นงี้ คงต้องรีบสร้างสมความประเสริฐเลิศสะแมนแตนให้ตัวเองซะซีฮ้า.

Monday, November 24, 2008

ชะลอผมหงอก

1. รับประทานถั่วลิสงอบเนยรวมกับเกล็ดขนมปังที่อบมาร้อน ๆ ก่อนมื้ออาหารถั่วลิสงมีวิตามินบี ที่สามารถหยุดการเปลี่ยนสีผมให้เป็นสีดอกเลาได้ และยังทำให้ผิวหนังดูดีขึ้นอีกด้วย
2. กิน Zinc วันละ 2 เม็ด ควบคู่กับใช้โทนิค บำรุงรากผม
3. ก่อนสระผม ใช้น้ำมันมะกอก(ที่สำหรับใส่ผม) โชลมผมให้ทั่วทิ้งไว้ซัก 20-30 นาที หรือจนกว่าจะแห้ง แล้วค่อยสระผม

Saturday, November 22, 2008

ชายปากว่า ตาขยิบเป็นไง?

หลังจากเม้าท์ฝ่ายหญิงว่า “ปากอย่าง ใจอย่าง” แล้ว ถ้าให้ยุติธรรม คราวนี้จึงถึงเวลาแฉความประพฤติ “ปากว่า ตาขยิบ” ของฝ่ายชาย ได้แล้วสินะ ไม่งั้นเดี๋ยวคุณชายทั้งหลายจะน้อยใจเอาว่าทำไมไม่เขียนถึงพวกเค้ามั่ง โอ้ย! เรื่องอย่างนี้ จะพลาดได้เรอะ ใครๆก็หูผึ่งรออยู่แล้ว
แต่ก่อนร่ายยาว ขอบอกก่อนตามธรรมเนียมอันน่ารัก (ของผู้เขียน ขอย้ำว่าคนเขียนน่ารัก 555) ว่า อาการปากกะใจไม่ตรงกันที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ ไม่ได้ชวนให้ใครตบตีกัน (เพราะต่อให้จะตบหรือจะกระทืบกัน ไม่เห็นต้องอ่านอะไรก็ลงมือกันแระ) อีกอย่าง ไม่หนับหนุนให้ใครจับผิดใคร, ไม่ใช่หนุ่มทุกคนที่ทำหยั่งงี้ (แต่อาจทำยิ่งกว่านี้....อ้าวเฮ้ย!) แล้วนี่ก็เป็นเรื่องของความสัมพันธ์แบบรักใคร่กลมเกลียว ไปจนแค่รัก, แค่ชอบ หรือไม่รักไม่ชอบ หรือชอบๆรักๆ ก็แล้วแต่จะนิยามกันไป ได้แก่ แต่น แต้น..... 1.หากหนุ่มคิดจะจีบใครสักคน (ไม่ขอระบุว่าเป็นหญิง, ชาย หรือเพศที่เท่าไหร่ละกัน เชิญจีบไปเหอะ ยังไงงานนี้ไม่กีดกันความเลิฟอยู่แล้ว) และพูดว่า “เอ้...ผมเคยเจอคุณที่ไหนมาก่อนน้า?” เฮ้อ ทนไม่ไหวขอแซวหน่อยเถอะว่า “ขี้ตู่” จังเยย แต่ถ้าน่ารักจะหุบปาก ไม่แซวอะไรทั้งสิ้น แถมจะไฟเขียวเปิดทางให้ผ่านตลอดด้วยซ้ำ
ดังนั้น ในเมื่อเค้าอยากตีสนิทและหว่านเสน่ห์ แล้วคุณก๊อ ประสงค์อยาก “เล่นด้วย”...ก็เล่นไปซี ขออวยพรให้สนุกและขอให้เค้ามีเสน่ห์จนชวนหลงใหลได้ปลื้มกันจริงๆเถิ้ด...เพี้ยง!
ส่วนหมายความที่เค้าพูดว่าเคยเจอคุณที่ไหนมาก่อนน่ะเรอะ คือ อยากรู้จักคุณไง จึงแต่งเรื่อง ไปงั้น เอ้า....ใช้วิธีตอแหลไปวันๆ เดี๋ยวก็มีแฟนเอง....ไม่เชื่อลองดูเดะ อีกอย่าง การทักขึ้นมาแบบนี้เพื่อให้อีกฝ่ายยอมพูดด้วยได้ผลนะ
กระนั้น หากเค้าเกิดรู้จัก “คนที่อยากจีบ” มาก่อนจริงๆ ไม่ได้ตู่หรือแต่งเรื่อง ก็ไม่ถือว่าโกหกตลบตะแลง แต่อาจหวังผลพลอยได้ที่จะยิ้มกะคุณ หรือได้รู้จักอย่างเป็นทางการสักทีอ่ะดิ่
2.ถ้าหนุ่มกับ “คนที่เค้าพาไปทานข้าว” ด้วยรู้จักกัน ทว่าพอกินกันอิ่มหนำสำราญบานตะไท เค้าดันพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวผมจ่ายเองนะครับ แม้วันนี้ ไม่ได้พกตังค์มามาก แต่ผมจ่ายได้”...ถ้าจ่ายได้ แล้วพูดทำไมเนี่ย?
ฟามหมายที่เค้านึกอยู่ในใจนะเหรอ หนีไม่พ้น-ตูอุตส่าห์บอกแล้วนะเฟ้ย ว่าพกเงินมานิดเดียว แล้ว (อีกฝ่าย) ยังทำเป็นเฉยอีกเหรอ? ช่วยกันออกมั่งสิ-
อย่างว่าล่ะ ถ้าเค้า “เบี้ยน้อย หอยน้อย” ก็ควรเอาใจช่วย ถ้า “ใครเกิดมาแล้วรวยเลย” เรื่องไรสนล่ะว่าจะจ่ายเท่าไหร่ล่ะ....เพียงแต่ไม่น่าพูดเรื่องเงินทองของนอกกายแนวนี้เพราะ ใครๆก็อยากกินอิ่ม ตังค์อยู่ครบ กันทั้งนั้น ยิ่งพูดให้เสียเครดิตตัวเองนี่ กรรมหรือกำกันแน่หว่า?
3.ถ้าเค้าเอ่ยชมอีกฝ่ายว่า “คุณเป็นคนดีจัง” หรือ “ผมไม่เคยเจอคนดีๆอย่างนี้มาก่อนเลย”
แปลง่ายๆ ได้ว่า คุณจะไม่ได้เห็นผมอีกต่อไป น่ะซี เพราะอะไร? ก็เพราะ ถ้า “คนที่เค้าจีบ” ขืนดีเกินไป เค้าก็ไม่อยากจีบให้เสียเวลา (กรณีที่ อีตาคนนี้ไม่ใช่คนดีและไม่ จริงใจนะน้อง) แต่ หากเค้าเป็น คนคิดอยากสร้างครอบครัว อยากลงหลักปักฐานอย่างเป็นเรื่องเป็นราวละก็ จะไม่คิดทำนองนี้ แต่จะกลับตาลปัตร กันเลย เพราะอยากได้สาวที่ดีมาเป็นแม่ศรีเรือน
ส่วนหนุ่มที่ปล่อยสาวดี๊ดี ให้หลุดมือไปน่ะ เป็นพวกชอบ “ฟันแล้วทิ้ง” ไงจ๊ะ แค่อยากสีกายกันเล่นๆ เออเผลอๆ เค้าอาจมีเมียแล้วด้วยซ้ำ
4.หากรู้จักกันไม่เท่าไหร่ แล้วทันใดนั้นเค้าก็หลุดปากว่า “ผมรักคุณ” เชียวรึวะ
แสดงว่าจุดประสงค์ที่เค้าพูดเนี่ย ถ้าเค้าเป็นคนสัปดนปนติดเซ็กซ์จนขึ้นสมอง ก็แปลได้ว่า “ผมอยากเลื้อยบนตัวคุณไงล่ะ....แล้วน้องยังทำเป็นเล่นตัวอยู่ได้”--ต๊าย ตาย นี่ถ้าไม่ (เป็นคน) เลว คิดแบบนี้ไม่เป็น นะเนี่ย
แต่ไปต่อว่าเค้าก็ไม่ได้ เพราะรู้ๆอยู่ว่าหนุ่มๆน่ะ มีฮอร์โมนพลุ่งพล่านด้านนี้มากกว่าสาวๆหลายเท่า ส่วนสาวบางคนก็อยากให้สามีรักรุ่งพุ่งแรงใช่ม้า อิอิ
5.ถ้าเค้าอยากรู้ว่า “คนที่เค้าจีบ” มีแฟน มาแล้วกี่คน? คำถามเนี้ย แฟนใคร, ใครก็อยากรู้ทั้งนั้น รึไม่จริง
ส่วนความหมายน่ะเรอะ เค้าไม่อยากรู้หรอกว่า คุณมีแฟนมาแล้วกี่คน (แต่ถ้าตอบก็ดี) เพราะสิ่งที่อยากรู้มากกว่านั้น คือ เค้าเป็นคนที่ยอดเยี่ยม ขนาดเป็น--ซุปเปอร์แฟนของคุณ--รึเปล่านะเซ่ แต่เอ๊ะ เค้าอยากรู้ต่อรึเปล่า ว่า ซุปเปอร์แฟนนั้น เป็นกันได้ยังไง?
อย่า บอกนะเฟ้ยว่า อยากรู้แค่ว่า ข้าเจ๋งกว่าคนอื่นเท่านั้น! และไม่อยากรู้ต่อว่า ทำไงถึงเจ๋งกว่าคนอื่น? โอ้โฮเฮะ หยั่งงี้ ควรแสดงความเลิศเลอเพอร์เฟกต์ของเค้าออกจริงๆดิ่ ไม่ใช่อยากได้รับคำชมอย่างเดียวเข้าใจ๋ พอหลังจากที่เค้าได้ป้ายเป็น “ซุปเปอร์ แฟน” ของจริงแล้ว เดี๋ยวอีกฝ่ายก็กระหน่ำชมเค้าทั้งวันทั้งคืนเองแหละ เอ๊ะ หรือจะให้ชมกันรวดเดียว 7 วัน 7 คืนดี?
6.หากเค้าพูดว่า “อยากใช้เวลาอยู่กับคุณนานๆ” ฟังแล้วโรแมนติกจัง
นี่ถือเป็นความจริงใจมากที่สุดที่เค้าอยากบอกกับ “คนที่เค้าหมายปอง” ว่า ผมรักคุณเข้าแล้วไงล้า และเค้าหวังด้วยว่า จะได้รับรักตอบจากคุณ ซึ่งหากรักเค้า ก็เซย์เยสไปได้เลย แต่ไม่ใช่ อยู่ๆก็พูดขึ้นว่า เยส (ใช่)ๆ นะ ควรพูดให้งามกว่านี้ดิ่ ว่า ชั้นก็อยากตื่นขึ้นมาเจอหน้าคุณทุกเช้าเหมือนกันละค่ะ ให้หวานกันไปก่อน! ส่วนหนุ่มก็อย่าทำให้หล่อนเสียใจภายหลังละกันนะฮ้า...เฮ้อ นึกแล้วเชียวว่าต้องลงท้าย “เป็นลาง....” อะไรก็เติมกันเอง...อีกแย้ว

Saturday, November 15, 2008

กิ๊กแบบไหน ชวนให้ใจสั่น

ในเมื่อโลกเบี้ยวๆ ใบนี้มีหมู่มวลมนุษย์อาศัยกันอยู่ยั้วเยี้ย ซึ่งล้วนมาจากต่างที่, ต่างถิ่น ต่างครอบครัว แถมยังได้รับความรักจากพ่อแม่ไม่ซ้ำกันซะด้วย ดังนั้น คนธรรมดาสามัญที่ไม่ได้ฟู่ฟ่า, คาบช้อนทองฝังเพชรมาแต่เกิด จึงมีไลฟ์สไตล์และโลกส่วนตัวแตกต่างกันสินะ
บางท่านกินก๋วยเตี๋ยว, หลายคนทานข้าว หรือโซ้ยข้าวเหนียวไปนู่น แต่...ตาวิเศษเห็นนะว่า แม้อย่างอื่นชอบไม่เหมือนกัน แต่มีสิ่งนึงที่ดันชอบเหมือนกันเป็นพิเศษแฮะ...ก็ตอนตั้งวงกินส้มตำ นั่นไง แหมเห็นมีปาร์ตี้ส้มตำผุดเป็นดอกเห็ด...ดีใจก็กินส้มตำ, ไม่มีตังค์ก็กินส้มตำ หรือเพื่อนในกลุ่มโกรธกันก็เอาส้มตำมาล่อ.....แต่แม้ส้มตำเป็นของฮิต หากร้านไหนทำไม่อร่อยก็แย่หน่อยนะ
ที่เกริ่นเนี้ย แค่อยากฝอยเรื่อง เมื่อถึงเวลาที่คุณผู้อ่านสมควรมีแฟน เพราะหัวใจวัยรุ่นมันเรียกร้อง คุณควรช็อปปิ้งลองคบกับผู้คนหลายๆสไตล์ก่อนไหม แล้วค่อยพิจารณาคอนเฟิร์มเลือกใครที่เหมาะกับคุณก็ว่ากันไป เพราะคนที่ผ่านมาให้คุณสนใจได้น่ะมีอยู่ไม่กี่สไตล์หรอก
1. คนกะล่อน ต้องเอาไปร่อนตะแกรงซะหน่อยมะ
หากควง “คนกะล่อน” บางทีตอนแรก “คุณผู้ใสซื่อ” อาจไม่รู้ก็ได้ว่า รายนี้น่ะสุดแสบขนาดไหน? แต่ถ้าใครผ่านการมีแฟนกะล่อนมาแล้ว และอยากช่วยสง-เคราะห์เพื่อนร่วมโลกคนอื่นๆให้รู้พฤติกรรมของเค้าละก็ เรียนเชิญเขียนเป็นจดหมายมาอธิบายได้ที่คอลัมน์นี้ฮ่ะ เพราะหนูจ๊ะ บนหน้าผากมนุษย์ไม่ได้ระบุเอาไว้อย่างอัตโนมัตินี่หว่าว่าตัวตน ที่แท้ของแต่ละคนเป็นไงนี่ใช่มะ เหตุนี้การเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่น จึงช่วยให้พวกเรา “ผู้มีจิตใจเป็นสีขาว” จะได้หูตาสว่างไสวไงตัว! แต่ไหนๆก็เขียนถึงคนอย่างนี้แล้ว จึงอยากสะเออะอธิบายคนกะล่อนให้ฟังพอสังเขปละกัน คนกะล่อนน่ะเป็นพวกรู้จักเอาอก เอาใจคนอื่น, พูดอะไรก็ระรื่นหูน่าฟัง ดังนั้น เวลาอยู่กับพวกนี้ โอ้โห....คุณจะได้รับการปรนนิบัติสารพัดสารเพ
แต่หากวันไหน (ลมเพลมพัด) อารมณ์เค้า ไม่อยู่กะร่องกะรอย ราวๆขี้เกียจเอาใจแล้วนะโว้ย เพราะหมายตาคนใหม่ไว้ เค้าก็จะไม่แยแสคุณอีก... ตะแล้นๆ เจ็บไม่เจ็บ? หากอยากลองสักตั้งก็เชิญ...
กระนั้น คนกะล่อนก็ไม่ได้ร้ายกาจเกินไปนัก เพราะหากกะล่อนแล้วไม่ข้ามเส้น (มาทำเลวกะเรา) ก็ช่างเหอะ คุณยังพอคบค้าสมาคมไปไหนมาไหนด้วยกันได้
2. คนปากแข็ง หรือชอบต่อต้านสังคม
เริ่มจากคนปากแข็งก่อน พวกนี้บางทีใจน่ะรักแฟนนะ แต่ลิ้นดันแข็งไม่ยอมกระดิกพูดตามที่ใจปรารถนา แฮะ พวกนี้จึงดูเหมือนไม่สนใจใคร! ถามว่า คนปากแข็งคือพวกปากกับใจไม่ตรงกันรึเปล่า? วิสัชนาคำตอบมีทั้งใช่และไม่ใช่ หาก “ใช่” คงไม่ต้องอธิบายให้ยืดยาวนะ เพราะถ้าปากกับใจไม่ตรงกันคงรู้ๆกันอยู่แล้ว แต่ พวกปากแข็งที่ไม่ใช่ ปากกะใจไม่ตรงกันนี่สิ
พวกนี้ไม่มีทางยอมรับอะไรเลย เพราะปากแข็งจัดไง เช่น ถ้าชอบคนที่คบด้วย ก็ไม่มีทางบอกให้คนนั้นรู้ว่า ชอบนะ หรืออยากคุยด้วยนานๆ เพราะมัวทำเก๊กอยู่นั่น
ส่วนพวกต่อต้านสังคม ชื่อก็บอกว่าต่อต้านรูปแบบธรรมชาติหรือแม้แต่กฎเกณฑ์ของสังคม เพราะงั้นขืนคุณ 2 คนคุยกันเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ถ้าเป็นคนแบบเดียวกันก็คุยได้นาน แต่หากมีแนวทางคนละอย่าง ขืนคุยไปก็เปลืองน้ำลาย
แต่รู้น่าทั้งหญิงและชายบางคนอยาก “ลองของ” รู้จักมักจี่กะคนประเภทนี้ เพราะคบกับคนแบบนี้ท้าทายดีใช่มะ แถมยังทวนกระแสสังคมอีกด้วย เอ๊ะ งี้แสดงว่า คบเพราะอยากเท่ด้วยป่าว? แต่อย่าลืมล่ะว่า พวกหัวต่อต้านเนี้ย มีทั้งแบบดาวรุ่งกับดาวร่วงนะยะ
3. ชาวต่างชาติ ก็คนที่ชอบชาวต่างชาติ ขนาดหมายมั่นปั้นมืออยากเป็นเพื่อน...แล้วต่อด้วยแฟน...แถม ล่อให้เค้าวิวาห์ด้วยยิ่งดีน่ะสิ....ฮ้า!
แต่จะมีฝรั่งกี่คนว้าที่จะหมูขนาดนั้น แถมการชอบพอกับชาวต่างชาติก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป เพราะเป็นเรื่องของใจใครใจมันต่างหาก ทำไมจะคบเป็นเพื่อนหรือเป็นแฟนไม่ได้! เชอะเดี๋ยวนี้โลกเปิดกว้างจะตาย คนอยู่มุมโลกไหนก็สามารถคุยกับคนที่อยู่อีกซีกโลกนึงได้สบายบรื๋อ ด้วยการใช้อีเมล์เอย, เขียนบล็อกเอย, เล่นไฮ 5 และอะไรต่อมิอะไรที่มีออกมาใหม่ๆ อีกเพียบ
ทว่า ใจคอของคนที่คุณพบในนั้นน่ะ จะดีเลวอย่างไร? ต้องตั้งสติให้ดีๆ ไม่ใช่เห่อฝรั่งซะจนแค่มันเขียนมาพูดคุยหวานๆ ด้วย ก็อยากมอบกาย และใจให้เค้าซะ และหยั่งงี้ ต้องนัดมาดูตัวแล้วให้ สมาชิกในครอบครัวของคุณกลั่นกรองอีกทีดีกว่ามั้ง
4. นักขี่ลา เอ๊ย นักกีฬา ใครเป็นนักกีฬาย่อมได้เปรียบคนอื่นอยู่หลายช่วงตัวในเรื่องหาแฟนอยู่แร้น สังเกตดิ่ สมัยเรียนหนังสือ โห ใครๆ ก็หมายปองอยากมีเพื่อนเป็นนักกีฬาของโรงเรียนหรือของมหาวิทยาลัยทั้งนั้นเลย ยิ่งคว้าเป็นแฟนได้หรือมีนักกีฬามาจีบ ก็มีน้อยคนที่จะสะบัดสะบิ้งบอกปัด...ไม่เล่นด้วย แต่ดีหน่อยไม่ใช่ทุกคนที่ฝันเคลิ้มอยากตีซี้กับนักกีฬา
เอ้า ขืนทะเล่อทะล้าไปเอี่ยวกะนักกีฬาขวัญใจ “ใครก็ไม่รู้เข้า” ระวังจะเจ็บกระดองใจน้อ
5. คนที่อายุน้อยกว่า อ่ะฮ้า ต้องมีใครคิดอยู่ในใจแน่ๆ ว่า กลุ่มนี้เป็นพวกกินเด็ก โถ.... จะกินเด็ก หรือกินผู้ใหญ่ มันก็ “เคี้ยวกันกรุบกรอบ” เอ๊ย กินเหมือนกันแหละ ว่าแต่เด็กหรือผู้ใหญ่นั่นน่ะ เค้ายอมคบหรือยอมมีใจกับคุณด้วยไหมล่ะ อย่าฝืนใจกันเข้าล่ะ! เอ๊...แล้วคุณผู้อ่านล่ะ ตกกระไดพลอยโจนมีแฟนเป็นคนประเภทไหนแล้วฮ้า.

Sunday, November 9, 2008

ถ้าเพื่อนร้าวรัก คุณช่วยได้มะ?

ถ้าท่านผู้อ่านมีเพื่อน....(ซึ่งแหงสิ ใครๆย่อมมีเพื่อนทั้งนั้นล่ะฟะ หากไม่มีดิ่เดี๋ยวหาว่าแปลกอีก) แต่บังเอิ๊ญ เพื่อนของพวกคุณเกิดปิ๊งรักใส่กันและกันขึ้นมา.....คือที่เขียนเนี้ยะ เพราะ “ตาร้อนผ่าว” คิดในใจอย่างชั่วร้ายแบบดังๆว่ารักกันไปได้ไง...ทำไมไม่มารักเราอะไรเงี้ยะ! แต่เอาเป็นว่า มีเพื่อนของคุณตกหลุมรักกะอีกคนละกัน ทว่า เลิฟ สตอรี่กันแล้ว เวลาต่อมาทั้งคู่ดันเกิดอยาก “เลิกคบ” กันขึ้นมานี่สิ คุณผู้อ่านเคยอยู่ท่ามกลางระหว่างรักอลวนชวนอลเวงอย่างงี้มะ?
เพราะจู่ๆวันนึงพวกเค้าก็มีปากเสียงทะเลาะ กัน...ไม่ว่าจะทะเลาะกันแบบค่อยๆ หรือตบตีกันเสียงดัง และสุดท้ายทั้งคู่อยากเลิกกัน หมายถึงบ๊ายบายตีจากกันอย่างจริงจัง มิใช่ “เลิกผ้าเข้าหากันใหม่” แล้วคุณล่ะจะทำไงดี? เพราะนี่ก็เพื่อน, ส่วนคนโน้นก็เพื่อน (ถ้าสมมติว่าเป็นเพื่อนกะทั้งสองฝ่ายนะ) โอ๊ย....พวกเราในฐานะเพื่อนคงปวดกบาลเป็นที่สุด
สังเกตดิ่ เวลาเพื่อนของพวกเรารักกัน บรรยากาศอะไรๆมันก็ดีอยู่หรอก ทำให้พวกเราเฮไหน, เฮนั่นไปด้วยกันสนุกอย่างเดียว แต่พอพวกเค้าเริ่มเลิฟ... รักไม่อยู่กะร่องกะรอยเหมือนเก่าสิ โอ้โหไอ้เพื่อนคู่เนี้ยะ กลับทำให้เพื่อนๆที่อยู่รอบข้างพวกเค้าแตกกระเจิง ไปคนละทิศละทางไหนเชียวว่ะ! แล้วในฐานะเพื่อน “ยามยากบวกโคตรดีอย่างพวกเรา” จะทำไงดี?
1. ถ้าหากเพื่อน 1 ในคู่ “รักร้าว” นั้น โทรศัพท์มาปรับทุกข์เรื่องนี้ด้วย กรุณารับ ฟังเค้ากันนะ อย่าเพิ่งไปสอดแทรกความเห็นส่วนตัวของตัวเองเข้าไปล่ะ
อีกอย่างเวลาเพื่อนคุยเรื่องนี้ ก็อย่า “อิน” จัด คิดว่าเป็นชีวิตของตัวคุณเองเข้าล่ะ เฮ้อ...เคยมีประสบการณ์รักๆเลิกๆมาก่อนก็งี้ล่ะ อารมณ์ชักพาไปง่ายตายชัก
ดังนั้น พอเพื่อนยกเรื่องนี้มาปรึกษาเข้าหน่อย จึงอาจเผลอขุดเอาประวัติศาสตร์ทางอารมณ์และจิตใจของตัวเองใส่เข้าไป...ซึ่ง เอ่อหากเผลอนิดนึงก็ไม่เป็นไร แต่หากเผลอ “พูดเข้าเนื้อตัวเอง” บ่อยเข้า ระวังเจ้าเพื่อนที่อุตส่าห์มาพูดคุยด้วยจะเหยียบเอานะ อ่ะนี่ยกตัวอย่างของการโทรศัพท์มานี่หว่า ดังนั้น “เพื่อนรักร้าว” ก็ไม่ได้เข้ามาใกล้ตัวเราอิอิ แต่อาจถูกขัดคอกลับไปได้มั่ง
นี่แน่ ผลแห่งการพูดเรื่อยเปื่อย และเอาเรื่องของตัวเองมาปนกะเรื่องของเพื่อนร้าก ที่กำลังรักร้างก็เงี้ยะ เหตุนี้ หากเพื่อนอยากหารือเรื่องทุกข์ ในใจด้วยก็ช่วยรับฟังหน่อยเหอะ ยาหยี นะนะ
2. ในกรณีที่เพื่อนขอพบ เพื่อพูดคุยกันแบบนัดไปทานข้าวหรือนัดไปช็อปปิ้งด้วยกัน แล้วเพื่อนกะคุยกับเรา ในเรื่องหวาดเสียวนี้
ก็กรุณา “รับนัด” ซะเดี๋ยวนี้ ถึงแม้คุณจะงานยุ่งแสนยุ่ง หรือมีนัดทำธุระปะปังที่แสนเบื่อก็อย่าไปเบื่อเพื่อนมันเลย หวังว่าคุณๆที่รักจะสามารถปลีกตัวจากภารกิจทั้งหลายทั้งปวงมา “ให้เวลากับเพื่อน” ได้นะ ซึ่งเรื่องการปลีกเวลาหรือปลีกตัวมาให้เพื่อนที่มีปัญหารักไม่สมบูรณ์พูนสุข เนี่ยะ ก็เข้าใจนะว่า บางครั้งคุณก็ไม่สามารถเจียดเวลาที่มีอยู่น้อยนิดมาให้เพื่อนจริงๆได้หรอก... แต่ความเป็นเพื่อนสุดประเสริฐเลิศสะแมนแตนของคุณ อีกนั่นแหละ ที่ทำให้ เอ่ยปากปฏิเสธเพื่อนไม่ได้......เพื่อน อย่างนี้หายาก นะเฟ้ย จึงควรสงวนไว้เป็นเพื่อนกันตลอดไป๊...เฮ
ทีนี้เวลาเพื่อนกำลังชีช้ำจากรักต้องการคุณ ก็อย่าลืมเจียดเวลาให้เค้านะ รับรอง “เจ้าเพื่อนที่ประสบปัญหารักปรวนแปร” จะไม่ลืมความดีของคุณเชื่อดิ่
ยกเว้นมันเป็นเพื่อนไม่รักดี หรือไม่เคยเห็นความดีของเพื่อน แต่เวลาทุกข์ใจขึ้นมาเมื่อไหร่ละก็ โอ้ย....เพื่อนเกิดอยากมีเพื่อนไว้ปรับทุกข์ขึ้นมาเชียว แต่พอมีความสุขกลับไม่เห็นหัวใครสักคน เพราะลืมเพื่อนแสนดีอย่างเราไปซะฉิบ อุ้ย.... เผลอบ่นได้ไงไม่รุ!
3. ตามประสาเพื่อนของคู่นี้ (ก็คู่ที่กำลังมีปัญหาฟามรักน่ะสิ) พวกเราย่อมให้คำแนะนำในเชิงให้ทั้งสองฝ่ายกลับมาสมานรักกันอีกแหงๆ
ใครขืนยุให้เลิกกัน ไอ้นี่คงถูกมองเป็น หมา....เอ้ย...เป็นสุนัขแหงเลย โดยเฉพาะตอนเจ้าเพื่อนของพวกเราคู่นี้ เกิดคิดได้ในภายหลังว่า ตูไม่น่าไปปรึกษาเพื่อน “ใจร้าย” อย่างไอ้นี่เลยวุ้ย!
กระนั้น หากอยากยุแยงตะแคงรั่วจริงๆก็มี ข้อยกเว้น เพราะใช่ว่าคู่รักทุกคู่ เค้าเหมาะสมกันไป ซะหมดที่ไหนล่ะ มีตั้งหลายคู่ไม่รู้อยู่กันไปได้ไง เดี๋ยวๆก็ชอบโอดครวญว่า ถูกทำร้ายร่างกาย หรือไม่งั้นก็ไปปรึกษาญาติๆว่า อีกฝ่ายไม่เอาใจชั้นเลยอ่ะ! แต่บางคู่ที่บ่นงี้ก็ยังอยู่ด้วยกันได้อีกนี่ดิ่....ทำให้เง็งไหมล่ะ
ดังนั้น หากแฟนเพื่อน “ร้ายกาจ มหากาฬจริงๆ” ก็ยุให้เลิกๆไปซะเร็วๆน่ะดีแล้ว.....อ่ะช่วย ไม่ได้ เผอิญเป็นคนตรงไปตรงมา ก็งี้ ขี้เกียจเก็บๆซ่อนๆความรู้สึก....มีไรปะ
แต่ก่อนทำอะไรลงไป ไม่ว่าจะยุให้เลิกหรือส่งเสริมให้รัก กรุณาอย่าสะเหล่อทำอะไรบ๊องส์ๆ แบบไม่คิดให้ถี่ถ้วนนะ
ยิ่งถ้าทำเพราะหมั่นไส้ว่า “เจ้าเพื่อนคู่นี้รักกันเหลือเกิน” เลยเกิดอาการ “เจตนาดีแต่ประสงค์ร้าย” ก็อย่ารีรอที่จะเป็น กขค. (ก้างขวางคอ) โอ้ย....พูดผิดอีกแล้ว ทางที่ดีน่ะ อย่าไปอิจฉา หรือหมั่นไส้ พวก เค้าเลย ถึงแม้คุณผู้อ่านยังไม่มีแฟน ก็ไม่ควรอิจฉาตาร้อนพวกเค้านะ ปล่อยให้เค้ารักกันน่ะดีแล้ว แล้วค่อยรู้พวกเค้ารู้สันดานกันภายหลัง มันไม่มันกว่ารึฮ้า
4. ในฐานะเพื่อน หากรู้สึกช็อกกับ “รักร้าว” ของคู่เพื่อนรักของคุณ ก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะจู่ๆ พวกเค้าเคยรักแล้วมา “เลิกคบ” เพื่อนอย่างพวกเราย่อมมีเสียใจมั่งละ...แต่อย่ามาแย่ง “แฟนเรา” ไปเป็น “แฟนเพื่อน” ละกัน....ขอร้องล่ะ ฮิฮิ. หาคู่ หาเพื่อน หาแฟน www.thaidarling.com

Sunday, November 2, 2008

คุณมีแฟนแบบไหนกันแน่?

เคยสังเกตตัวเองหรือแฟนของคุณมั้ยว่า ต่างคนต่างเป็นคนรักหรือแฟนแบบไหนกันแน่? เพราะคนเราย่อมต่างจิตต่างใจ แถมยังมาจากต่างที่, ต่างทาง และถูกเลี้ยงดูมาจากสิ่งแวดล้อมไม่เหมือนกันซะด้วย แต่...ถึงกระนั้นสองเราก็เป็นแควน (หรือแฟน) กัน (.....เข้าไป) ได้
งั้นมา...มะมาพิจารณากันเหอะว่า คุณเป็นแฟนประสาอะไร....เอ๊ย...แฟนของคุณเป็นอย่างไรกันแน่? เช่น......
1. เป็นแฟนช่างจับผิดเรอะเปล่าจ๊ะ
จริงๆแล้ว อาจไม่ได้ตั้งใจอยากจับผิดอะไรกับ “สุดเลิฟ” ร้อก เพียงแต่ธรรมชาติของคุณ (และอีกหลายคน) ดั๊น....เป็น คนช่างสังเกตมาตั้งแต่เกิด ดังนั้น คงสังเกตมากไปนิ้ดนึง ทำไปทำมา จึงกลายเป็นการจับผิดไปโดยไม่รู้ตัว โอ้โห...ขนาดแฟนมีกระเป๋าใบใหม่ก็แซว, จะเดินทางไปบ้านเพื่อนอยู่รอมร่อแบบเปิดประตูแล้ว และแต่งตัวงามขึ้นกว่าเดิมหน่อย....ก็ถูกถามอีกว่าไปกับเพื่อนคนไหน?, ไปกันกี่คน?, ไปที่ไหน? อู๊ยกว่าจะตอบเสร็จ ก็เลยเวลานัดไปแล้ว เฮ้อ! ไม่รู้กรรมของกูหรือกรรมของใคร? แทนที่จะถามว่า เรามีเงินติดตัวไปรึเปล่า? น่าถามงี้มากกว่านะ
2. เป็นแฟนที่เอาแต่ใจตัวเอง
มีแควนแบบนี้ ที่จริงดีออก ปล่อยให้เค้าเอาแต่ใจตัวเองไปเรื่อยๆ แล้วเราก็ชะแว้บไปมีกิ๊กที่น่ารักกว่าซะเลยดิ่ เพราะมีเหตุผลที่จะเตลิดไปหาคนคุยคนใหม่แล้วนี่หว่า.....แต่นี่พูดเล่นนะ ไม่อยากให้ทำจริง ทางที่ดี ทั้งคู่ควรหาเวลาคุยกันถึงปัญหานี้ให้เคลียร์กันไปเลยเถอะ เพราะไม่มีใครคนไหนอยากมี “คนใกล้ชิด” แบบนี้หรอก แต่หากผู้ใดรับความเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองของอีกฝ่ายได้ ก็ดีน่ะสิ (ดีกะผีตรงไหน เชื่อว่าคุณผู้อ่านทราบอยู่แล้วใช่ม้า)
3. แฟนแบบทำตัวไม่อยากเป็นแฟน หรือแฟนชอบเล่นตัว ก็ได้
อ่านแล้วอย่าเพิ่งงง ในที่นี้หมายถึงแฟนแบบว่า พอคุณกะแฟนอยู่ต่อหน้าคนอื่นเมื่อไหร่ละก็ เค้าจะทำเป็นไม่ใช่ “แฟน” ของคุณทันที อ้าว! ก็ไม่อยากเปิดเผยให้คนอื่นรู้ไงว่า ตัวเองมีแฟนแล้ว จึงทำสะดิ้งปลิ้นปล้อนเวลาพาแฟนตัวจริงไปไหนมาไหนไงล่ะ แฟนหยั่งงี้มันน่า....ทำไง? เติมเอาเองได้ตามใจชอบ เช่น น่าตบ, น่าเหยียบ หรือน่าถองอะไรเงี้ยะ แต่หากใครชอบมีแฟนแบบนี้ก็ตามใจดิ่ แถมอยากแสดงความสะดิ้งตอบเค้าใช่ไหมล้า รู้นะ คิดอะไรอยู่?
4. แฟนแบบเปิดเผย
เพราะวิวาห์กันแล้ว อ่ะก็แจกซองแต่งงานอย่างเป็นทางการแล้วนี่ ไอ้จะปิดบังอำพรางคดี แม้บางทีเค้าก็นึกอยู่เหมือนกัน...แต่ดิ้นไม่หลุดไง ดังนั้น หากไปจ๊ะจ๋าพูดคุย หรือจีบคนอื่นที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว เค้าก็ได้คะแนนพิศวาสไป เพราะ เวลาจีบคนอื่น.... รู้สึกสนุกกว่าจีบแฟนตัวเองนี่หว่า ในทางตรงข้าม หากใครๆเค้ารู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองว่าไม่โสดสนิทซะแล้ว เจ้าตัวคงหลบหลีกคำถามลำบากสิท่า โถ....วิวาห์แล้วก็ควรซื่อตรงต่อตัวเองและครอบครัวสิจ๊ะ
ถ้าใจยังอยากมีกิ๊กอื่นอีก เพราะมีเท่าไหร่ก็ไม่พอ แล้วจะไปหลอก... เอ๊ย ชวนอีกฝ่ายแต่งงานด้วยทำไมมิทราบ? แต่โปรดเข้าใจนะว่า ที่เขียนนี่ไม่ได้เจาะจงว่า เป็นเพศใดนะฮ้า เพราะแต่ละเพศก็ใช่ย่อยที่ไหนล่ะ อีกอย่าง “ความเบื่อหน่าย” ก็ทำให้เสียเส้นด้วย
5. แฟนแบบชอบสนุกกับการมีเพศสัมพันธ์ประเภทรีบเร่ง
แบบแฟนคุณไม่เคยรีรอ หรือคอยท่า (แปลว่า ไม่รู้จักกาลเทศะ) และไม่มีศิลปะแห่งการกระชับสัมพันธ์เลยสักนิด คิดแต่ว่าสองเราเป็นแฟนกันแล้วจะทำอะไรกันยังไงก็ทำได้...(จริงอ่ะ) ยิ่งไปกว่านั้น เค้าไม่ใส่ใจด้วยซ้ำไปว่า อีกฝ่าย (ก็คู่ขา...เอ๊ย คู่รักของเค้านั่นแหละ) จะตาม ทันเกมเสน่หา ทะลวงลึกและจู่โจมอย่างหื่นกระหายได้รึเปล่า?
หากคุณเองก็ชอบให้เค้ากระโดดเข้าหาคุณแบบ “เสือหิว” ล่ะก็ หยั่งงี้ดิ่ถึงเป็นคู่ที่เหมาะเหม็งกันที่ซู้ด แสดงว่า ต่างฝ่ายต่างสนใจในรสพิศวาสคล้ายๆกันจึงไปด้วยกันได้ นี่หากคุยโม้ว่าคู่นี้รักกันจนเตียงหัก ยังได้เลย ก็อีกฝ่ายสนใจแต่เซ็กซ์อย่างเดียวนี่หว่า
6. แฟนแบบจองตัวกันไว้ตั้งแต่เกิดโน่นเลยเชียว
เช่น คู่ที่ถูกผู้ใหญ่ของทั้งสองจับมั่นหมายกันตั้งแต่คุณแม่ของทั้งคู่ตั้งครรภ์นั่นแหละ ซึ่งในละครทีวีเห็นมีเนื้อหาแบบนี้บ่อย แต่ชีวิตจริงสมัยนี้ไม่รู้ดิ่ว่ายังมีอีกหรือเปล่า? กระนั้น บรรดาเศรษฐีเงินถุงเงินถังก็ชอบจับคู่ให้ลูกอยู่ เผื่อจะได้เชื่อมโยงตระกูลไฮโซไว้ด้วยกัน คงงั้นแหละ....แต่เอ่อหากวันไหน ท่านมหาเศรษฐีรายใดเกิดเปลี่ยนใจ ให้คนโลโซอย่างเมอร์ลินเข้าตระกูลเมื่อไหร่? ช่วยกระซิบบอกด้วยเด้อ เผื่อจะได้เล่นตัวกะเค้ามั่ง
7. แฟนมหาประลัย เพราะไม่รู้จะมีแฟนหยั่งมันไปทำอะไรน่ะสิ
แฟนตามข้อนี้ เชื่อว่า ท่านผู้อ่านคงเคยผ่านตา หรือบางคนอาจผ่านมือมาแล้วด้วยซ้ำ ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ยืดยาวเนอะ ขืนพูดไปก็ซ้ำซาก
จึงสรุปเลยละกัน ตามคำกล่าวที่ว่า “คบคนให้ดูหน้า ซื้อผ้าให้ดูเนื้อ” น่ะ กรุณาอย่าไปดูแต่หน้าอย่างเดียวเพราะหลอกตากันได้! ควรพิจารณาอย่างอื่นด้วย เพราะใครจะรู้ตั้งแต่แรกล่ะว่า หน้าตาคล้ายโอซามา บิน ลาดิน น่ะ จะโหดปานนี้ หรือบางรายหน้างี้งดงามเชียว ประมาณน้องๆนิโคล (ยังไม่ได้ระบุซะหน่อยว่านิโคลไหน?) แต่ปากจัดอย่างกะอะไรดี ส่วนบางคนก็ร้ายเหลือที่จะพรรณนา จึงอยากให้ดูที่ใจน่ะชัวร์สุด. หาคู่ หาเพื่อน หาแฟน www.thaidarling.com

Saturday, October 25, 2008

ปากกับใจไม่ตรงกัน

รู้น่าทุกท่านทราบว่า คนเราน่ะ ปากกับใจไม่ตรงกันเป็นอย่างไร? เพราะแม้แต่คุณผู้อ่านเองก็เคยเป็นงี้ใช่ไหมล่ะ...........ถึงปากอย่าง-อย่างว่า บอกไม่รัก-แต่ใจจริง “เวลาเดินจากกันทีไรใจหายแป้ว เพราะรักมากทู้กที”...ซึมๆ เอ๊ย.......ซึ้งล่ะซี้
แต่นี่คือตัวอย่างของอาการปากกับใจไม่ตรงกัน ในด้านความสัมพันธ์ของหญิงที่กำลังมีคนมาจีบ หรือหญิงที่กำลังมีความรักเท่านั้นนะ ไม่ เกี่ยวกับประเด็นการทำงานอย่างจริงจัง ไม่ใช่การวัดว่า หญิงหรือชาย เพศไหนทำงานดีกว่ากัน ไม่ได้ บอกว่า ผู้ชายชอบทำร้ายผู้หญิงแค่ไหน....เอ๊ะมันเกี่ยวกันไหมเนี่ย และที่ไม่แน่ๆ ไม่ใช่ความคิดของสาวๆทุกคน แต่นี่คือแซมเปิ้ลที่อยากเล่าให้ฟังเท่านั้น เช่น...
1. ถ้าสาวพูดว่า ชั้นแค่ยังไม่พร้อมที่จะ มีความสัมพันธ์กับใครตอนนี้?
ความหมาย คือ ชั้นไม่อยากคบคุณ (คนที่....โคตรบังอาจมาจีบ) หรอกย่ะ....รู้ไว้ซะ!
2. ถ้าหล่อนเอ่ยเอื้อนว่า ชั้นรู้สึกใกล้ชิดกับคุณ โอ... คุณช่างรู้ใจชั้นไปหมด? (อึ่ย.... น่ากลัวเนอะ---เติมเองจ้า) ความหมาย คือ ชั้นเริ่มอยากให้เราใช้คำว่า เลิฟ (รัก) ได้แล้วนะ แต่ชั้นไม่อยากเริ่มพูดก่อนรู้ปะ
3.ถ้าสาวตอบคำถามของผู้ที่บังอาจ...เอ๊ย บังเอิญถามว่า หล่อนมีแฟนรึยัง? แล้วหากเธอบอกว่า แฟนน่ะเหรอ ชั้นอาจมีหรือไม่มีก็ได้ แต่ไม่ใช่คุณ(ที่มาจีบ)แน่ๆ ความหมายจะเป็นอะไรไปซะอีกล่ะ ก็ต้องคือ จะมาขอชั้นไปดินเนอร์ด้วยรึยะ ชั้นไม่ไปหรอก เมินซะเหอะ และความจริงเหนือจริง ได้แก่ ชั้นยังไม่มีแฟนอย่างเป็นเรื่องเป็นราวหรอก แต่เอ็งก็อย่าสะดิ้งมาจีบเลย ไม่ใช่เปก (สเปก) ชั้นซะหน่อย
แถม หน็อยแน่ ตาเค้าคงบอดด้วยมั่ง มองไม่เห็นรึไงว่า ชั้นมากับเพื่อนๆชั้นนะ จะมาจ่งมาจีบอะไรตอนนี้ ไปหาคนจีบเอาชาติหน้าไป๊.... เห็นทีบางคนคงต้องไปเปิดเพลงซึมจ๋อยฟังแล้วเชอะ
4.เมื่อสาวถามใครสักคน (ที่หล่อนสนใจอย่างจริงจัง) ว่าคุณกำลังคบใครอยู่หรือเปล่า? หล่อนหมายถึง ชั้นอยากเขียนใบสมัครเป็นแฟนของคุณเหลือเกิน.......สนใจๆๆ มากๆ ไม่งั้นไม่ถามงี้หรอก ถามอย่างอื่นดีกว่า เช่น ถามว่า มีเมียแล้วสะเออะอยากมาจีบชั้นทำไม...เชอะ หรือทำไมคุณน่ารักจนน่าจีบอย่างนี้ อู๊ย ขืนพูดตรงขนาดนั้น จะถามเค้าว่ากำลังคบใครอยู่ทำมั้ย บอกไปเลยว่าชั้นรักคุณซะหมดเรื่อง เข้าท่ากว่าจริงๆด้วย หนับหนุนออกนอกหน้าเกินไปไหมเนี่ย?
5. หากสาวเปรยว่า ชั้นไม่อยากทำลายความสัมพันธ์อันดี ระหว่างความเป็นเพื่อนของพวกเราร้อก
แปลว่า ชั้นไม่ได้ สนใจคุณเลย แค่เพื่อนก็เกินพอ........รู้สึกว่า หล่อนเปล่าพูดนะ เพราะคนเขียนนั่นแหละพูดเอง... อ้าว! สะเออะขึ้นมาเชียวไหมล่ะผู้สะเออะหรือสาระแนตัวจริง อยู่นี่เอง 555
6. หากสาวมีคนรักแล้ว และเผอิญทั้งคู่ คบกันมานานราว 3 ปีขึ้นไป วันนึงเธอดันถาม “คนรัก” ขึ้นมาว่า ชั้นยังสวยอยู่หรือเปล่า?----โปรดทราบว่า เป็นคำถามกวนใจคนที่หล่อนคบด้วยมาก
แปลว่า หล่อนอยากให้คนเลิฟหรือคนที่คบกับเธออยู่ชมเธออีกน่ะสิ ว่า เธอยังสวย...แค่ไหน? และสวยวันสวยคืน ไม่ใช่โทรมวันโทรมคืน เพราะชั้นไม่ใช่ป้าหรือยายของคนเลิฟนะเฟ้ย แต่ชั้นน่ะ เป็นแฟนเค้า ยังจำกันได้เรอะเปล่า? ฮันนี่! ปรากฏว่า ฮันนี่น่ะ ยังจำได้ แต่จำ “สาวคนใหม่ที่เค้าแอบไปคบด้วยนะ” อ้าวๆๆ คิดงี้ ก็สวยดิ่
7.กรณีสาวมีคนรักแล้ว และเกิดนึกอยากถาม “คนที่หล่อนคบด้วยหรือเป็นแฟนกันแล้ว รึเป็นอะไรต่อมิอะไรกันเลยกว่านี้ไปแล้วก็ได้” ว่า ชั้นอ้วนไปรึเปล่า? อย่าลืมนะจ๊ะว่า เรื่อง อ้วน เอิ้น น่ะ ยิ่งใหญ่สำหรับอิสตรีมากจริงๆนะตัว
ก็หมายฟามว่า คนเลิฟของหล่อนควรตอบว่า อ้วนอะไร...ยายช้างน้ำ ตรง “ยายช้างน้ำ” น่ะ ห้ามพูดเด็ดขาด เพราะหัวขาดเชียวนะ อย่างน้อยคุณ (หรือเค้า=คนที่หล่อนคบด้วย จะเข้าใจกันได้หรือยัง? แฮ่ๆ) ควรให้กำลังใจเธอเยอะๆ เถอะว่า คุณยังสเลนเดอร์ หุ่นงี้เช้งกระเดะอยู่เลย คิดมากไปได้ แล้วก็ทำสีหน้าให้จริงจังตามคำพูดด้วย อย่าลืมว่า ถึงแม้ผู้หญิงอยากได้ยินคำชม แต่ ไม่ควรชมให้เว่อร์ ถ้าชมเว่อร์ไป จับได้จะยิ่งเจ็บใจ หนำซ้ำเจ็บใจอย่างเดียวไม่พอ ยังจะทำให้กินอะไรไม่ลงอีก เพราะอยากสเลนเดอร์จริงๆไง จึงยิ่งควรให้กำลังใจหล่อนมากๆ ไม่ให้ “กำลังใจ” กันน่ะน่าดู
8. เกิดสาวพูดกับแฟนหรือคนที่คบด้วยว่า ชั้นไม่เข้าใจ (ไม่เก็ต) ในตัวเพื่อนๆของคุณเลยจ้า....ตอนที่เค้าพาเพื่อนๆมาพบหล่อนละก็ นั่นหมายความว่า เพื่อนของคุณทำไมถึงคบกันเข้าไปได้นะ คบแล้วมันดีต่อความสัมพันธ์ของพวกเราหรือ? เออนั่นสินะ ตอบหน่อยสิ
9. ถ้าสาวพูดกับคนที่คบขึ้นว่า ชั้นอยากแต่งงาน อยากแต่งงานเข้าใจมะ? หมายฟาม ว่า หล่อนอยากแต่งงาน ก็ตามนั้นแหละ คราวนี้ ปากกับใจตรงกันขึ้นมาเชียว แต่...แท่น แท้น...คนที่คบด้วยจะอยากแต่งด้วยรึเปล่า? นี่สิ! เอ่อคือ ถ้าหล่อนโดนอึ๊บแล้ว ก็ไม่ทราบจะแต่งไปทำไม หรือแต่งไปหาอะไร? (ถ้าเค้าไม่ได้รักหล่อนจริงนะ) แต่ถ้ายังไม่โดนอึ๊บรับรองรีบวิวาห์ด้วยแน่ เพราะอะไรต้องบอกด้วยเหรอ?
กระนั้น ความจริงเหนือสิ่งอื่นใด ก็คือ ฝ่ายชายเอง ก็ปากกะใจไม่ตรงกัน......มี อย่าโกหกว่าไม่มี ต่อให้ “อมอะไรมาพูดก็ไม่เชื่อ” ซึ่ง เรื่องทั้งหมด มันก็เป็นอย่างนี้ละฮ้า. หาคู่ หาเพื่อน หาแฟน www.thaidarling.com

Saturday, October 18, 2008

สาวล่าหัวใจ จีบยังไงให้ได้แฟน?

สมัยนี้มีสาวเยอะแยะที่ใจกล้าหน้าด้าน....เอ๊ย มีความตั้งใจจริง (มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่หน้าด้านเฉพาะในคลิปวีดิโอโชว์สยิว) ทว่า สาวทั่วไปแน่นอนว่า ย่อมอยากมี “ใครสักคน” มาแนบกาย เฉกเช่นเพื่อนสนิท แล้วค่อยเลยเถิดเป็น “กิ๊ก” และไปเป็น “แฟน” ซะเลย แต่แทนที่จะนิ่งรอ, นั่งรอหรือแม้แต่นอนรอ ก็ไม่เห็นมีเหยื่อปรี่เข้ามาเสนอตัวเป็น “อัศวินขี่ม้าขาว” เลยวุ้ย! เชอะ...น่าน้อยใจในชะตากรรมที่มีอะไรไม่รู้ไปสะกดดวงเนื้อคู่ ไม่ให้ “มีแฟนเป็นเรื่องเป็นราว” สักที
จึงทำให้สาวๆ กลายเป็นคนไร้แฟนแต่มีกิ๊กกันเกลียวกราว ทั้งที่กิ๊กน่ะ ไม่ใช่แฟน ทำแทนกันไม่ได้ เสียเซลฟ์ (เสียความมั่นใจในตัวเอง) ไปตามๆกัน ผู้หญิงบางคนงี้ผ่านร้อนหนาวมาแล้วไม่รู้เลยเลข 3 ไปแล้วกี่ปี ก็ยังหาแฟนไม่ได้ตามเคย โอ๋ๆ อย่าเสียใจ เอ๊ะแต่ได้ยินบางคนพูดขึงขังว่า ขืนมีแฟนเฮงซวยก็อย่ามีซะดีกว่า...โหมีจุดยืนมั่นคงจังนะ แต่เนื่องจากสาวๆที่อยากมีแฟนอยู่ในสังคมอันแออัดนี้อีกเพียบ จึงอยากชวน “สาวโสดติ๋มๆ” ที่ปรารถนามี “คนพิเศษ” (ซึ่งจะเป็นใครและเพศไหน ก็สุดจะเดา แต่ขอให้ดีกะหล่อนก็พอ) แปลงกายเป็น “สาวนักล่าหัวใจ” บุกเข้าไปจีบเค้าก่อน ไหมล้า
แต่ขอสัก 2 อย่างนะ ก.ถ้าอยากมีแฟนจริงละก็ ไม่ควรนั่งอยู่กะบ้านทั้งวันทั้งคืน ยกเว้น หาแฟนทางอินเตอร์เน็ตก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าอยากสัมผัสแบบมีตัวตนมากกว่า ชนิดเห็นตัวจริง เสียงแท้ และวัดใจกันไปเลย ก็เจอกันแบบ เฟซ ทู เฟซ (ต่อหน้าต่อตา) ซะสิ
ข.ไปสถานที่ที่มีกลุ่มคนสุมหัวกันเยอะๆหรือพอดิบพอดีก็ได้ ที่นั่นอาจทำให้คุณมีโอกาสได้จ๊ะเอ๋กะใครสักคนแล้วปิšงเค้าขึ้นมาได้นี่ แต่อย่ามัวปิšงคนอื่นจนเพลินลืมโปรยเสน่ห์ ให้เค้าสนใจหล่อนกลับไป ก็จบกัน
ดังนั้น สาวๆ เอ๊ย หากหวังอยาก “จีบ” ใคร สักคน โดยไม่ทำให้คนอื่นที่มองเห็นเหตุการณ์ฉายเดี่ยวแถมเป็นฝ่ายรุกเค้าก่อน ต้องอ้าปากหวอและตาเหลือกในความใจกล้าท้าชิง “หัวใจ” ของผู้โชคร้าย...เอ๊ยโชคดีละก็ ช่วยเก็บอาการของความเป็นสาวเร่าร้อน, เร่งรัด และยัดเยียดหน่อยนึงนะ
เพราะขอบอกว่าผู้โชคดีบางคนอาจไม่ชินกับการที่มีสาวแปลกหน้าเข้าใกล้แล้วแกล้งโปรยเสน่ห์และจีบเค้าร้อก หนำซ้ำ มีนะคนที่ไม่ชอบถูกจีบก่อนน่ะ.... แน้ สงสัยอยากจีบเองละซี แต่ต่อให้ไม่อยากถูกจีบก่อน ก็แอบรู้สึกดี๊ดี เพราะมีสาวมาสน โหปลื้มจี๊ดจ๊าดแย้วใช่ม้า
ฉะนั้น ถ้าอิสตรีอยากจีบ-ใครสักคน-จริงๆล่ะก็ ทำงี้ซี เช่น...
1. ปฏิบัติต่อ “คนที่คุณเล็งไว้” ด้วยความสนใจเต็มที่
แต่ถ้าเกิดโปะเชะ “คนที่คุณไม่สนซะหน่อย” กลับเข้ามาจีบคุณเข้าล่ะ หล่อนก็อย่ารีบไล่ตาคนนี้ไปซะเร็วๆละกัน เพราะมีสายตาของคนอื่นที่อยู่รายล้อมรอบตัวหล่อนกำลังมองอยู่น่ะเซ่ ว่าหล่อนจะรับมือกับสถานการณ์นี้ยังไง? อีกอย่างหากหล่อนหัวเราะอย่างผิดหวังหรือดูแคลน และแสดงท่าทีไม่พอใจละก็ รู้ไว้เหอะว่ากำลังตัดโอกาสตัวเองในการที่จะมีคนอื่นๆ เข้ามาจีบอีกเรื่อยๆไงล่ะ เหตุนี้สิ่งที่ควรทำ ได้แก่กลั้นใจพูดอะไรบางอย่างที่ดีกับ “คนที่อยากจีบหล่อนแต่เธอมองว่ายังไม่ใช่” อย่าง “ดีนะที่คุณเข้ามาคุยกับชั้น” หรือ “คุณชื่ออะไรนะ?” (บอกมาเลย.... เดี๊ยนไม่สนร้อก ถามไปงั้นแหละ 555)
ที่ทำงี้ เพราะอยากสร้างภาพให้ “คนที่ชั้นสน” และเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่รู้ไว้สิยะว่า ชั้นน่ะปากหวานไม่ใช่ปากหมานกะใครก็ตามที่เดี๊ยนไม่ชอบ ขนาดไม่ชอบยังกุลสตรีขนาดนี้ แล้วถ้าคนที่ชอบมาคุยด้วยล่ะ อุ๊ย....คงไม่ต้องสาธยายใช่ไหมยะ ว่าชั้นจะปรนนิบัติพัดวีเค้าขนาดไหน ฮ่ะๆๆ
2. เวลาอยากจีบใครสักคน อย่าได้ริไปนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนหญิงของคุณเข้าล่ะ เวลาตั้งใจจีบต้องจีบเดี่ยว
โดยมากคนเราไม่อยากถูกสาวปฏิเสธต่อหน้าบุคคลที่ 3 หรือต่อหน้าคนอื่นร้อก ดังนั้น ถ้าคุณตัดสินใจบินเดี่ยวไปเที่ยวคนเดียวข้างนอกเพื่อการนี้โดยตรงก็กล้าๆหน่อย เพราะขืนสาวๆยังเกาะอยู่กับกลุ่มเพื่อนละก็ หล่อนอาจพลาดโอกาสได้พบคนที่หล่อนอยากอ้อนเค้าก็ได้นะ อ่ะคุยเรื่องนี้ขึ้นมาก็นึกขึ้นได้ว่า ถ้าไปสถานที่อโคจรก็ควรเลือก “คนมาชอบกัน” ด้วยเหตุผลนิ้ดนึง เพราะคนดีมักสุภาพและขี้อายเกินกว่าจะเข้าไปรบกวนหรือจีบสาวด้วยความห้าวก่อนอ่ะดี้
3. กระซิบกระซาบกับเพื่อนเพื่อเรียกร้องความสนใจสิ
เผื่อ “คนที่คุณสน” หันมาเห็นพฤติกรรมที่หล่อนกำลังกระซิบกระซาบกับ เพื่อนแล้วเห็นเสน่ห์ในตัวคุณที่เคยเห็นเป็นปีศาจ อ่ะ...ไม่ใช่ปีส่ง ปีศาจหรอกพูดเล่น แต่เป็นแม่มดตัวน้อยตัวนิดที่น่าเลิฟต่างหาก โถ สาวอุตส่าห์ทำท่าอะโนเนะเต็มที่แล้วนะ เมื่อไหร่ จะติดกับสักทีฟะ? หรือถ้าเค้ามองมาทางสาวอย่างคุณ คุณก็ฉีกปากยิ้มตอบให้เค้าซี หรือถ้าเค้าเผอิญเดินผ่านมาทางคุณ คุณก็ทักด้วยการถามสักคำว่า เสื้อของเค้าซื้อที่ไหน? ทำไมถึงส้วย สวย แล้วทำให้หน้าตาชื่นชมให้เนียนด้วยนะ
4. ถ้าเบื่อไอ้วิธีเล็กๆน้อยๆ ที่ใช้การส่งสายตาเอย, ยิ้มให้เอย หรือทำเป็นเซ็กซี่ก็ด้วย เพราะอยากให้เค้าหันมาสนใจอย่างทันทีทันใด
โห ใจร้อนจัง ถ้าอยากให้เค้าสนใจคุณแบบเร่งด่วนและเร็วกว่าความเร็วของเครื่องบินบินเร็วกว่าเสียงละก็ แต่น แท้น ลองถือแก้วที่มีน้ำอยู่เล็กน้อยหรือจะมากก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณวิ่งหนีไม่ให้เค้าตามทันได้เปล่า? แล้วทันใดนั้น พอเดินเข้าใกล้คนที่คุณชอบ ก็เทน้ำใส่เค้าเข้าไป.....หยั่งงี้รับรองเค้าปิ๊งหล่อนแน่ แต่จะปิ๊งเพราะชอบ หรือปิ๊งเพราะอยากตามไปตบฐานซุ่มซ่ามก็เสี่ยงเอานะฮ้า ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน หาคู่ หาเพื่อน หาแฟน www.thaidarling.com

Saturday, October 11, 2008

แต่งงานแล้ว ควรมีลูกเลยไหม?

เมื่อหนุ่มสาวตกลงปลงใจลงจากคานแต่ง-งานกันซะที ส่วนใหญ่อยากมีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจกันทั้งนั้น เชอะ ขนาด “คู่วิวาห์เหาะ” ที่หอบผ้าหอบผ่อนย้ายมาอยู่บ้านเดียวกัน ยัง (เผลอ เอ๊ะหรือตั้งใจไม่รู้) มีลูกด้วยกันเล้ย! เพราะ คู่ที่ว่าเค้าพร้อมปฏิบัติกามกิจ แต่ไม่อยากมีความรับผิดชอบเยอะจะตาย พวกเราจึงมักได้ยินคำว่า “มารหัวขน” หรือ โบ้ยความผิดไปให้ “ตัวอ่อน” ซะเรื่อย โถ....ตอนปั๊มปั้มกันคงสนุกสุดขีดเลยดิ่ ถึงได้ลืมเรื่องคุมกำเนิดไปซะได้
ยิ่งเดี๋ยวนี้มีวัยรุ่น (ส่วนนึง) พออยู่นอกบ้านแล้วเกิด ใจแตก “ดังโป๊ะ” ซะด้วย ถึงได้มีคลิปหลุดออกมาประเจิดประเจ้อกันบ่อยๆ แต่เนี้ยะนะสาบานได้......เอ้ย อย่าสาบานดีก่า ยิ่งฝนตกฟ้าร้อง ขืนสาบาน มันเสียวๆยังไงอยู่นะ เอางี้ ไหนๆก็ต่อว่าต่อขานวัยรุ่นที่มีพฤติกรรมเสียๆหายๆไปหน่อยนึงแล้ว จึงอยากชวนเพื่อนวัยรุ่นทั้งหลายขอให้กลับ เนื้อกลับตัวและกลับใจมารับผิดชอบ “สิ่งที่พวกคุณได้ก่อไว้ยังเข้าท่าซะกว่า” รับรอง ไม่มีวันสายเกินแก้ร้อก จะบอกให้ เพราะมีแต่สายแล้ว สายเลย ชนิดกู่เท่าไหร่ก็กู่ไม่กลับแล้วอ่ะดิ่ ก๊ากๆๆ หวังว่ามุกนี้ไม่แป๊กนะยะ
เออ พอฝอยเรื่องนี้ ก็นึกถึงโฆษณาชิ้นนึงตลกมาก เรื่องของเรื่องมีหนุ่มหน้าตาดีคนนึงพูดขึ้นว่า “ถ้าจะเลือกผู้หญิง (หรือแฟนจำไม่แม่น) ละก็ ต้องเป็นคนที่.......” แล้วทันใดนั้นสาววัยรุ่นกลุ่มนึงพยายามเอาใจหมอนี่ เพื่อให้ไอ้นี่เลือกหล่อนเนี่ยนะ! โอ้ย เห็นแล้วแทบรับไม่ได้จริงๆพับผ่า ไม่รู้ทำไมถึงบ้าบอสร้างภาพให้หนุ่มหน้าตาดี (หลงตัวเอง) ได้ปานนี้? ส่วนสาวๆในโฆษณาก็ใช่ว่าหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ซะที่ไหน ทว่าทำเป็นแย่งหนุ่มคนนี้กันอยู่ได้...แต่พอลองนึกถึงสมัยวัยรุ่น ก็จริงเนอะ ที่ใครๆก็อยากคบคนหน้าตาดีก่อนเสมอ มีใครฟะ อยากคบพวกหน้าตาแบบมนุษย์ต่างดาวราวกับอีทีบ้างอ่ะ
ชักบ่นมากไปแหละ เข้าประเด็นของสัปดาห์นี้กันเลยดีกว่า ก็เรื่องของ คู่เลิฟที่อยากมีลูก แต่ยังสองจิตสองใจว่าควรจะมีดีหรือไม่มีดีกว่ากันนั่นเอง? ถือเป็น “ปัญหาโลกแตก” ของบางคู่ “ที่รักจริงหวังมีทายาทหรือผู้สืบ สันดาน” เลยแหละ งั้นมีอะไรเหรอที่คู่เลิฟควรไตร่ตรองก่อนมีเบบี๋น่ะ ได้แก่...... 1.บางคู่แปล๊ก แปลก พยาย้ามเท่าไหร่ก็ไม่สามารถมีบุตรด้วยตัวเองได้ ขณะบางคู่ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย ก็มีลูกสมใจแล้ว
โชคดีหยั่งงี้นี่ล่ะ บางครอบครัวถึงมีลูกหลานเต็มบ้าน ส่วนคู่ที่มีลูกยาก, ลำบากลำบน อาจสันนิษฐานได้ว่า ฝ่ายชายสงสัยมีน้ำเชื้อหรืออสุจิไม่แข็งแรงแหงๆ ขณะไข่ที่ตกในแต่ละเดือนของหญิงก็ไม่สมบูรณ์ อะไรเงี้ยะ มิน่าถึงมีลูกยากซะจัง
แต่ปัญหานี้เหรอ โอ้ย เดี๋ยวนี้วิทยาศาสตร์ก้าวไกลจนสามารถช่วยให้คู่รักมีลูกมานักต่อนักแล้ว ฉะนั้น อย่ากลัวเรื่องมีลูกยาก ควรห่วงว่าคุณมีเงินมากพอที่จะไปให้ ผู้เชี่ยวชาญช่วยได้เรอะเปล่าต่างหาก.....นี่ก็แนะไปงั้น ที่จริงอยากให้การมีลูกเป็นไปตามธรรมชาติมากกว่า แถมมีหลายคู่พอรู้ตัวว่ามีลูกไม่ได้ ก็เลิกเสียดงเสียดายเพราะปลงตก ดังนั้น จึงอยู่ดูแลกันเองสิ้นเรื่อง ก็น่ารักดี
2.แต่มีนะที่คู่เลิฟฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โอ้โห ฉลาดเป็นกรด ถ้ารู้ว่าแฟนสาวมีลูกให้ไม่ได้ ก็ถือโอกาสมีอีหนูซะเลย
โห พอรู้ว่ามีลูกกันไม่ได้ โดยเฉพาะถ้าฝ่าย หญิงไม่สามารถมีได้ ก็มักถูกฝ่ายชายเอาเปรียบด้วยการต่อรองขอมี “ผู้ช่วยเมีย” ซะเลย นี่แน่ะ ไม่รู้ซะแล้วว่าข้ารอวันนี้มานานแค่ไหน ซึ่งฝ่ายหญิงก็ได้แต่อึ้งซึมจ๋องไปกับไอเดียของเค้าน่ะซี เพราะงั้นกรณีมีลูกด้วยกันไม่ได้หรือมีลูกยาก ทางที่ดี ทั้งสองฝ่ายน่ะ ควรชวนกันไปตรวจให้รู้แจ้งเห็นจริงก่อนเถอะว่า ใครกันแน่ที่เป็นต้นเหตุ ทำให้มีลูกไม่ได้? สาวๆจะได้ไม่ถูกโบ้ยว่าเป็นความผิดของหล่อนไงล่ะ
3.ภาระเรื่องการเลี้ยงดูลูกก็อีก
รับรองคู่เลิฟคู่ใด หากมีลูกก็ต้องผ่านช่วงของการอดนอน, ต้องเสียสละมาดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด แล้วไหนยังต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมให้, ต้องชงนมให้ และอื่นๆอีกเยอะแยะ ทำเอา “ว่าที่พ่อแม่มือใหม่ซึ่งเพิ่งมีลูกได้ไม่นาน” บ่นกันใหญ่เลยว่าเหนื่อยบรม เอ้า...ในเมื่ออยากเป็นพ่อแม่ นี่ จะโอดครวญอะไรล่ะ ทางที่ดีควรผลัดกันดูแลลูก และยินยอมเหนื่อยซะเหอะ แต่อ่ะๆ ตาวิเศษเห็นนะ ว่าพ่อแม่บางคนดูแลลูกไม่ได้เรื่องเอาซะเลย ทว่าชอบคิดเองเออเองว่าได้ทำดีที่สุดแล้ว...มีงี้ด้วยดิ่
4.ถ้าคู่รักมีลูกในช่วงวัยที่เหมาะสมแล้ว ไซร้ พวกคุณก็ไม่ต้องทนฟังเสียงแซวเหมือนคู่ที่มีลูกตอนอายุมากไง แต่เอ๊ะ...แล้วจะไปแคร์ กับเสียงนกเสียงกาไปทำไม ในเมื่อกะอีแค่คุณมีลูกตอน อายุมากแล้วมันไปหนักอวัยวะใครเขาเข้าล่ะ ไอ้ฝ่ายที่น่าอายน่ะ ควรเป็นคู่ที่มีลูกเร็วเพราะใจร้อนอยากมีเซ็กซ์และเพศสัมพันธ์ในวัยที่ยังไม่สมควรต่างหาก
5.พร้อมมะที่จะเลี้ยงดูลูกให้เติบโตและเป็นคนดีตามมาตรฐานสังคม
อ้าว ถ้าอยากมีลูกก็ควรวางอนาคตที่ดีให้กับเด็กๆสิ ไม่ใช่อยากมีก็มีไป เพราะไม่รู้จะไปสนอะไร โถ....ยุคเศรษฐกิจทรุดหยั่งงี้ รู้น่าว่า คู่เลิฟต่างก็ต้อง ทำงานเพื่อหาเงินนี่หว่า บ่อยครั้งจึงต้องปล่อยให้เด็กอยู่กับพี่เลี้ยงมั่ง, อยู่กับปู่ย่าตายาย หรือพี่น้องของคู่เลิฟที่ยังพอมีเวลาเลี้ยงให้ใช่มะ กระนั้นถ้าเลี้ยงลูกได้เอง ขอหนุนตรงนี้มากกว่า เอาละสิ ที่นี้คงทราบใช่มะว่า พวกคุณจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกเพียบแค่ไหน
ดังนั้น หากคู่ใดมั่นใจว่าพร้อมก็มีทา-ยาทไปเลย แต่ถ้าคิดสะระตะแล้วว่ายังไม่พร้อมหรือ “พร้อมไม่จริง” งั้นรออีกสักหน่อยคงไม่ เป็นไรใช่ไหมฮ้า. หาคู่ หาเพื่อน หาแฟน www.thaidarling.com

Sunday, October 5, 2008

เปิดศึกวิวาทะยังไง ให้ยังทนกันได้

“เฮ้ย! แกดูคู่นั้นสิ โหแฟนเค้าซื้อไอศกรีมมาฝากยายนั่นด้วย...อิจฉาเนอะ? เฮ่อ! ทีพวกเราไม่เห็นมีแฟนซะที จะได้มีใครมาเอาใจอย่างงี้มั่ง”....1 ในเพื่อน 3 สาวพูดขึ้นมา “แต่ไม่มีแฟนก็ไม่เห็นเป็นไร ถ้าพวกเราว่างเมื่อไหร่ จะได้มีอิสระ อยากชวนกันทำอะไรก็ทำ ดีซะอีกไม่ต้องบอกหรือขอแฟนให้ยุ่งยาก”.....โอ้โหเหะ คุณน้องที่พูดเมื่อกี้น่ะ ฉลาดไม่ใช่เล่นนะยะหล่อน ที่ไม่ “ยึดมั่น ถือมั่น” กับการมีแฟนหรือไม่มีแฟน ทั้งๆที่ตัวน้องเองอาจอยากมีแฟนมากกว่าใครๆในกลุ่มนี้ก็ได้ (อ้าว! จะไปรู้ได้ไงล่ะ) แต่หัด “ปลอบใจ” เพื่อนไว้น่ะ ถือว่าได้ช่วยเหลือกันแล้วรู้มะ
พูดถึงมนุษย์ นี่ก็แปลกไม่เห็นมีใครส่ายตูด.... เอ๊ยส่ายหน้า ว่าไม่อยากมีแฟนเลยสักคน เพราะใจจริงก็อยากมีกันทั้งนั้นแหละ เว้นแต่ผู้แน่วแน่จริงๆ ว่าชั้นเป็นโสดดีแล้ว ซึ่งจะด้วยเหตุผลใดก็ตามที, หรือชั้นเข็ดแล้วว่ะ แสดงว่ารายนี้คงโดนแฟนเก่ายำมาหนักสิท่า ถึงกะเข็ดไม่อยากมีแฟนอีกเชียวเรอะ
ส่วนคนที่อยากมีแฟน แต่ไม่มีแฟนสักที ก็มีสาเหตุต่างๆนานา แซมเปิ้ล (ยกตัวอย่าง) เช่น..... * เลือกคนที่จะมาเป็นแฟนมากไป หรือที่รู้ๆกันว่า เป็นคนช่างเลือก “เป๊ะ” เลย ไม่งั้นก็เข้าข้อต่อไป.....* ไม่มีเวลาพอที่จะมีคู่เป็นตัวเป็นตนอ่ะดิ่ ก่อนนี้แฟนน่ะเคยมีนะไม่ใช่ไม่เคย แต่ขัดข้องทางเทคนิค ทำให้ไปกันไม่รอด เพราะดั้นติดปัญหาว่า เวลาว่างของเรา กลับไม่ใช่เวลาว่างของเค้านี่สิ จึงไม่ค่อยได้เจอกัน, ไม่งั้นก็เจอกันลำบาก, บางคู่ต้องมีเรื่องสำคัญจริงๆถึงต้องนัดมาปรึกษากันให้ได้ แบบนี้ก็ไม่ไหวอ่ะ และยังมีเหตุผลอื่นๆอีกมากมาย จึงไม่ต้องตกอกตกใจว่า ทำไม “คุณผู้อ่านที่น่ารักของเมอร์ลิน” ถึงไม่มีแฟนสักที
เพราะมีแฟน ก็ใช่ว่าจะช่วยเติมเต็มชีวิตให้ดีขึ้นเสมอไป.....อ้าว!
แต่ยอมรับว่า มีแฟนก็เท่ากับได้ “มีใครอีกคน” มาจุ๊งจิ๊ง, วอแว, ทำน่ารักใส่กันรวมทั้งออดอ้อนออเซาะ....ดีน่ะดีไม่เถียงหรอก แต่หากพวกลื้อเกิดขัดคอ, ขัดใจและไม่ลงรอยกันขึ้นมาเมื่อไหร่สิ ถ้าเรื่องที่ทำให้เป็นปากเสียงกันยังเรื่องเล็ก คงพอทนกันได้นะ (อ่ะ...อย่ากัดฟันพยักหน้าเห็นด้วยว่าทนได้ดิ่) เพราะหากทนไม่ได้ ยังไงก็ต้องทนให้ได้.....555 ล้อเล่น ....แต่เอ้าก็เป็นแฟนกันไม่ใช่เรอะ หนักนิดเบาหน่อยถ้าอภัยกันไม่ได้ ก็ไม่รู้จะทำไงและ!
นี่แค่หยอกเล่นให้เห็นความแตกต่างระหว่างการมีแฟน กะไม่มีแฟนเท่านั้น ซึ่งการมีหรือไม่มีฟง มีแฟนอะไรน่ะ มีทั้งข้อดีและข้อเสียด้วยกันทั้งสองฝ่ายแหละ
ดังนั้น ถ้าใครมีแฟนสักคน (ขอเบรกแค่คนเดียวก่อน) ทั้งคู่ย่อมมีการพูดเล่น, พูดแหย่หรือหยอดมุกใส่กันใช่มะ แต่หากพูดกันไปพูดกันมา เกิดเป็นเรื่องขึ้นมาล่ะ? แล้วเผอิญเรื่องนั้นดันทำให้อีกฝ่ายฟังแล้วระคายหูขึ้นมาพอดีเดะ เดี๋ยวเหอะได้มีปากเสียงทะเลาะกันจนตู้เย็นที่บ้านสั่นเอานะเฟ้ย
อันว่า “การมีแฟน” นั้น น้อยรายนักที่จะไม่ทะเลาะกัน ส่วนใหญ่เกือบทุกคู่ล้วนผ่านการปะทะสังสรรค์ทางคารม, วาจา แถมบางคู่มีพฤติกรรมแสบสันสุดๆ ชนิด “ฝากแผลใจทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า” ด้วยซ้ำ ดังนั้น มามะ มาหา ทางคลายปมปัญหาการทะเลาะกันของคู่เลิฟให้ใจเย็นลง ก่อนจะสายเกินไป (หมายถึงเลิกกันน่ะสิวุ้ย) กันเถอะ แต่เอ๊....ถ้าทะเลาะ แล้วอยากคืนดีทีหลังละก็ โธ่เอ๊ย.....งั้นทะเลาะกันซะตั้งแต่แรกทำไมฟะ? เออ....แต่มีคู่ก็ต้องมีงอนกันถึงสนุก
เนี่ยแสดงว่าใจจริงก็ไม่อยาก “ปากเสียและใจร้าย” กับแฟนร้อก.....ว่าแล้วเชียวว่า คุณน้องคงอยากเลียนแบบละครตอน “ตบจูบ, ตบจูบ” ล่ะสิเชอะ แต่ระวังเจอะ “ตบแล้วไม่จูบ” เข้าล่ะ ก๊ากๆๆ ส่วน ทะเลาะอย่างไรให้ “พอรับกันได้” และไม่เลวร้ายถึงกับต้องเลิก ก็ได้แก่.....
1. อย่าทำให้เค้าโกรธสิ ว้าว!.....แนะได้กำปั้นทุบดินมาก
ขอยืนยันนะท่าน ว่าไม่ได้เล่นลิ้น-เล่นคำหรืออะไรทั้งสิ้น เพราะผู้ที่จะทำอย่างนี้ได้ ต้องรู้จุดคีมึ้ง, จุดอ่อน, จุดแข็งของแฟนว่า ควรทำอะไรเค้าถึงพอใจ และอะไรที่ทำแล้วเค้าจะไม่พอใจอย่างยิ่ง ฮึ่ม!
ซึ่งกว่าจะรู้ซึ้งถึง “ตัวตนที่แท้จริง” ว่าเค้าเป็นซาตาน เอ๊ย....เป็นคนอย่างไร? ย่อมอาศัยเวลาพอสังเขป แต่ “พอสังเขป” เนี่ย อาจหมายถึงกี่เดือนกี่ปีกี่ทศวรรษ ก็แล้วแต่ทั้งคู่ละกันว่า ได้ทำบุญร่วมกันมามากน้อยแค่ไหน? ขืนไม่มีบุญร่วมกันเลยก็มีแต่เจ๊งกะเจ๊า แต่ในที่นี้ไม่อยากให้เจ๊ง จึงขอให้ทั้งคู่ประคองความเลิฟกันต่อไปนะ แล้วจะรู้สึก?....ว่า บางเรื่องต่อให้ประนีประนอมก็แล้ว, อภัยก็แล้ว, ทำเป็นหูทวนลมก็แล้ว แต่ไม่ยักช่วยให้เลิกทะเลาะกันได้สักที.....ว้า! ซวยมั่กมากฮ่ะ งั้นจะทำอะไรแก้เคล็ดให้กลับมาคืนดีกันดังเดิมก็ทำซะ.... ถ้ายังอยากมีแฟนอยู่นะ....อ้าวไงเนี่ย!
2. อย่าเอาแต่เถียงหรือเอาชนะกันด้วยเรื่องจิ๊บจ๊อย ไม่งั้นเดี๋ยว “เรื่องไม่เป็นเรื่อง” จะกลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตได้นะเฟ้ย เตือนด้วยความสิเน่หาอ่ะดี้
3. หากไม่พอใจก็อย่าใช้คำ “ด่าทอ” เสียๆหายๆ โดยเฉพาะคำที่มีสิงสาราสัตว์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยน่ะ....ขอเลย รู้เปล่าคำเหล่านี้ยิ่งกระพือความเจ็บช้ำน้ำใจให้กันได้ง่ายที่ซู้ด บางคู่งี้ไม่ยอมมองหน้ากันก็เพราะเงี้ยะ อย่าทำเพียงเพราะความสะใจ หรือเพราะหาคำไหนมาใช้ไม่ได้ก็ด่าอย่างเดียว.....เฮ้ยไม่น่ารักเอาซะเลย
4. เมื่อมีปัญหาควรตั้งใจฟังกันมั่ง ไม่ใช่ทำเป็นหูทวนลม หรือไม่ฟังหรอก แฟนพูดอะไรก็พูดไปดิ่ แล้วทำท่าเป็นชั้นถือว่าชั้นไม่มีปัญหาซะอย่าง.... โอ๊ยคงช่วยให้หยุดมีปากเสียงกันได้หรอก.... ประชดๆ อย่าลืมสิยะ ถ้าไม่อยากให้โลกร้อนก็หยุดทะเลาะเป็นตัวอย่างสักคู่นึงก่อนซีฮ้า. หาคู่ หาเพื่อน หาแฟน www.thaidarling.com

Thursday, September 25, 2008

วิธีป้องกันผมร่วง

เมื่อเรามีอายุเพิ่มมากขึ้น เส้นผมก็เริ่มหมดอายุ หลุดร่วงไปบ้าง แล้วก็มีการสร้างขึ้นใหม่ แต่ในบางคน ผมร่วงก่อนวัย ก็อาจจะไม่มีการสร้างขึ้นมาใหม่ วันนี้เกร็ดความรู้มีวิธีป้องกันผมร่วงมาบอกกัน...ก่อนที่จะป้องกันไม่ให้ผมร่วง ต้องทราบสาเหตุก่อนว่าเกิดจากอะไรสาเหตุหลักที่ทำให้ผมร่วง1. ได้รับสารเคมีบ่อย ๆ เป็นประจำ เช่น น้ำยาดัดผม, สเปรย์, คลอรีนที่อยู่ในน้ำ 2. ใช้ยาสระผม และครีมนวดผม ที่ไม่ถูกกับหนังศีรษะ 3. เกิดจากความเครียด 4. ติดยาเสพติด, ติดบุหรี่ 5. เป็นโรคร้าย เช่น มะเร็ง 6. ขาดสารอาหาร โดยเฉพาะโปรตีนจากสัตว์ 7. ภาวะหลังคลอดบุตร ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ไม่ต้องตกใจ ผมที่ร่วงหลุดไป จะมีการสร้างขึ้นมาใหม่อีกวิธีป้องกันผมร่วง1. เลือกรับประทานอาหารและของที่มีประโยชน์กับเส้นผม เช่น ธัญพืช, ข้าวกล้อง, งาดำ, เมล็ดทานตะวัน, ฟักทอง 2. ควรนวดหนังศีรษะเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เพื่อบำรุงรากผมบ้าง 3. ควรทำความสะอาดผมอย่างสม่ำเสมอ 4. ควรใส่ครีมบำรุงผม ทุกครั้งที่สระผม 5. ควรรับประทานแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อรากผม เช่น Biotin ช่วยให้อาการผมบางดีขึ้น และมีการสร้างผมใหม่ขึ้นมาทดแทน, Zine ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่เมื่อร่างกายขาด จะทำให้ผมร่วง หาคู่ หาเพื่อน หาแฟน www.thaidarling.com

วิธีแก้ริมฝีปากดำให้มีสีชมพู

ใครที่รู้ตัวว่ามีริมฝีปากดำ แล้วอยากให้กลายเป็นสีชมพู วันนี้เกร็ดความรู้มีวิธีแก้มาฝากกัน...ก่อนที่จะทำให้ริมฝีปากมีสีชมพู ต้องแก้ที่ต้นเหตุที่ทำให้ริมฝีปากดำสาเหตุที่ทำให้ริมฝีปากดำเกิดได้จาก1. การสูบบุหรี่2. ใช้ลิปสติกที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งริมฝีปากดำมักเกิดกับคนที่ใช้ลิปสติกราคาถูก หรือลิปสติกประเภทติดทนนานวิธีการแก้ไขปัญหาริมฝีปากดำ ก่อนอื่นคือหลีกเลี่ยงปัจจัยข้างต้น และใช้โลชั่นบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ AHA หรือไวท์เทนนิ่ง นวดคลึงริมฝีปากเป็นประจำทุกวัน เช้า-เย็นไม่แนะนำให้ใช้วิธีการสัก เพราะอาจทำให้เห็นผลทันทีว่าริมฝีปากเป็นสีชมพู แต่ผลข้างเคียงในระยะยาวยังไม่มีใครทราบได้ เลือกใช้วิธีที่ประหยัด และปลอดภัยจะดีกว่าลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติกันดู. หาคู่ หาเพื่อน หาแฟน www.thaidarling.com

Sunday, August 31, 2008

มีแฟนทั้งที ขืนตาถั่วก็เจ๊ง

ยามตกหลุมรัก แหงสิที่ใครๆย่อมอยากรักษาความสัมพันธ์เช่นนี้ไว้ให้ยั่งยืน เพราะหลังจากนั้น...แห้ม...ก็หลังจากผ่านช่วงเวลาจีบกันอย่างอุตลุดคลุกคลานน่ะซี...ถามได้ ทีนี้ล่ะใครจะแน่ใจมั่งว้า ว่า ช่วงเวลาโปรโมชั่นที่ฝ่ายหญิงมักได้รับการทะนุถนอมเอ็นดูอย่างกะ “ไข่ในหิน” จาก “แฟนที่ทุ่มไม่อั้น” เพื่อหวังคว้าใจของสาวเจ้ารายนั้นมาให้ได้
งั้นคงดีแน่ๆเลย ถ้าจะทำความรู้จักกับ “หนึ่งในดวงใจ ณ ตอนนี้ของคุณ” ให้มากขึ้น เพื่อให้รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงก่อนเริ่มต้นชีวิตคู่เพื่อไม่ให้กลายเป็น “นักโทษในกรงเหล็ก” ไม่ใช่นกน้อยในกรงทองนะยะ อย่าสับสน ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเป็นแฟนกะใครสักคน ไม่ต้องมาก ขอแค่คนเดียว เอาให้รอดก่อนเหอะ...อุ๊บ จึงควรมีแนวทางในการตัดสินใจเลือก “คู่แท้สองโลก”...ฮี่ฮี่นี่ล้อเล่นมาร่วมเรียงเคียงกายมั่งละน่า เช่น...
1. เค้าไม่เป็นโรคอัลไซเมอร์, สมองเสื่อม และความจำสั้นแน่นะ
เอ้า เรื่องนี้สำคัญนะ อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่าเค้าคงไม่ลืมวันคล้ายวันเกิดของคุณ, วันแรกที่เค้าให้ ดอกไม้กับคุณ เพราะหลัง จากนี้คงมีสาวน้อยรายแหงๆที่จะได้เห็นเค้าทำเซอร์ไพรส์ให้ ดอกไม้เหมือนสมัยนู้นอิอิ ไปจนถึงวันครบรอบวันแรกที่เราทะเลาะกันอย่างนิ่มนวล ซึ่งก็อีกตอนนี้คงตบตีกันอลหม่านกันไปแล้วยังก็บ่ฮู้ แต่ยังไง๊ยังไงขอยืนยันว่า แฟนที่ดีควรจำวันสำคัญที่เค้าอาจมองว่าแสนจิ๊บจ๊อยซะเหลือเกิน ทว่าเป็นวันแห่งความทรงจำที่ยิ่งใหญ่ของอีกฝ่ายให้ดี...เอาไว้ก่อนดีที่ซู้ด
ไม่ต้องจำให้มันตรงเป๊ะๆร้อก จะจำคลาดเคลื่อน ไปบ้างก็ได้ไม่ว่ากัน เช่นวันแรกที่เอ่ยปากบอกเลิฟ สมมติเค้าพูดคำนั้นในวันที่ 1 มกราคม...ก็ขอให้จำได้คลับคล้ายคลับคลาเป็นวันที่ 2 หรือ 3, 4, 5 มั่งก็ยังดีกว่าลืมไปเลย, ไม่สนใจอีกเลย เพราะดันไปสนใจอะไรอื่นแทนแล้วอ่ะดิ
โอ๊ย ไม่โรแมนติกเอาซะเลยวุ้ย แต่สาวบางคนอาจแย้งว่า แค่เค้าจำได้ว่าตอนนี้หล่อนเป็นแฟนเค้าก็ดีแล้ว เฮ่อ....ทีพอเป็นแฟนกันแล้วผู้หญิงชอบง้อฝ่ายชายแฮะ คงกลัวว่าแม้แต่ “รถไฟเที่ยวสุดท้าย” ก็ยังคว้าไว้ไม่ทันมั้ง หรืออาจ “ไม่มีรถไฟเที่ยวสุดท้ายวิ่งผ่านหล่อนแล้ว” หรือไงไม่ทราบ
2. สุขภาพทั้งหล่อนและเค้าเป็นไงบ้างล่ะ?
คนที่คุณหลงน่ะ ตานั่นมีปัญหาสุขภาพด้านใดอยู่รึเปล่า? เช่น เป็นมะเร็ง, เป็นลูคิเมีย หรือเป็นเอดส์ ไหม? ถ้ารู้ล่วงหน้าจะได้หาทางช่วยเหลือเค้าทัน...มีน้ำใจนะเนี่ย แต่หากเป็นเอดส์ก็น่าคิดนะว่ายัง ควรเอามาทำแฟนอีกเหรอ? เดี๋ยวติดโรคจากเค้าไปด้วย ก็ซวยสิ แต่พูดนี่ไม่อยาก ให้ไปรังเกียจรังงอนคนติดเชื้อเอชไอวีและเอดส์นะ เพราะถ้าเป็นเพื่อนน่ะเป็นได้ แต่หากต้องนอนด้วยกัน มีปฏิสัมพันธ์ทางกายภาพ...อุ๊ย พูดซะน่าเวียนหัว งั้นสรุปเลยล่ะกันว่า หากมีเพศสัมพันธ์กันอย่างลึกลับ... เอ๊ย ลึกซึ้ง ก็น่าเสียวไส้ ใช่ป่าว แต่ถ้ามีอาการไม่สบายอย่างอื่น เช่น เจ็บคอเป็นหวัด, ปากเป็นแผลหรือร้อนในอะไรเงี้ยะ ควรประคบประหงมดูแลกันและกันซะเถอะ คนเราจะเป็นคู่ทุกข์คู่ยากของกันและ กันก็ควรเอาใจใส่หน่อยเด้
3. ประวัติเทือกเถาเหล่ากอของแต่ละฝ่ายล่ะเป็นไง?
คนที่คุณไปติดบ่วงเสน่หาน่ะ เค้ามีความรักความผูกพันหรือขัดแย้งกับใครเป็นพิเศษในครอบครัวหรือเปล่า? หรือสมาชิกในครอบครัวของเค้ารักกันชิปเป๋งหรือโต้วาทีกันทุกวันไหม?
ที่สู่รู้ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะบางคนเหมาะจะเป็นแฟนของใครอีกคน หากเค้าทะเลาะกับพี่น้องซะบ้างไม่ได้รักกันจนกลมดิกประเภทแห่กันไปไหนไปนั่น, ติดกันเป็นพรวนแบบแยกกันไม่ค่อยออก หรือกว่าจะแกะกันออกก็โอ๊ย....แฟนเฟินเกือบหมดความอดทน! เพราะไม่มีเวลาสวีตกัน 2 ต่อ 2 มั่งเลย หรือมีเวลา “ส่งตาหวาน” เช่นกัน แต่น้อยนิดซะเหลือเกิน
โห ยังไม่ทันดื่มน้ำสักอึก ก็เอาแล้ว ไม่รู้ ญาติโกโหติกาตั้งแต่สมัยไดโนเสาร์ดันโผล่มาอีกแล้ว งั้นตกลง เค้าไม่คู่ควรกะเรา หรือเราไม่ คู่ควรกะเค้าวะ?
4. มีงานอดิเรกอะไรกันบ้างอ่ะ?
ชอบดูหนังฟังเพลง หรือชอบไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะแล้วช็อปปิ้งไปด้วยแบบโอเพ่น มาร์เก็ต เช่น ตลาดนัดสวนจตุจักร หรือนิยมไปออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายที่โรงยิมหรือฟิตเนสที่ไหนกัน? แต่มีนะบางคนไม่ชอบทำอะไรเลยสักอย่างที่ว่ามา เพราะสนใจอย่างเดียวคือเล่นไพ่ แถมพี่แกก็เล่นมันทั้งวันทั้งคืนอยู่นั่นแหละ ไม่รู้จักประยุกต์ไปเรียนเป็นหมอดูไพ่ยิปซีหรือหมอดูถอดไพ่เพื่อหารายได้มาช่วยอีกฝ่าย “ก่อร่างสร้างตัว”...เออก็ทำกันได้แฮะ
ขืน ใครคว้าคนหยั่งงี้มาเป็นแฟน คงได้ร้อง เพลง “ทำไมถึงทำกับชั้นได้” ไปอีก 5 ชาติแหงๆ
5. อยากได้แฟนมีความรับผิดชอบแค่ ไหนล่ะ?
หากเป็นหญิงที่ปรารถนาอยากมีคู่เป็นคนมีความรับผิดชอบสูง หรือไม่งั้นแค่รับผิดชอบพอหอมปากหอมคอก็ได้ฟะ แต่ไอ้ที่มีอยู่ดูแล้ว “มันไม่ใช่อ่ะ” เพราะแม้แต่ตัวเค้าเองก็ยังรับผิดชอบตัวเองไม่ได้ เช่น เสื้อผ้าใส่แล้วก็ทิ้งกองไว้เป็นเดือน, จานชาม กินแล้วก็ทิ้งไว้จนแมลงสาบแทะแถมหนูก็ชอบโผล่ออกมาวิ่งเล่นอยู่ในห้องล่ะก็ หากยอมเสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน เลือกคนนี้ก็ขออนุโมทนาสาธุด้วย
แต่ไม่รู้นะ ว่าใครคิดยังไง ทว่า “การมีคู่” ยังไม่ถึงกับเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนสูงสุดในชีวิตหรอก เพราะคุณยังรอ “วัดใจ” คนอื่นๆในอนาคตได้อีกน่ะฮ้า.
หาคู่ หาเพื่อน หาแฟน www.thaidarling.com

Sunday, August 24, 2008

ต้นขาใหญ่ ทำไงดี

เมื่อใครๆ ต่างชื่นชอบที่จะชวนคุณไปทานข้าวขาหมู และสั่งข้าวเปล่าทุกครั้งเพราะขาหมูมีอยู่ที่คุณแล้ว คุณคงยิ้มแบบหน้าชื่นอกตรม รีบหาตำราลดแข้งลดขาเป็นการใหญ่ วันนี้เรามีวิธีลดต้นขาให้ดูเรียวงาม เรียกว่าหนุ่มคนไหนที่เคยประณามหยามเหยียดคุณไว้ ต้องรีบมาสยบและสมัครเป็นบอดี้การ์ดเลยทีเดียว

ประการแรกสุด ใจแข็งเข้าไว้ อย่าปล่อยให้ตัวเองเคลิบเคลิ้มไปกับอาหารอันโอชะ ที่เต็มไปด้วยไขมัน จำไว้ว่า เด็กๆอ้วนน่ะน่ารัก แต่ผู้ใหญ่อ้วนน่ะน่าเกลียด ประการที่สอง บริหารร่างกาย หรือออกกำลังซะบ้าง โดย…….

ยกเวทด้วยขา โดยใช้เวทที่มีน้ำหนักขนาด 1 กิโลกำลังดี โดยให้คุณนั่งเก้าอี้ จากนั้นวางเวทไว้บนขาแล้วยก หรือ จะให้ดีควรนอนราบกับพื้น ผูกเวทติดไว้กับขาแล้วยกให้สูงจากพื้น 45 องศา จากนั้นยกค้างไว้ เมื่อร่างกายของคุณปรับสภาพให้เข้ากับน้ำหนักของเวทได้แล้ว ก็เริ่มยกขึ้น-ลงให้เร็วขึ้นโดยทำทีละข้างๆละเท่าๆกัน หากคุณมีเวท 2 อันก็อาจยกขึ้นลงสลับกันก็ได้ เมื่อชำนาญแล้วอาจยกให้สูงขึ้นกว่าเดิมอีก เน้นให้ต้นขาได้ขยับเขยื้อน ทำเช่นนี้ 3 เซ็ทๆละ 10 ครั้ง โดยทำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งก็จะดีค่ะ

ลดต้นขาด้านในก็ทำได้ง่ายๆ โดยการนอนราบลงบนพื้น จากนั้นไขว้ข้อเท้าไว้ด้วยกัน แล้วขอเข่าเข้ามาให้ชิดร่าง กาย แล้วยืดออก จากนั้นให้คลายเท้าทั้งสองออกจากกันกลับมาสู่ท่าเดิม แล้วเริ่มทำใหม่ 16- 24 ครั้งต่อวัน ต้นขาด้านในของคุณจะดูเล็กลงค่ะหากคุณขี้เกียจซื้ออุปกรณ์ ก็ให้คุณว่ายน้ำ ขี่จักรยานอยู่กับที่ หากคุณปั่นจักรยานด้วยความเร็วสูงต้นขาจะลดทันตาเห็น แต่หากคุณปั่นช้า น่องของคุณก็จะใหญ่ขึ้นทันตาเห็นเช่นเดียวกัน นอกจากนี้กีฬาที่ต้องใช้ขาอื่นเช่น ปีนเขา เดินทน หรือแอโรบิคก็ช่วยได้ค่ะ แต่ขอเตือนด้วยความหวังดี สำหรับกีฬาแอโรบิค เพราะมันไม่ได้ทำให้คุณผอมลงนะคะ แต่มันจะทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น ต้นขาอาจจะดูเล็กลงเพราะความกระชับของกล้ามเนื้อ แต่น่องจะใหญ่ขึ้น บรรดากีฬาที่ใช้ขาทั้งหลายเหล่านี้ยังช่วยลดไขมันที่มาสะสมบริเวณหัวเข่าได้ด้วยค่ะ

ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย ให้คุณๆจำไว้อย่างหนึ่งว่า ร่างกายของแค่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนเกิดมาพร้อมกับเซลลูไลส์ แม้ว่าจะพยายามออกกำลังกายให้หนักอย่างไร ก็ไม่สามารถกำจัดให้หมดสิ้นลงได้ ผลที่ตามมาของการมีเซลลูไลส์มากๆ คือ แผลพอง ที่เกิดจากการเสียดสีกันของเนื้อที่ต้นขาทั้งสองข้าง นำไปสู่การอักเสบ ผิวหนังถลอก และปวดแสบปวดร้อนดังนั้น หากคุณรู้ตัวว่าเป็นคนที่มีฉายา ว่าแม่ขาหมู การควบคุมอาหาร และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นสิ่งที่คุณจะต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ความฝันที่จะเป็นสาวขาเรียวเป็นจริงได้ในสักวันข้างหน้าค่ะ

Sunday, August 17, 2008

เลือกคู่อย่างไร ให้ใจสยิวซู่ซ่า

ยามตกหลุมรัก แหงสิที่ใครๆย่อมอยากรักษาความสัมพันธ์เช่นนี้ไว้ให้ยั่งยืน เพราะหลังจากนั้น จะแน่ใจได้ไงว่า พอผ่านช่วงตกหลุมรักไปแล้ว ทีนี้อีกนานแค่ไหนล่ะที่จะหมดช่วงโปรโมชั่น ซึ่งเป็นช่วงที่ทั้งสองฝ่ายเอาอกเอาใจกันนักนั่นเอง ประมาณซื้อของมาประเคนกันจนหลงระเริงเปิดเปิงไปเลย
ดังนั้น ดีกว่าไหม ถ้าจะทำความรู้จักกับ “หนึ่งในดวงใจ” ในตอนนี้ของคุณให้มากขึ้น ก่อนเริ่มต้นชีวิตคู่เพื่อไม่ให้มันกลายเป็น “ชีวิตคุก” ว่างั้นมาหรรษาพาเพลินกับ สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจเป็นแฟนกะใครสักคน อย่างน้อยช่วยเป็นแนวทางเลือกคู่ได้บ้างล่ะว้า เช่น...
1. คุณวาดฝันและปรารถนาในตัวคนรักยังไงเหรอ? ส่วนที่เจอแล้วน่ะนิสัยตรงสเปกมะ? ขืนคนไหนอยากได้แฟนเป็นแม่บ้านแม่เรือน และยกงานบ้านให้แฟนรับผิดชอบเพียงผู้เดียว งั้นควรสอบถามหรือสังเกตเอาแล้วล่ะว่า ฝ่ายที่คุณคบอยู่ เค้าชอบ งานบริการสมาชิกในครอบครัวเป็นชีวิตจิตใจรึเปล่า? ไม่ใช่รักที่จะทำงานนอกบ้านตลอดเวลา แบบนี้ ขืนมีลูกคงต้องเป่ายิ้งฉุบ เพื่อสลับกันดูแลอ่ะเดะ หรือจะวานญาติและจ้างใครมาเลี้ยงลูกให้ก็ตกลงกันให้ รู้เรื่องซะก่อน
แต่ “การมีคู่” ยังไม่ถึงกับเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนสูงสุดในชีวิตหรอกนะ คุณจึงรอ “วัดใจ” คนอื่นๆที่จะเข้ามาในชีวิตได้อีก ทว่า ท่านใดอยากมีคู่เพราะอยากมีลูกก็ว่ากันไป
2. วันสำคัญในชีวิตของทั้งคู่
เช่น ครบรอบวันที่สารภาพรักครั้งแรก, วันคล้ายวันเกิด, จูบครั้งแรก หรือวันออกเดทแรก ถือเป็นวันสำคัญยิ่งยวดที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ควรแกล้งลืมหรือไม่ให้ความสำคัญ เพราะเชื่อเหอะว่า ผู้หญิงจะให้ความสำคัญกับวันเหล่านี้เป็นพิเศษ แถมยังหวังว่าแฟนของเธอก็ควรจำวันเหล่านี้ให้ได้ด้วย
เพราะงี้ถ้าคุณเป็นฝ่าย “ไม่เอาไหน” ในเรื่องความจำ แต่ดันไปรักไปชอบกับคนจำแม่น จำเก่งล่ะก็ ถ้ายังไปกันรอดก็เชื่อเค้าเลย แต่ ถ้ารีบปรับตัวก็ยังพอทำเนา
3. สุขภาพแข็งแรงก็มีกำลังวังชาดี
คนที่คุณชอบพออยู่นั้น เค้ามีปัญหาสุขภาพรึเปล่า? เช่น เป็นมะเร็ง, เป็นลูคิเมีย หรือเป็นเอดส์ไหม ถ้ารู้ล่วงหน้าจะได้หาทางช่วยเหลือทัน แต่หากเป็นเอดส์นี่ก็น่าคิดนะว่ายังควรจะเอามาทำแฟนอีกเหรอ เดี๋ยวก็ติดโรคจากเค้าไปด้วยก็ซวยสิ อย่าว่าแต่โรคเอดส์เลยที่ควรระวัง เพราะแม้แต่โรคซิฟิลิส หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทางเพศทั้งหลายก็ควรถอนตัวไปซะเถอะ นี่ไม่ได้ให้รังเกียจคนเป็นเอดส์นะ เพราะการคบเป็นแฟนกับคบเป็นเพื่อนคงไม่เหมียนกันแหงๆ แต่หากไม่สบายอย่างอื่น เช่น เจ็บคอเป็นหวัดควรประคบประหงมดูแลกันและกันดีฝ่า ลองเป็นคู่ทุกข์คู่ยากของกันก็ควรเอาใจใส่ หน่อยเด้
4. ประวัติ ครอบครัวเดิมของทั้งสองฝ่าย
เช่น ต่างฝ่ายต่างมีความรักความผูกพันหรือขัดแย้งกับใครเป็นพิเศษในครอบครัวหรือเปล่า? สมาชิกในครอบครัวของเค้าลงรอยกันไหม? ถ้าไปเจอคนที่สมาชิกในครอบครัวของเค้ารักใคร่กลมเกลียวกันดี ก็น่าส่อเค้าที่ดีว่า เค้าน่าจะเป็นคนรักครอบครัว และให้ความสำคัญกับครอบครัวก่อนใครเพื่อน ว่าแต่ต้องตรองดูเหมือนกันนะว่า ครอบครัวไหนที่เค้ารักมากกว่ากัน จะเป็นครอบครัวเดิม หรือครอบครัวใหม่ที่คุณทั้งคู่กำลังจะเริ่มต้นด้วยกัน...ห้า
5. ชอบและไม่ชอบอะไรบ้าง? มีใครที่ชอบเหมือนกันไปหมดด้วยเรอะ?
เช่น สถานที่ท่องเที่ยวแบบไหนที่คนที่คุณแอบรักชอบน้า? จะได้ดอดไปเที่ยวกันสองต่อสองไง หรืออาหารจานเด็ดประเภทใดที่เราชอบเหมือนๆกันจะได้หิ้วกันไปดื่ม ดริ๊งก์ เจี๊ยะจ๊าบกันให้อร่อยเหาะสักที ในเมื่อรักใคร่ชอบพอกันทั้งทีก็ต้องหาโอกาสไปสรวลเสเฮฮาและสังสรรค์กันตามลำพังบ้างซี ถ้าชอบอะไรคล้ายกันมันก็ดีไปอย่าง เพราะจะได้ ไปไหนมาไหนหรือมีกิจกรรมร่วมกันดีออก
แต่หากชอบไม่เหมือนกันสักอย่าง ก็อย่าได้ ถอดใจตีจากไปซะก่อน เพราะบางที การเรียนรู้ในสิ่งที่ “ชอบต่างกัน” นี่แหละ ช่วยเปิดโลกทัศน์ หรือมุมมองใหม่ๆได้นะ
6. งานอดิเรก ยามว่างชอบทำอะไรกันน้อ?
ต่างฝ่ายต่างชอบทำอะไรยามว่างบ้างล่ะ ดูหนังฟังเพลง หรือชอบไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะแล้วช็อปปิ้งแถวจตุจักร หรือ นิยมไปออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายที่โรงยิมหรือฟิตเนสก็ดีหมดแหละ ส่วนที่ชอบไปเล่นตีแบดฯ หรือหวดลูกสักหลาดก็ขึ้นอยู่กับความถนัด พูดถึงงานอดิเรกนี่ อย่าถือเป็นเรื่องจิบจ๊อยนะ เพราะงานอดิเรกน่ะ ช่วยตัดสินว่าใครควรคู่กับใครมาหลายคู่แล้ว อย่าดูถูกเชอะ
7. ความต้องการทางเพศ ด้านเซ็กซู่ซ่ามีมากน้อยขนาดไหน?
เค้าและคุณมีแรงขับดันทางเพศแบบคาสโนว่าจอมเจ้าชู้บันลือโลก หรือแบบขันทีที่แค่อยากแต่ร่วมรักไม่ได้ ทว่าบางคู่ชอบแค่ลูบๆคลำๆก็ถมเถไป ซึ่งแรงสิเน่หาอยากร่วมรักนี่แหละเป็นสิ่งที่ควรนำมาพิจารณาชั่งใจกันให้ถี่ถ้วน หากเค้าเซ็กซ์ จัดเหลือเกิน วันๆเอาแต่คิดถึงเรื่องโรงแรมม่านรูดที่ไหนดี แถมยังสะสมวีซีดีเอ็กซ์เพียบ ในทางตรงข้ามคุณกลับเฉยๆชาๆกับความต้องการในด้านนี้ ขืนจับคู่กันระวังกระเจิด กระเจิงเกิดความไม่สมดุลย์ ทางเพศได้นะ หรือถ้าคุณเป็นจอมหื่น แต่เค้าไม่ชีกอ, ไม่เจ้าชู้แถมยังไม่ปึ๊งปั๊งปู้ดป้าด ก็ยากที่จะไปกันได้ ยกเว้นฝ่ายไม่เจ้าชู้จะยอมให้จอมหื่นไปหาเศษหาเลยนอกบ้าน ก็ควรบอกกันและยอมรับกันซะเนิ่นๆ เฮ้อ! มีรักทั้งทีก็กลับมีเรื่องเซ็กซ์มาขวางซะนี่
บอกคร่าวๆแค่นี้ คงวาดภาพ “คู่แท้แสนรันทด” เอ๊ย รักแท้นิรันดรได้นะฮ้า.

Friday, August 8, 2008

กินอะไรให้ฟันขาว

อยากจะยิ้มยิงฟันขาวๆ ให้สวยสะดุดใจคนข้างๆนอกจากจะพึ่งบริการหมอฟัน หรือยาสีฟันแบบฟอกฟันขาวแล้วอาหารการกินก็ช่วยได้นะ
1.เปลี่ยนจากไวน์แดงมาเป็นไวน์ขาวแทน เพราะไวน์แดงจะทิ้งคราบไว้ที่ฟันอีกนาน
2.ดื่มชากาแฟ ให้เติมนมลงไปเยอะๆ ลดความเข้มของกาแฟลง เพราะคาเฟอีนจะทำให้ฟันเหลือง
3.ทานผักผลไม้ที่เนื้อสากๆ ให้ฟันได้เคี้ยว และเป็นการขัดฟันไปในตัว
4.หลังจากดื่มน้ำผลไม้สีๆ ทั้งหลาย ให้รีบแปรงฟัน
5.ดื่มน้ำเปล่าให้มากเข้าไว้

Monday, August 4, 2008

สูตรลับหน้าขาว

1. มะขามเปียก
2. นมสด
3. น้ำผึ้ง
วิธีทำ ผสมน้ำมะขามเปียก นมสด และน้ำผึ้ง (ใส่นมสด และน้ำผึ้งแค่ครึ่งหนึ่งของน้ำมะขามเปียก) จากนั้นตั้งไฟอ่อนๆ คนให้เข้ากัน ทิ้งไว้ให้เย็น เป็นอันว่าเสร็จแล้วค่ะ

วิธีเก็บรักษา - ใส่ในภาชนะที่มีฝาปิดแล้วแช่ในตู้เย็น สามารถ เก็บไว้ได้นานเท่าที่ต้องการเลยค่ะ

วิธีใช้ - ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า เช็ดให้แห้ง แล้วทาครีมมะขามเปียกให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที หรือนานเท่าใดก็ได้ ตามใจผู้ใช้ แล้วล้างออกตามปกติ

ข้อควรระวัง - หลีกเลี่ยงการทาบริเวณดวงตา เพราะอาจจะทำให้ระคายเคืองได้

ข้อพึงกระทำ - ถ้าต้องการให้ได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ควรทาครีมมะขามเปียกในขณะที่ครีมเย็น หรือเพื่งจะเอาครีมออกจากตู้เย็น เพราะความเย็นจะทำให้รูขุมขนเล็กลง ผิวหน้าก็จะเรียบขึ้นค่ะ

Sunday, August 3, 2008

เหตุผลที่ผู้ชายนอกใจ

ท่านผู้อ่านเคยถูกแฟนหรือคนรัก “นอกใจ” บ้างป่าว? หากใครมีบทเรียนจากการถูกแฟนนอกใจไปมีคนใหม่ หรือ จู่ๆก็ขอเลิกรากันอย่างปุ๊บปั๊บ นี่หากใครพอได้ยินเรื่องพรรค์นี้ละก็ ส่วนใหญ่ฟังแล้วมักจะโบ้ยความผิดไปให้ “ฝ่ายที่เริ่มนอกใจ” ไปมีรักใหม่ก่อนแหงๆ
แล้วคิดมะว่าเพราะอะไรว้า? เคยรักกันอยู่ดีๆ พอวันต่อมาเกิดเปลี่ยนใจซะดื้อๆ แบบไม่มีปี่ มีขลุ่ย หรือ อาจมีแววและสัญญาณไม่ชอบมา พากลให้รู้ก่อนก็ได้นะ เพราะผู้เขียนเป็นคนนอกย่อมไม่รู้ดีเท่าคนนอนเตียงเดียวกันหรอกนะฮ้า แต่ที่แน่ๆ ฝ่ายที่ถูกบอกเลิกย่อมเสียอกเสียใจ และอาจเสียศูนย์ไปด้วยเป็นธรรมดา โถ ถ้ารักใครแล้ว “คนที่มีรักแถมเป็นคนดี๊ดี” ส่วนใหญ่จึงอยากรักษาความรักไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ทั้งนั้นแหละ คงไม่มี “คนสติดี” ที่ไหนวางเป้าหมายเรื่องนี้ไว้ว่า รักแล้วจะเลิกเร็ว หรือ รักเมื่อไหร่ เดี๋ยวก็เลิกกันได้...หรอกเฟ้ย ขืนคิดงี้ก็อย่ารักเลยดีกว่า ทำให้คนอื่น (ที่อยากเข้ามาพัวพันกะคุณด้วย) เค้าเสียเวลาไปเปล่าๆ โอ๊ยรักสนุกหยั่งงี้ไม่พิสดารไปหน่อยเหรอ นี่น่าจับไปอยู่ “พิพิธภัณฑ์แปลกแต่จริง” ท่าจะแจ๋วซะกว่า
บอกตามตรง สาเหตุของการนอกใจ ก็ไม่เสมอไปว่า ฝ่ายคนที่เปลี่ยนใจก่อนจะเป็นฝ่ายผิด หรือเป็นผู้ร้ายเสมอไป เพราะบางทีการที่เปลี่ยนใจหรือนอกใจกัน อาจมีเหตุผลที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากกว่าที่คนภายนอกคิดไว้เป็นกะตั้กๆๆ เท่าที่ประมวลสาเหตุของการนอกใจทั้งที่เมคเซ้นท์ (มีเหตุผล) และไม่เมคเซ้นท์ (ไร้สาระ) รวมทั้งพยายามหาข้ออ้างทำให้น่าเชื่อถือเข้าไว้ มีอยู่หลายประการ ดังนี้... 1. นอกใจเพราะผิดหวังแฟนอยู่ลึกๆ
เพราะ ตอนที่จีบกัน ต่างคนต่างพยายามแสดงออกในด้านดีล้วนๆให้อีกฝ่ายประทับใจน่ะซี ถ้าไม่งั้นจะมีใครตกหลุมยอมเป็นแฟนฟะ แต่หลังจากนั้นพอทั้งคู่หอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่ร่วมบ้านชายคาเดียวกันแล้วนี่สิ ทีนี้ล่ะ นิสัยดี-ไม่ดี ของแต่ละฝ่ายมักเปิดเผยให้รู้ไส้รู้พุงกันล่ะคราวนี้ แล้วคิดรึว่า ต่างฝ่ายจะยอมรับนิสัยของกันและกันได้ ทั้งหมดน่ะ! บางคู่อาจเก็บเจ้าความรู้สึกไม่ชอบใจนี้มาผสมเล็กผสมน้อยฝังอยู่ในใจรอวันระเบิดออกมาก็ได้ อ๊ะอย่าลืมสิว่า ต่อให้คุณรักแฟนมากแค่ไหน แต่ “ความไม่ดีบางอย่าง” ของเค้า อาจทำให้คุณอึ้งจนมองผ่านมันไปไม่ได้เหมือนกันนะ
ส่วนบางคู่ยิ่งกว่าที่เล่ามาข้างต้นซะอีก ขนาดแค่เป็นแฟนกัน ก็นอกใจกันแล้วเพราะยอมรับการกระทำของแฟนไม่ได้ตั้งแต่สมัยจีบกันยังมีเล้ย แต่จะมีกี่คู่ไหนที่ยอมรับและกล้าพูดกันอย่างเปิดอกถึงเรื่องนี้ “ก่อนตีจาก” มั่งก็บ่ฮู้ เพราะไอ้ที่ว่าดูตัวดูใจดูนิสัยกันละเอียดยิบแล้วก็เหอะ ยังเลิกกันปาวๆ นักต่อนักมาแล้ว โธ่...โลกนี้หาความแน่นอนแท้จริงไม่ได้หรอกตัว!
2. นอกใจเพราะอยากรักหลายๆคนพร้อมกัน ก๊ะแสดงว่า 1 ไม่พอต้อง 2, 3, 4...
ส่วนใหญ่ผู้คิดแบบนี้หนีไม่พ้นคนเจ้าชู้ แต่จะ เจ้าชู้เปิดเผย หรือ เจ้าชู้เงียบ ก็ขึ้นอยู่กะใจของแต่ละคนแล้วล่ะ สงสารก็แต่คนที่มีแฟนแบบนี้มากกว่า เพราะคงมีช้อยส์เหลือให้เลือก 2 ประการ เช่น 2.1 เห็นแฟนนอกใจได้ ก็ทำเย้ยเค้ามั่ง กับ 2.2 เห็นแฟนนอกใจก็ทำใจซะ แล้วตัดสินใจว่ายอมรับได้ไหม? ถ้ารับได้ ก็ต้องคิดต่ออีกว่าคุณจะอยู่กับแฟนแบบนี้อย่างไร ถึง “จะไม่ อึดอัดใจหรือเสียความรู้สึก” อ่ะดี้ เพราะอย่างใครก็ไม่รู้พยายามเตือนสติว่า หากเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ เราก็ต้องเปลี่ยนตัวเราเอง แต่ทำแล้วคุ้มกันรึเปล่า? อย่าลืมคิดถึงตัวเองมั่งละกัน
3. นอกใจเพราะเบื่อ และหมดรักซะแล้ว
เจอะงี้ คงไม่ต้องอธิบายให้เจ็บเหงือก, เป็นแผลที่ลิ้นและเสียดหัวใจกันแล้วเนอะ เพราะหัวข้อก็อธิบายได้อยู่แล้ว โธ่อย่าบอกนะว่าไม่รู้ไม่ชี้... หน่อมแน้มไปเพ่ เอาเป็นว่า หากคู่ใดลงเอยด้วยความเบื่อหน่ายหรือไม่เหลือรักแล้วไซร้ ต่อให้แฟนสาวหันมาเอาใจเค้าด้วยการแต่งตัวเซ็กซี่แค่ไหน ไม่ว่าจะค่อยๆเปลี่ยนการแต่งตัวจากเรียบร้อย มาใส่เสื้อสายเดี่ยว, สายสปาเกตตี หรือผ้าเช็ดหน้าคาดอก เค้าก็ไม่ซู่ซ่าแล้วล่ะ ส่วนฝ่ายชายที่ถูกสาวสลัดรักก็มีเช่นกัน ดังนั้น ต่อให้ตามตื๊อหรือคอยเอาใจหล่อน แค่ไหน หากใจไม่ดึงดูดกันแล้ว ก็ยากที่จะกลับมาดูดดื่มเหมือนเดิมนะฮ่ะ
4. นอกใจเพราะถูกจับคุมถุงชนให้แต่งงาน แล้วรักจะยั่งยืนรึนั่น?
อ่านถึงตรงนี้คงคิดว่า เรื่องงี้ปัจจุบันคงไม่มีแล้ว แต่ที่ไหนได้ยังมีนะเอ้า ซึ่งหากเป็นเมื่อก่อน คนที่ถูก บังคับให้มีคู่ตามใจบุพการีหรือตามใจใครก็ไม่รู้ล่ะ “พ่อแม่ของคู่รักเยอะเลย” มักคิดเอาเอง ว่า เดี๋ยวอยู่ด้วยกันไป แล้วก็รักกันเอง แต่สมัยนี้จะเป็นงั้น รื้อ? เพราะสิ่งแวดล้อมยั่วยวนให้มนุษย์อดทนน้อย ลง แถมหนุ่มยังหนีไปเที่ยวพับเที่ยวบาร์และอาบน้ำนอกบ้านได้อีก ฉะนั้น โอกาสนอกใจนอกกายจึงทำได้ ทุกนาที จะเอาเที่ยวราตรีแบบไหนล่ะ บอกมาสิ
5. การนอกใจยังเกิดจากสาเหตุอีกหลายประการ
บางคนอ้างอย่างงี่เง่าว่า นอกใจเพราะแฟนไม่ยอมให้สมสู่ด้วย จึงต้องไประบายกับคนอื่นแทน ไม่งั้นก็อ้างอีกแหละว่า เพราะคนอื่นช่างออเซาะกว่านี่หว่า แถมเอาใจใส่ก็เก๊งเก่ง และไม่ทึ่มทื่อเหมือนแฟนตัวจริงด้วย จึงหันไปจี๋จ๋าเจ๊าะแจ๊ะเป็นกิ๊กกะคนใหม่ซะเลย โอ้โห ขืน “ใจง่าย” ปานฟ้าแลบแบบนี้ ก็ไม่สมควรไปรักให้เสียเวลา เพราะเค้าพร้อมไปซบอกคนใหม่ได้ตลอดเวลาอ่ะดิ่
ที่เล่ามารับรองว่า ไม่สนับสนุนให้คู่รักมี ชู้ทางใจ หรือนอกใจกันแน่ๆ เพราะอยากให้ “รักแท้ชั่วนิรันดร์” มีจริงและสามารถพบได้ในโลกแห่งความจริง ไม่ใช่แค่เก็บไปฝัน ไม่งั้น “รักแท้” คงโดนสึนามิถล่มจมหายย่อยยับไปแล้วสิฮ้า ว้าย! อย่าปล่อยให้ฝันค้างได้ปะ.

Thursday, July 31, 2008

ไอพีแอล IPL

ผิวขาวสวยหน้าใสด้วย IPL
คำแนะนำสำหรับผู้รับการรักษาสภาพผิวด้วย Intense Pulsed Light (IPL)
การรักษาฟื้นฟูเพื่อความงามบนใบหน้าของตัวเอง คนเราก็มีอยู่หน้าเดียวจะสวยทั้งทีก็ต้องปรึกษาคุณหมอกันดีกว่า แสนเสน่ห์จะมาบอกว่า IPL มันเป็นยังไง ใครไม่รู้จักลองมาฟังดู

อย่างแรกเรามารู้จัก IPL กันก่อนว่ามันคืออะไร IPL เป็นลำแสงชนิกหนึ่ง เหมาะกับการรักษาผิวแดงจากเส้นเลือดฝอยขยาย รักษาปัญหาผิวหนังหมองคล้ำ ฝ้า กระลึก กระตื้น ปัญหาแผลนูน กำจัดขน ทำให้สิวแห้งลงชะลอภาวะชราของผิวพรรณ ลดริ้วรอย จุดด่างดำ กระ ฝ้า จางลง รูขุมขนกระชับขึ้น ผิวเรียบเนียนขึ้น รอยแดง หรือเส้นเลือดที่ผิดปกติลดลง ผิวกระชับขึ้น ทำให้ผิวเนียนใส ดูอ่อนกว่าวัย
ฟังแล้วก็รู้สึกอยากทำขึ้นมาทันใด แต่คิดดูอีกทีจะทำที่ไหนล่ะ หลักง่ายๆ
1. หาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะดีที่สุด จะรู้ได้ไงล่ะ ก็ลองศึกษาข้อมูลดูก่อนและลองนัดคุยกับคุณหมอดูก่อนก็ได้
2. เรื่องของสถานที่ บางแห่งอาจใช้เพียงพนักงานที่เคยฝึกอบรมมาก่อน มาทำให้ มันก็เสียงกับใบหน้าสวยๆของเรานะจ๊ะ ดูสถานที่ดีๆจะไปปลอดภัยไว้ก่อน
3. คราวนี้ถ้าสงสัยข้องใจอะไร ขอคำปรึกษาจากแพทย์ให้ละเอียด เช่น ทำแล้วจะเจ็บไหม ต้องทำกี่ครั้ง เห็นผลกี่เปอร์เซ็นต์ ถามให้หายข้องใจไปเลยจะได้มั่นใจเวลาไปทำ
ที่พูดมาก็บอกแค่คร่าวๆนะค่ะ อยากรู้ลึกรู้จริงต้องถามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดีกว่า จะได้สบายใจ 100%


โดยทั่วไปวิธีนี้จะเห็นผล 80-90% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของผู้ป่วยแต่ละราย การรักษาด้วยวิธีนี้สามารถทำได้บ่อยทุก 2-4 สัปดาห์ จะเห็นผลชัดถ้ารักาอย่างต่อเนื่อง ประมาณ 3-10 ครั้ง หลังจากได้ผงเต็มที่แล้วเพื่อรักษาสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอควรทำซ้ำปีละ 1-2 ครั้ง ส่วนเรื่องของราคา ใบหน้า ประมาณ 4000 / ครั้งคอร์สละประมาณ 20000 บาท รอยดำ รักแร้ ประมาณ 3000/ครั้ง คอร์สละประมาณ 10000 บาท


ข้อควรทราบก่อนและหลังรักษา
ก่อนการรักษา
- ควรหลีกเลี่ยงการตากแดดจนทำให้ผิวคล้ำอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนรับการรักษา
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้าถ้าท่านมีประวัติดังนี้
1. มีประวัติแพ้แสงหรือเกิดผื่นคันระคายเคืองเมื่อถูกแดด
2. มีประวัติเกิดแผลเป็น (Keloid) ง่าย
3. มีประวัติเป็นโรคเริมบริเวณริมฝีปากมาก่อน
4. กำลังรับประทานยา Reaccutane หรือหยุดยามาน้อยกว่า 6 เดือน ก่อนทำการรักษา
5. กำลังรับประทานยาที่ทำให้เกิดการแพ้แสงได้ง่าย เช่น ยา Tetracycline, Bactrim, Zithromax หรือ Azitromycin
6. กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในระหว่างการวางแผนตั้งครรภ์

หลังการรักษา
- อาจมีใบหน้าแดงเล็กน้อยภายใน 1-2 ชั่วโมง ก็จะหายไป
- อาจมีตกสะเก็ดบางแห่ง ประมาณ 5-10 วัน สะเก็ดจะหลุดเอง

การดูแลผิวหลังการรักษา
- ล้างทำความสะอาดผิวหน้าได้ตามปกติ ควรหลีกเลี่ยงน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน เพราะอาจทำให้ระคายเคืองผิวหน้า
- ควรทาครีมบำรุง ยากันแดด อย่างสม่ำเสมอ และสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ
- ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดประมาณ 1 สัปดาห์หลังการรักษา

Wednesday, July 30, 2008

5 ทีเด็ด ดึงดูดใจชาย

1. ทำตัวให้เป็นจุดสนใจ จากสถิติทางจิตวิทยากล่าวได้ว่า ตำแหน่งที่คุณยืนและสิ่งที่คุณกำลังทำมีผลเกี่ยวข้องกับความสามารถในการดึงดูดเพศตรงข้ามอย่างมาก ซึ่งตำแหน่งที่ดีที่สุดที่จะช่วยเสริมสร้างความมีเสน่ห์ให้ตัวของเราเอง และดึงดูดเพศตรงข้ามให้เข้ามาหาได้มากที่สุดก็คือที่บริเวณจุดกึ่งกลางของห้องที่เราอยู่นั่นเอง เพียงลองไปอยู่ที่แถวๆ กลางหล้องและเคลื่อนไหวร่างกายเดินไปเดินมาสักนิด ก็สามารถดึงดูดสายตาจากคนข้างเคียงได้มากกว่าครึ่งแล้วค่ะ แต่ในทางกลับกันหากสถานที่ที่คุณอยู่เป็นบาร์หรือไนท์คลับแล้ว บริเวณมุมต่างๆ ของสถานที่เหล่านี้จะมีผลดึงดูดใจมากกว่าค่ะ 2. ดึงดูดใจด้วยแสงสี เป็นเรื่องจริงที่ต้องยอมรับว่าเสื้อผ้าที่เราใส่มีผลอย่างมากในการดึงดูดใจเพศตรงข้าม - ผู้หญิงจะชอบผู้ชายที่ใส่เสื้อสีน้ำเงินด้วยความรู้สึกว่าสีน้ำเงินแสดงความมั่นคง มีเสถียรภาพและพึ่งพาได้ ทำให้เกิดความรู้สึกดีที่จะสร้างสัมพันธภาพต่อกันตามไปด้วย - สำหรับผู้ชายแล้วจะชอบผู้หญิงที่แต่งตัวออกโทนสีชมพูหรือสีพีช ซึ่งให้ความรู้สึกดึงดูดเข้าหาและทำให้ผิวพรรณของเธอดูดีขึ้นไปด้วย - และถ้าคิดจะไปออกเดทกับผู้ชายขี้อายหรือไม่ชอบผู้หญิงห้าวแล้วละก็ การใส่สีแดงเข้ม สีพลัม จะช่วยสร้างความประทับใจแก่เขาได้มากเลยทีเดียว - สีแดงเป็นสีที่ละเอียดอ่อนและมีเสน่ห์ที่สุด แต่ก็ควรที่จะระมัดระวังในการสวมใส่ เพราะว่าสีแดงคือสีที่เป็นสัญลักษณ์ของเซ็กซ์และพลังนั่นหมายความว่าสีนี้ สามารถดึงดูดผู้ชายได้สองประเภท คือผู้ชายที่ชอบผู้หญิงเข้มแข็ง หรือผู้ชายที่สนใจแต่เรื่องเซ็กซ์และคำเตือนสุดท้ายเกี่ยวกับเรื่องสีคืออยู่ให้ห่างจากสีเหลืองและเขียวเอาไว้ เพราะมันคือสีที่มีผลในการลดความรู้สึกทางเพศ 3. ใช้ภาษากาย กุญแจสำคัญในการดึงดูดเพศตรงข้ามด้วยภาษากายคือการแสดงให้เกิดความรู้สึว่า "เข้าถึงได้" ซึ่งก็คือการไม่เว้นช่องว่าง หรือไว้ตัวจนเกินไป แต่ก็ไม่ปล่อยตัวจนเกินไปและไม่ว่าเราจะเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งแค่ไหน ขอให้จำไว้ว่า ผู้ชายต้องการผู้หญิงที่มี "ที่ว่าง" ในชีวิตให้พวกเขาได้เข้ามาดูแลและเติมเต็มแม้แต่ภาษากายง่ายๆ อย่างการพยักหน้า โบกไม้โบกมือเพื่อแสดงว่าเราใส่ใจเขา ก็สามารถช่วยให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นไปได้ราบรื่นมากขึ้น สิ่งที่ควรระวังคือ อย่าไขว้แขน เคี้ยวหมากฝรั่ง หรือแทะเล็บ ซึ่งทั้งสามเป็นภาษากายที่ให้ความรู้สึกไม่น่าเข้าหาค่ะ 4. พลังแห่งรอยยิ้ม ทั้งทางด้านจิตวิทยาและสรีรวิทยาต่างยอมรับว่า การยิ้ม เป็นสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดใจผู้พบเห็นได้อย่างมาก ไม่จำเป็นต้องยิ้มให้กว้างแบบเกมโชว์หรือยิ้มให้สวยงามอ่อนช้อยแบบดารา แต่เพียงแค่รอยยิ้มปกติๆ ธรรมดาๆ ก็สามารถดึงดูดใจเพศตรงข้ามได้มากแล้วค่ะ 5. กลิ่นหอมดึงดูดใจ จากการศึกษาพบว่าผู้ชายมักจะหลงใหลในกลิ่นของชินนาม่อนและวานิลลา เพียงแค่ใช้น้ำหอมอ่อนๆ ที่มีกลิ่นเหล่นี้ก่อนจะออกเดทสักนิดนึงก็จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวเราเองได้อย่างมากเลยย

Sunday, July 20, 2008

มีรักทั้งทีทำไมถึงโดนกีดกัน

ถ้าดวงจะซวยถูกพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกซะอย่าง เชื่อมะอยู่ดีๆ ก็อาจ โดนกีดกันจากพ่อแม่หรือญาติๆ รวมถึงเพื่อนด้วย ไม่ให้คบหากับ “คนที่คุณถูกใจและหมายปอง” ซะงั้น ทั้งๆที่ความ รักเป็นสิ่งดีเลิศประเสริฐศรีไม่ใช่เหรอ แต่ทำมั้ยทำไม คนใกล้ชิดของคุณถึงไม่อยากให้เป็นแฟนกับ “พี่คนนี้” หรือ “น้องคนนั้น” ฟะ? คุณจึงโดนเป่ากระหม่อม เอ้ยเป่าหูว่า “คนที่คุณชอบน่ะ” ไม่ดีหยั่งงั้น โหลยโท้ย หยั่งงี้จนหูเปื่อยไปเลย นี่ดีนะที่ตัวไม่เปื่อยไปด้วย แต่ก็เสีย'รมณ์ไม่น้อยใช่ไหมล่ะ
เฮ่อ แล้วใครน้อเจอสภาพอึดอัดหัวใจหยั่งงี้มั่ง เพราะหากใครตกอยู่ในวิกฤตินี้ละก็ ขอ สะเหล่อไขข้อข้องใจถึงเหตุผลที่ผู้ใกล้ชิดของท่านทั้งหลาย ที่ไม่ยอมเปิดใจรับใครคนนั้นของ คุณให้ฟังนั่นเอง แบบให้เสียดแทงหัวใจกันแป๊บๆ เลยมะ โถอุตส่าห์มีรักทั้งที ก็มีมารมาผจญและมีคนไม่เห็นด้วยเว้ยเฮ้ย ไม่รู้ทำไมต้องหวังดีกันนัก (อ้าว!) คอยดูอยู่เฉยๆไม่ต้องออกความเห็นไม่ได้เรอะ? เอ๊ะถามแปลกนะไอ้นี่...ถ้าไม่ใช่ญาติพี่น้องแล้วใครอยากแกว่งเท้าหาเสี้ยนวะ
ถึงยุคนี้ไม่ใช่สมัย “ขวัญกับเรียม” ที่ยังมีการ คลุมถุงชนหรือถูกกันท่าไม่ให้สมประสงค์ในความรักเหมือนสมัยนู้นก็จริง แต่ประชาชีแม้อยู่ในโลกไร้พรมแดน ก็ยังได้ยินเรื่องพรรค์นี้ตามมาหลอกหลอนซำเหมอแหละ จึงอยากชวนคุยเรื่องนี้ แหละว่า ทำไมเวลาคุณมีรัก กับใครบางคน (เพราะคาดว่าคงไม่ใช่กะทุกคน) ทำไม คุณถึงโดนทั้งกีดทั้งกันจากบริวารผู้ใกล้ชิดด้วยว้า? ถ้าให้เดาๆอาจเป็นไปได้ที่ว่า....1. ผู้ใหญ่ของฝ่ายคุณเกิดเหม็น หน้า “คนที่คุณชอบ/รัก” ขึ้นมาน่ะเซ่
สาเหตุของเรื่องแบบนี้เกิดได้หลายกรณี เช่น เกิดความรู้สึกไม่ถูกชะตากับคนที่คุณรักตั้งแต่พาเค้ามาพบพ่อแม่ของคุณก็ได้ อย่าลืมนะ ผู้ใหญ่ท่านอาบทั้งน้ำร้อน, น้ำอุ่น และน้ำเย็นมาก่อนเรา ดังนั้น ประสบการณ์หลายๆอย่างจึงทำให้ท่านสามารถบอกได้ทันทีว่า ใครมีคุณสมบัติ ...โอ้ลันล้าที่จะมาเป็นดาร์ลิ่งของลูกหลานบ้านนี้ได้ แล้วถ้าเผื่อเค้าสอบไม่ผ่านหรือ “เอ็นทรานซ์ไม่ติด” ที่จะเข้ามาเป็นญาติโกโหติกาของบ้านนี้แล้วไซร้ ท่านคงไม่เห็นด้วยกับ “ลูกหลานสายตาสั้น” แหงมๆ
2. ในทางกลับกัน ผู้ใหญ่ข้างเค้าก็ดันเห็นว่าคุณไม่เหมาะ ที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านนี้ด้วย เออให้มันได้งี้สิ!
เช่นบางทีการวางตัวของคุณซึ่งสมมติว่า เข้าข่ายติสต์จ๋า หรือหนุ่มห้าว และสาวซ่ามากเกินไป ก็ แหงละว่า เมื่อไปพบผู้หลักผู้ใหญ่ซึ่งส่วนใหญ่มีหัวอนุรักษนิยม (ชอบวัฒนธรรมตามประเพณีสมัยตัวเองยังหนุ่มยังสาว หรือชอบธรรมเนียมปฏิบัติของสังคมมารยาทงาม) จึงอาจรับไม่ได้กับพฤติกรรมของเด็กแว้นเปรี้ยวซ่า, หาเรื่องตบกิ๊กหรือเป็นคนใจแตก สมัยนี้นะเซ่
3. เพื่อนของคุณคิดว่าเค้าไม่เหมาะกับคุณ หรอก...ซึ่งอิทธิพลของเพื่อนๆมีน้อยไม่ใช่เล่นนะฮ้า แต่เพราะอะไรว้า เพื่อนถึงกีดกันกันด้วย หรือเพราะ 3.1 วันก่อนเพื่อนเห็นเค้า (แฟนของคุณ) เล่น กีฬากับ “ใครก็ไม่รุแต่หน้าตาดีชะมัด” อย่างสนุกสนาน ทั้งที่ช่วงเวลานั้นคุณเล่าให้เพื่อนฟังว่าเค้านัดไปหนุงหนิงด้วยนี่หว่า แสดงว่าเค้าไม่สนใจกับนัดของคุณเลยน่ะสิ หนำซ้ำ เค้ายังเห็นสิ่งอื่นสำคัญกว่าคุณซะด้วย โถเพื่อนที่ดีรู้งี้เข้า คงไม่อยากให้คุณรักไอ้นี่แน่ๆ
3.2 เพื่อนคุณเพิ่งได้ยินเค้านำเรื่องส่วนตั๊ว ส่วนตัวของคุณมาแฉให้คนนอกฟังอยู่หลัดๆเล้ย ถ้าความสัมพันธ์ของพวกคุณถูกเค้านำมาโพนทะนาเนี่ยนะ โอ้ย นี่เท่ากับเค้าเป็น แฟนที่ปาก ตลาด มากๆ ชนิดให้อภัยไม่ได้แล้วล่ะ เออ ถ้านำเรื่องภายในแต่สิ่งดีๆของพวกคุณมาพูดก็ยังพอไหว เกรงแต่พี่แกจะไม่ เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะรักษา “จรรยาบรรณของคนที่รักกัน” น่ะซี
3.3 เพื่อนของคุณเห็นเค้าซื้อของขวัญให้ใครไม่รุ ท่าทางไม่ใช่ของขวัญให้พ่อแม่ของเค้าร้อก เพราะชิ้นที่เพื่อนเห็นน่ะ ไม่ใช่ของที่ เหมาะให้ผู้ใหญ่ แต่เหมาะแจกกิ๊กมากกว่า เมื่อเพื่อนคาบข่าวมาเล่าซะจนเห็นภาพเหมือนตัวอย่างในหนังโฆษณาทางทีวีหยั่งงี้ เพื่อนจะ ยอมให้พวกคุณคบกันรึ? แหม ไอ้เพื่อนก็สอดแนม ได้เนียนเหลือเกิน แต่แน่ใจนะว่าเพื่อนน่ะเป็นคนดี จริงไม่เคยตอแหลสักติ๊ดเดียว
4. คนที่คุณชอบ เรียกร้องจากคุณมากเกินไปรึเปล่า?
4.1 ไม่ว่าจะเรื่องเงินทอง เวลาไปไหนมาไหน ด้วยกัน เค้ามักให้คุณจ่ายมากกว่าซะอีก โดยอ้างสารพัด เป็นตุเป็นตะว่า เงินเดือนน้อย หรือมีความจำเป็นต้องใช้เงินยุ่บยั่บไปหมด ไหนต้องส่งน้องเรียน, ส่งเสีย ทางบ้าน แล้วผ่อนรถอีกล่ะ นี่ยังไม่รวมค่าน้ำมันที่ แพงหูฉี่ซึ่งเค้าอุตส่าห์ทำหน้าที่เป็นโชเฟอร์พาคุณไปไหนๆด้วยนะ เอ๊ะ แต่เค้าก็เคยขอตังค์คุณจ่ายค่า น้ำมันนี่หว่า ทีเงี้ยะเกิดจำไม่ได้ขึ้นมาซะงั้น
4.2 (ถ้าหญิงคบชาย) แล้ว เค้าเรียกร้องอยาก ได้ความสาวของคุณจัง อ้างว่า ในเมื่อเรารักกันก็ ควรบรรเลงเพลงรักกันบ้างสิ เพราะคู่ไหนๆก็ทำทั้งนั้น (จะเอาเปรียบดิ่) อีกอย่าง ถ้าคุณรักผมนะ เราควร “ทำอย่างว่า” ตามที่ธรรมชาติ (ของกู) เรียกร้องได้แล้ว แถมไม่ได้พูดหนเดียว แต่พูดถี่ยิบ จนกว่าจะได้ดังใจ นั่นแหละ ขืนเค้าพูดบ่อยๆ ประเภทอยากขึ้นมาถี่ๆ จนทำให้คุณคิดว่า ถ้าไม่ให้ตามที่ขอ เดี๋ยวเค้าก็ทิ้ง เราไปเสียดสีกับคนอื่นร้อก หรือไม่ก็หาข้อแก้ตัวไปทำเจ้าชู้และหาเศษหาเลยกับใครอื่นได้ ซึ่งแหงล่ะ เค้าจะโทษว่าคุณแหละทำให้เค้าเป็นงี้ ทั้งที่มัน อยากเป็นเองเนี่ยนะ เชอะ
5. มีมือที่สามคอยมาตอแยอยู่นั่น ไม่รู้ เป็นก้างขวางคอทำไม?

Monday, July 14, 2008

ลดสะโพกและต้นขาอย่างได้ผล

ท่าบริหารง่าย ๆ สำหรับ ก้น สะโพก และต้นขาที่คุณสามารถทำได้เองที่บ้านค่ะ Hip Lift with Legs on Chairเป้าหมาย : กล้ามเนื้อก้น และต้นขาด้านหลังวิธีบริหาร : เริ่มต้นด้วยการนอนหงายบนพื้น โดยวางส้นเท้าของคุณไว้บนเก้าอี้ เข่างอเล็กน้อย วางแขนทั้งสองข้างไว้บริเวณข้างลำตัว หลังจากนั้นหายใจออก กดส้นเท้าของคุณลงไปที่เก้าอี้ เกร็งกล้ามเนื้อก้น และยกลำตัวขึ้นมาจนกระทั่งเป็นแนวตรงตั้งแต่ไหล่จนถึงส้นเท้า หายใจเข้าช้า ๆ ค่อย ๆ ลดลำตัวคุณลงมาจนหลังวางราบไปกับพื้น ระมัดระวังอย่างพยายามเกร็งศีรษะหรือคอเวลายก อาจเกิดการบาดเจ็บได้จำนวนครั้ง : พยายามทำจำนวนครั้งให้มากที่สุดอย่างน้อย 15 ครั้ง Squat Holding Dumbbellsเป้าหมาย : กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า-ด้านหลังและก้นวิธีบริหาร : ยืนลำตัวตรง วางเท้าห่างกันพอประมาณ มือทั้งสองข้างถือดัมเลล์ไขว้กันวางบนไหล่ หรือคุณอาจถือดัมเบลล์ไว้ด้านข้างลำตัวก็ได้ หายใจเข้า ค่อย ๆ งอเข่าลงเหมือนพยายามนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังของคุณ จนกระทั่งต้นขอของคุณเกือบขนานไปกับพื้น หายใจเข้าช้า ๆ เกร็งต้นขายกตัวขึ้น ในการเริ่มต้นบริหารคุณควรฝึกโดยไม่ใช้ดัมเบลล์จนกว่าคุณสามารถฝึกท่าทางได้ถูกต้องจำนวนครั้ง : พยายามทำจำนวนครั้งให้มากที่สุดอย่างน้อย 15 ครั้ง Front Lungeเป้าหมาย : กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า-ด้านหลังและก้นวิธีบริหาร : ยืนลำตัวตรง วางเท้าห่างกันพอประมาณ ถือดัมเบลล์ไว้ด้านข้างลำตัว หายใจเข้า ก้าวขาข้างหนึ่งไปข้างหน้า พยายามบังคับแขนทั้งสองให้อยู่ข้างลำตัว ย่อเข่าทั้งสองข้างลงพร้อม ๆ กัน จนกระทั่งเข่าของต้นขาที่อยู่ด้านหลังเกือบถึงพื้น หายใจเข้า เหยียดขาด้านหน้าขึ้นกลับสู่ท่ายืนตรง สลับทำกับขาอีกข้างหนึ่ง หากคุณยังไม่สามารถควบคุมการทรงตัวได้ ควรฝึกโดยไม่ใช้ดัมเบลล์ก่อน วางเก้าอี้ที่มีพนักพิงไว้ด้านข้าง และใช้มือข้างหนึ่งจับเอาไว้เพื่อทรงตัวจำนวนครั้ง : พยายามทำจำนวนครั้งให้มากที่สุดอย่างน้อย 15 ครั้ง Side Lift with Ankle weightsเป้าหมาย : กล้ามเนื้อสะโพกด้านนอกวิธีบริหาร : ในท่านี้คุณจำเป็นต้องใช้ถุงทราบสวมไว้ที่ข้อเท้าทั้งสองข้าง ยืนตรงโดยวางมือข้างหนึ่งไว้ที่พนักพิงเก้าอี้ ส่วนแขนอีกข้างหนึ่งวางไว้บนสะโพก หายใจออก ยกข้าข้างหนึ่งไปด้านข้าง โดยที่ปลายเท้าและเข่าชี้ไปด้านหน้า พยายามยกให้สูงที่สุด โดยไม่ใช้การเหวี่ยงขอขึ้น ฝึกทีละข้างจนจบแล้วสลับทำอีกข้างหนึ่งจำนวนครั้ง : พยายามทำจำนวนครั้งให้มากที่สุดอย่างน้อย 15 ครั้ง Rear Leg Lift with Ankle Weightsเป้าหมาย : กล้ามเนื้อก้น และต้นขาด้านหลังวิธีบริหาร : สวมถุงทราบไว้ที่ข้อเท้าทั้งสองข้าง ยืนก้มตัวไปด้านหน้าโดยวางปลายแขนทั้งสองข้างไว้บนพนักพิงเก้าอี้ ขยับเท้าข้างหนึ่งไปด้านหลังโดยวางปลายเท้าแตะไว้กับพื้นเบา ๆ หายใจออก ยกขาที่อยู่ด้านหลังไปด้านหลังให้สูงที่สุด โดยไม่พยายามงอหลัง ยกค้างไว้เล็กน้อยก่อนที่จะหายใจเข้าพร้อมลดลงจำนวนครั้ง : พยายามทำจำนวนครั้งให้มากที่สุดอย่างน้อย 15 ครั้ง

Sunday, July 13, 2008

ผมร่วง

ผมร่วง (Alopecia)สาเหตุของผมร่วงมีหลายอย่างมาก ที่พบบ่อย ๆ เช่น 1. ผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia areate) ซึ่งจะร่วงเป็นวงกลม ๆ คล้ายเหรียญบาทหรือใหญ่กว่า 2. ผมร่วงหลังคลอด หรือไข้สูง (Telogen effluvin) พวกนี้ผมจะร่วงวันละเป็นร้อย ๆ เส้น เวลาจูงผมจะติดมือออกมาเลย ทั้ง 1 + 2 อาจจะหายเองได้ ดังนั้น จะมีคนไข้บางคนเข้าใจผิดว่า ใช้ยาทาตัวนั้น ตัวนี้ แล้วทำให้ผมขึ้นได้ (ซึ่งจริง ๆ แล้วผมมันขึ้นเอง) สาเหตุของผมร่วมที่พบบ่อยอีกอย่างคือผมร่วงจากกรรมพันธุ์(Androgenetic alopecia) พวกนี้ จะถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์แต่จะไม่เกิดกับลูกหลานทุกคน (จะเป็นแต่บางคน) ผมร่วงลักษณะนี้เป็นได้ทั้งหญิงและชาย ผู้หญิงจะร่วงบริเวณกลางกระหม่อม ส่วนผู้ชาย จะร่วงบริเวณกลางกระหม่อมด้านหน้า (หัวเถิก) การรักษาผมร่วงจากกรรมพันธุ์ แบบเดิม ๆ ก็คือการใช้ยา Minoxidil กินและทา การทาจะได้ผลเพียง 30% ส่วนการกินจะได้ผล 90% แต่ข้อเสียของการทานยา คือ เวลาหยุดยาแล้วผมจะร่วงเหมือนเดิมและการทาน ยานาน ๆ (6 เดือนขึ้นไป) จะมีอาการดื้อยา ผมจะร่วงได้ ทั้งๆ ที่รับประทานยาอยู่ ขณะนี้มียาตัวใหม่ ชื่อ Finasteride ซึ่งจะไปยับยั้ง enzyme ทำให้การผลิต Hormone เพศชาย Dilaydrotestosterone (DHT) ลดลง ซึ่งคิดกันว่าตัว DHT นี้แหละ เป็นสาเหตุของการทำให้ผู้ชายผมร่วง ถ้ามีมากเกินไป (ซึ่งผู้ชายที่ผมร่วงจากกรรมพันธุ์มักจะพบ Hormone DHT สูงกว่าปกติ) แต่ข้อเสียของยาตัวนี้ก็คือ 1. ห้ามใช้ในผู้หญิง 2. อาจทำให้ความรู้สึกทางเพศลดลงได้ 3. เวลาหยุดยา อาจทำให้ผมร่วง เหมือนยา Minoxidil ได้ สุดท้ายถ้าการกินยา และทายาไม่ได้ผล ก็ต้องทำศัลยกรรม โดยแพทย์ศัลยกรรมตกแต่ง ซึ่งจะย้ายเส้นผม มาปลูกเป็นเส้น ๆ เลย ได้ผลดีทีเดียว แต่ค่าใช้จ่ายก็สูงพอสมควร ส่วนการถักทอเส้นผมที่บางเต็มนั้น เทียบแล้ว เหมือนการใส่วิกนั่นแหละ การฝังเข็ม และ ผลิตภัณฑ์จากรกแกะ ไม่น่าได้ผล

สูตรลับหน้าเกลี้ยง

สูตรลับสำหรับสาวหน้าเกลี้ยง
สูตรเด็ดเคล็ดลับจากพืชพรรณธรรมชาติที่สาว ๆ สามารถหาได้ง่าย ๆ และทำเองได้เพื่อใบหน้าใส ๆ ไร้สิว ผิวเกลี้ยงเกลา แต่ยังไงก็ตาม ขอเตือนก่อนสำหรับสาวที่มีผิวที่แพ้ง่ายอาจต้องระวังกันซักนิด ก่อนจะนำสูตรใสปิ๊งนี้ไปโบ๊ะหน้าของคุณ อาจจะต้องทดสอบกันก่อนโดยนำส่วนผสมเพียงเล็กน้อยมาแตะทีบางส่วนของใบหน้า ถ้าไม่รู้สึกคัน หรือแสบร้อนมาก ๆ ก็เป็นอันว่าใช้ได้ ส่วนผสมสำหรับ 1 หน้า 1. สตรอเบอร์รี่ 2 ลูก 2. แตงกวาผ่าครึ่ง 1 ซีก 3. น้ำมะนาว 1 ช้อนชา 4. น้ำขิงสดควรคั้นจากราก นำส่วนผสมทั้งหมดมามิกซ์รวมกัน โดยอาจนำเข้าเครื่องปั่น เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้วให้นำมาพอกทั่วทั้งใบหน้า ยกเว้นบริเวณรอบดวงตาเป็นเวลาประมาณ 10 นาที อาจรู้สึกแสบนิดๆ แต่ถ้าแสบมากมายให้รีบล้างออกทันที ถ้าไม่เป็นไรเมื่อทิ้งไว้ครบ 10 นาทีแล้วให้ล้างออก อาจทำเป็นประจำสัปดาห์ละครั้งหน้าก็จะเกลี้ยงเกลา เบา สบายใจ สาวหน้าใสทุกคน

Saturday, July 12, 2008

5 ข้อที่บอกว่าคนนี้ใช่เลย

จะรู้ได้อย่างไรว่า “ใช่” เขาหรือเปล่า เอาอะไรมาเป็นเครื่องวัด ปัญหานี้ตอบง่ายมากค่ะ เพราะนักวิจัยรวมถึงนักจิตวิทยาได้ทำการศึกษาวิเคราะห์กันมานานหลายทศวรรษแล้วว่า มีปัจจัย 5 ประการที่ช่วยบอกเราได้ นั่นคือ ปฏิกิริยาเคมีระหว่างกัน ความเข้ากันได้ เป้าหมายทั่วไป ก้าวเดินของชีวิต และจังหวะชีวิต
♥ ปฏิกิริยาเคมีระหว่างกัน แค่สบตาแว่บแรกก็สปาร์คเสียแล้ว เกิดจิตปฏิพัทธ์สเน่หาขึ้นมาเต็มอก รู้สึกวูบวาบหนาวๆร้อนๆราวกับเป็นไข้ นั่นแหละปฏิกิริยาเคมี อาการแบบนี้มักเกิดแบบเฉียบพลันทันใด ไร้เหตุผล และสติสตังไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว ทำให้ควบคุมจิตใจไม่ค่อยได้ ความคิดคอยวนเวียนอยู่แต่ว่าทำอย่างไรจึงจะพาตัวเราเข้าไปอยู่ใกล้เขาให้ได้มากที่สุด ถ้าปิ๊งกับหนุ่มโสดก็ดีไป แต่ถ้าไปปิ๊งกับสามีเพื่อนก็แย่หน่อย คงต้องมานั่งทำใจเอาเอง
อาการปิ๊งกันแต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าความสัมพันธ์จะเจ๋งสุดยอด แต่เป็นพื้นฐานสำหรับความสุขของชีวิตคู่ในระยะยาว ซึ่งถ้าไม่มีปฏิกิริยาเคมีระหว่างกันตั้งแต่เริ่มแรก ยิ่งอยู่กันไปก็มีแต่ความจืดชืดแน่นอน เราจะมีปฏิกิริยาเคมีต่อกันก็เมื่อ
เราพบว่าหนุ่มคู่ใจของเราช่างมีเสน่ห์เร้าใจอะไรเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายตาของเรา ราวกับเกิดมาเพื่อเราเท่านั้น
เวลาอยู่กับเขารู้สึกเหมือนเมานิดๆ ต่อให้มีคนแออัดยัดทะนานเต็มห้อง เราก็ยังรู้สึกเหมือนอยู่กันตามลำพัง เพราะส่งสายตาจับจ้องกันและกันเท่านั้น
เรารู้สึกเหมือนมีเสียง “คลิก” ดังอยู่ในหัว แถมสัญชาตญาณในส่วนลึกยังร่ำร้องกู่ก้องว่า “นี่ละ ใช่เลย!”
เราและเขามีเซ็กส์กันบ่อยมาก ..ก... ยิ่งตอนเจอกันครั้งแรก แทบจะกระโดดฉีกทึ้งเสื้อผ้ากันและกันถ้าไม่เกรงใจว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย
♥ ความเข้ากันได้ คู่รักบางคู่มีปฏิกิริยาเคมีรุนแรงปานพายุถล่ม แต่ทั้งคู่แตกต่างกันอย่างมาก ประมาณว่าคนหนึ่งเป็นนักเรียนแพทย์ อีกคนเป็นสาวเสิร์ฟ ซึ่งความสัมพันธ์มักมีปัญหา ความเข้ากันได้หรือความใกล้เคียงกันมักเกี่ยวเนื่องมาจากประสบการณ์ในอดีต ภูมิหลังชีวิต และความคาดหวังในอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้ว่า เราจะรู้สึกอึดอัดหรือสบายอกสบายใจเมื่ออยู่กับอีกฝ่าย ความแตกต่างกันมากเกินไปรังแต่จะสร้างปัญหาไม่มีที่สิ้นสุด
ถ้าเป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่น รสนิยมในการกินข้าวดูหนังฟังเพลง ใช้เวลาแค่เดือนเดียวก็ดูออกว่าเข้ากันได้หรือเปล่า แต่ถ้าหมายถึงชีวิตคู่ที่ต้องอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่าคงต้องใช้เวลาดูนานหลายปี ของแบบนี้ไม่ใช่มองออกกันง่ายๆซะเมื่อไร สาเหตุที่คนมักเลิกรากันมากที่สุดก็คือ คาดหวังอะไรไม่เหมือนกัน เราหลงรักเขาตอนไปปิ๊งกันบนเกาะแสนสวยล้อมรอบด้วยหาดทรายขาว แต่พอมาเจอกันในชีวิตจริง—ลมแทบจับ เขาเป็นหนุ่มออฟฟิศทำงานแบงค์ กินข้าวกับแม่ทุกเย็นวันพุธ เตะฟุตบอลกับเพื่อนทุกวันอาทิตย์ เจอแบบนี้ก็คงหมดอารมณ์ไปเลย
♥ เป้าหมายทั่วไป เมื่อพูดถึงเป้าหมายทั่วไปในชีวิต คนมักคิดถึงการเลือกซื้อบ้านกับการมีลูก ของแบบนี้มันเรื่องธรรมดา คู่รักมักคล้อยตามกันไปได้ง่าย เรื่องที่ตื่นเต้นกว่าและยากกว่าก็คือ การออกเดินทางท่องเที่ยวด้วยกัน การวางแผนเดินทางไปเที่ยวไกลๆ ลองมานั่งคิดกันดูว่า มีความต้องการหรือรสนิยมอะไรที่ตรงกันบ้าง ถ้ามีตรงกับสี่ข้อข้างล่างนี้ก็ขอแสดงความยินดีด้วย
เราและเขาเป็นทีมที่เข้าขากันดี สมมติว่าถ้าคนหนึ่งลุกขึ้นเลือกวิดีโอ อีกคนก็จะรับหน้าที่เตรียมไวน์และจัดของหวาน
เราและเขามักให้ความสำคัญกับวันพิเศษ เช่น วันครบรอบหรือวันเกิด ต้องมีการเตรียมการจัด “คืนพิเศษ” เอาไว้ทุกครั้ง
เราและเขาโปรดปรานการทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษ ด้วยการมอบของขวัญที่ผู้รับไม่ได้คาดหมายมาก่อน หรือโทรศัพท์พูดคำหวานในยามที่อีกฝ่ายคาดไม่ถึง
เราและเขาพยายามคงความสัมพันธ์ให้สดใหม่และตื่นเต้น ด้วยการชวนกันหาอะไรแปลกใหม่ทำกันอยู่เรื่อย
♥ ก้าวเดินของชีวิต ปฏิกิริยาเคมีก็พุ่งปรี๊ด เข้ากันได้แทบทุกเรื่อง แถมเป้าหมายทั่วไปก็ยังตรงกันอีกบานพะเรอ แล้วยังจะมีปัญหาอะไรอีก ปัญหาคือก้าวเดินของชีวิตเราและเขาแตกต่างกันหรือไม่ เราเป็นคนคิดเร็ว เคลื่อนไหวเร็ว วันๆมีโครงการร้อยล้านอยู่เต็มหัว ชีวิตชุลมุนชุลเกขนาดคอหนีบโทรศัพท์ในขณะพิมพ์คอมพิวเตอร์ไปด้วย วิ่งวุ่นทำงานทั้งวันแทบจะนั่งติดแต่ละครั้งได้ไม่เกินห้านาที เพื่อกรุยทางสู่ตำแหน่งผู้บริหารไห้ได้ภายใน 5 ปี ตามที่ตั้งเป้าไว้ หากเราไม่ใช่คนประเภทนี้แต่ต้องมาอยู่กับคนแบบนี้ ชีวิตคู่ย่อมไม่สดใสแน่ ก้าวเดินของชีวิตมีนัยอีกอย่างคือ ความทะเยอทะยานนั่นเอง ถ้าเราตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องมีเงินเดือนเป็นเลขหกหลักให้ได้ นั่นหมายถึงการอุทิศชีวิตและเวลาเพื่องานจริงๆ ดังนั้นคู่ของเราจะต้องเข้าใจและคอยสนับสนุน มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาใหญ่แน่นอน เราและเขามีความทะเยอทะยานประมาณเดียวกันหรือเปล่า ดูได้จาก
พลังงานของเราและเขาอยู่ในระดับเท่าเทียมกันไม่ว่าจะทำอะไร เช่น ชอบนอนขลุกดูทีวีด้วยกันทั้งวัน หรือชอบออกไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาข้างนอกมากกว่า
มีทัศนคติในการทำงานเหมือนกัน คือให้ความสำคัญกับการทำงานเท่ากัน
เราและเขาคิดและพูดด้วยระดับความเร็วเดียวกัน
เราและเขาต้องการเวลาส่วนตัวและความตื่นเต้นในปริมาณและสัดส่วนพอๆกัน
♥ จังหวะชีวิต เราและเขามีปัจจัยสี่ข้อครบถ้วน ทั้งปฏิกิริยาระหว่างกัน ความเข้ากันได้ เป้าหมายทั่วไป และก้าวเดินของชีวิต แต่จังหวะชีวิตไม่ลงล็อคนี่สิ เกิดเรื่องเลยละ จังหวะชีวิตที่ผิดที่ผิดเวลาดูได้จาก
ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพิ่งเลิกรากับรักเก่าซึ่งครองรักกันมานานแนบแน่น การพุ่งตรงเข้าหารายใหม่ จึงเป็นเรื่องไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง
งานกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ต้องให้เวลามุ่งมั่นกับงาน
มีเรื่องที่ยังค้างคา คือยังกำจัดรักเก่าออกจากสาระบบชีวิตได้ไม่หมดจด หรือยังเยียวยาแผลใจไม่หายสนิท
ยังไม่พร้อมผูกมัด เรายังรู้สึกว่ามีสิ่งที่ต้องทำอีกมากก่อนที่จะลงหลักปักฐานร่วมใช้ชีวิตกับใคร ....ถ้าครบห้าข้อก็โอเคใช่เลย.....
หาเพื่อน หาแฟน หาคู่ต่างชาติฐานะดี มีรูปคู่สมหวังได้แต่งงาน

Wednesday, July 9, 2008

วิธีรักษาขอบตาคล้ำ

การรักษาแบบได้ผลช้า ๆ คือ ใช้ยาทาใต้ตาที่มีส่วนผสมของWhitening เช่น วิตามินซี แต่ถ้าต้องการให้เห็นผลดีมากขึ้น และได้ผลเร็ว ๆ ต้องรักษาด้วยเลเซอร์ หรือเครื่องแสงเข้มข้น เป็นวิธีที่ได้ผลดี เลเซอร์ที่ใช้รักษาขอบตาดำได้ ที่นิยมมากที่สุดคือ Nd-yag laser นอกจากนี้เลเซอร์ตัวนี้ยังสามารถรักษาภาวะปานโอตะได้ด้วย
หลังยิงเลเซอร์ ผิวบริเวณนั้นจะเป็นสะเก็ด และสะเก็ดจะหลุดออกภายใน 1-2 อาทิตย์ และผิวของตาที่คล้ำก็จะดูขาวขึ้น เครื่องแสงเข้มข้นคล้ายกับเลเซอร์ แต่ต่างกันที่หลังจากยิงเสร็จแล้วจะไม่เป็นแผล แต่อาจจะเป็นสะเก็ดฝอย ๆ เล็กน้อย แต่เครื่องนี้ไม่สามารถรักษาภาวะปานโอตะได้
ขอบตาดำเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลารักษากันนาน และถ้าไม่รู้จักดูแลตัวเองให้ดี นอนหลับไม่เพียงพอ ไม่ช้าขอบตาก็กลับมาดำได้อีก ดังนั้นการดูแลเอาใจใส่รอบดวงตาเสียแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่จะเริ่มเป็นจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
รู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าลืมหันมาดูแลตัวเองจะได้ไม่เป็นขอบตาดำกัน.

เบื่อหรือรักจาง

เหตุผลของการแยกทางกันของคู่รัก ประกอบด้วยปลีกย่อยมากมาย เป็นคนละปัญหากัน ความสวย...ความดัง ไม่ใช่สิ่งการันตีว่าจะเป็นคู่รักยืนยงตลอดไปอาการเบื่อ ของคู่รัก...ไม่ว่าหญิงหรือชาย สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น โบราณถึงบอกไงว่า อยากพบรักแท้ต้องมีความอดทน คนเราเมื่ออยู่ด้วยกันนานๆ จะเห็นทุกสิ่งในตัวของอีกฝ่าย ส่วนใครจะรับได้ - รับไม่ได้ ก็เป็นอีกเรื่องเคล็ดลับรักยืนเขาบอกว่า ถ้าอยากให้ชีวิตคู่ยืนยาว ต้องอย่ามองในมุมลบของอีกฝ่าย พยายามเชิดชูชื่นชมในส่วนที่ดีๆ นั้น จะทำให้เพิ่มความรักได้อย่างอัศจรรย์บางคนมีน้ำใจงามกับคนอื่น แต่ไม่ค่อยใส่ใจงานของตัวเอง ถ้าจะถนอม รักไว้ก็พยายามแบ่งงานรับผิดชอบให้โบราณบอกว่า คิดถึงคนที่คุณรักน้อยลง จะทำให้เข้าใจคนที่รักมากขึ้น และรักตัวเองให้น้อยลง คนรักก็จะรักคุณเพิ่มขึ้น เพราะการรักตัวเองมากเกินไป มันไม่แตกต่างจากการเห็นแก่ตัว เห็นหรือยังว่า ความรักความผูกพันของคนที่รักกัน มีองค์ประกอบเป็นตัวปลีกย่อยเยอะเหลือเกินวันหนึ่งเมื่อรักจาง หรือเบื่อ ความอดทน - อดกลั้น ก็ไม่เหลือ เพราะพื้นฐานจิตใจของแต่ละคนไม่ได้ตั้งโจทย์เพื่อความรักต่อกันโจทย์ความรัก เป็นยังไง!?โจทย์ความรัก คือคำถามสำรอง, คำถามเตือนใจตัวเองเสมอๆ ว่า เรารักเขาเพราะอะไร เมื่อคนสองคนต่างครอบครัว ต่างพื้นเพ ตัดสินใจมาหลอมชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทั้งสองคนต้องอดทน อดกลั้น และถนอมใจกัน โดยไม่แคร์สังคมอื่นถ้าไม่ถนอมใจกัน คอยแคร์คนอื่นว่าจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร ชีวิตก็ไม่มีความสุข...สิ่งที่เป็นบาปกรรมตามมาคือ ปล่อยให้ลูกน้อยมีปัญหาทางครอบครัว ไร้แม่ - ขาดพ่อ หรือ ขาดพ่อ – ไม่มีแม่ความรักเป็นได้ทุกอย่าง ความรักคือการให้อภัย ให้เกียรติ เป็นลมหายใจของกันและกัน หรือ เป็นเกาะคุ้มครองเพื่อมิให้สิ่งใดๆ มาแผ้วพานคนที่รัก ฯลฯแต่รายละเอียดของความรักที่แท้จริง คือ ความรักต้องรู้จักพอความเจ้าชู้ของคนก็มาจากความไม่รู้จักพอในกาม เห็นคนสวย เห็นคนหล่อ เห็นคนรวย เห็นคนมีตระกูลร่ำรวย ก็มักมองคนข้างตัวเองด้อยค่ากว่าเสมอๆ ถ้าปักใจว่าคนที่เราแต่งงานด้วย คือคนที่เราเลือกดีแล้ว ทุกอย่างจะหยุดที่เขา เพียงพอกับรักที่ตัวเองตัดสินใจ สิ่งที่จะตามมาสู่คือ การให้อภัยเมื่อเรามองคนข้างเคียงชีวิตเรามีค่า หยุดที่เขา - หยุดที่เธอ ความอบอุ่นในครอบครัวก็จะเกิดขึ้น พอการรู้จักพอคือสิ่งเตือนใจ เป็นการกำกับอารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ ได้ เบื่อกับ รักจาง อาจแตกต่างกันทางความรู้สึก จริงๆ แล้วคือเรื่องเดียวกัน...ประสบการณ์รักเช่นนี้เกิดขึ้นได้กับทุกชีวิต เพียงแต่ใครจะเก็บเอาความดีของอีกฝ่ายมาถนอมไว้ เพื่อให้เกิดเป็นรักนิรันดร์หรือไม่เท่านั้นเอง

ลดน้ำหนัก สูตร 24 วัน 5-10 กก

ลดน้ำหนักแบบเผาผลาญหมดจด..ขจัดไขมันสะสม และผิวพรรณไม่เหี่ยวย่น
สูตร 1 รายละเอียด สูตรลดความอ้วนของ อิวอน ทรูแบรด์ ชาวฝรั่งเศสเป็นสูตรลดน้ำหนักที่ช่วยปรับในเรื่องของการเผาผลาญไขมันที่ตกค้างในร่างกายของเราได้มากที่สุด ไม่เหลือตกค้างเป็นไขมัน หรือเหลือก็จะเหลือน้อยมาก และไม่ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น เป็นหลักการที่ช่วยย่อยอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อกระเพาะอาหารย่อยอาหารเพียงชนิดเดียว เช่น ย่อยแต่คาร์โบไฮเดรต ,โปรตีนดังนั้น ใน 1 มื้อ เราควรต้องกินอาหารเพียงชนิดเดียวการทำงานของกระเพาะอาหารโดยปกติทั่วไป1. เริ่มย่อยโปรตีนเป็นอันดับแรก2. ย่อยคาร์โบไฮเดรต3. ย่อยไฟเบอร์จากผักหรือผลไม้4. ย่อยไขมัน***ยกตัวอย่างการกินอาหารในชีวิตประจำวัน***Ex. หากเรากินไก่ทอด KFC โดย ไก่ 1 ชิ้น ประกอบไปด้วย โปรตีน+แป้ง(ที่ชุบทอด)+ไขมัน(ที่ใช้ในการทอด)*********************ร่างกายจะเริ่มทำการย่อยโปรตีนก่อน โดยใช้เวลาในการย่อย 4 ชม. --> แล้วจึงทำการย่อยคาร์โบไฮเดรต(แป้งที่ชุบทอด)-->ย่อยไขมัน(ที่ใช้ทอด)อันดับท้ายสุด ที่นี้..หากเรากินไก่ปริมาณน้อยก็อาจจะย่อยหมดเร็ว แต่บางคนกินจนเพลินหละ??แล้วยิ่งถ้ากินตอนมื้อค่ำ..ลองคิดดู กินแล้ว ไม่กี่ชม.ก็ถึงเวลานอน โปรตีนยังไม่ทันย่อยหมด แป้งกับน้ำมัน ไม่ต้องไปหวังเลย*********************สูตรลดน้ำหนักของอิวอนนี้ แบ่งการกินอาหารเป็นสี่ช่วง สี่ระดับความอดทน คือ9 วัน + 3วัน และ 9 วัน + 3 วัน รวมแล้วทั้งหมด 24 วัน ฮิๆๆ ระยะสั้นแค่ไหนคิดดู^^และสิ่งที่ต้องห้ามใน 24 วันคือนม ไข่ น้ำตาล ห้ามเด็ดขาด แต่ถ้าแฝงมาคงพอหยวนๆเรามาขอทำความเข้าใจสัญลักษณ์ย่อๆ กันก่อนนะคะ จะได้รวดเร็วในการพิมพ์สัญลักษณ์ + หมายถึง และ คือให้กินร่วมกัน สัญลักษณ์ / หมายถึง หรือ คือ ให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าคะอาหารเช้า จะทานเหมือนกันหมดทุกมื้อ เป็นเวลา 24 วัน ประกอบไปด้วยชา/กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลหรือนม +ส้มโอ อันนี้เมืองฝรั่งเค้าใช้เกรฟฟรุต(น้ำตาลเทียมหรือสารแทนความหวานพอได้คะ)ส้มโอนี่ช่วยปรับสมดุลของน้ำในร่างกายได้ดี และให้วิตามินซี ซึ่งร่างกายต้องการค่อนข้างเยอะ ไม่หวานมากเหมือนส้มชนิดอื่นๆ สูตรจึงเลือกเป็นส้มนี้คะ เรามาดูสูตรอาหารกันจริงๆ ดีกว่านะคะ*********************9 วันแรก เช้า : ชา/กาแฟดำ + ส้มโอกลางวัน : เมนูเนื้อสัตว์ล้วน (ห้ามมีข้าว นม ไข่ ผัก ผลไม้ ) โดยนำไป ผัดกับซอสต่างๆได้ กินได้มากเท่าไหร่ก็ตามสบาย จะกินปริมาณ เป็นกิโลๆ ยังได้เลยคะ O_Oโห...สบายๆๆ เพียงแต่มิสเตอร์อิวอนแนะนำเพิ่มมาว่า หากเราเลือกกินเนื้อสัตว์ น่าจะเลือกกินเนื้อสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่งจะดีที่สุด เช่น หากคุณเลือกกินไก่ คุณควรกินไก่อย่างเดียว เช่น กินยำไก่+ไก่ย่าง+ไก่ทอด+ต้มยำไก่(กินแต่ไก่กับน้ำแกง)ตัวอย่างอาหารกลางวัน สเต๊กหมูพริกไทยดำ ไก่ย่าง จิ้มน้ำจิ้มแจ่ว ปลานึ่งจิ้มน้ำจิ้มซีฟู๊ด กุ้งอบ หมูทอดกระเทียม น่องไก่ตุ๋นยาจีน แกงจืดหมูสับล้วน **ระวังอย่ากินผักกับข้าว ละกันคะ**ความรู้พื้นฐานของการเลือกเนื้อสัตว์* หมู มีไขมันมากที่สุด* เนื้อ รองลงมา* อาหารทะเล มีไขมันน้อยลงมาตามลำดับ* เนื้อปลา อันนี้ไขมันน้อยที่สุด <--- เวิร์กๆ ^^เย็น : เมนูข้าวกล้องล้วน (ห้ามมีอะไรปนเช่นเคย) หยวนให้ผัดกับซอส กระเทียม พริกไทย เพิ่มรสชาติได้ แต่อย่าใส่น้ำตาล เนื้อ นม ไข่ ผักเป็นพอ คะตัวอย่างอาหารเย็น ข้าวกล้องผัดกระเทียมใส่ซีอิ้ว พริกไทย ข้าวผัดน้ำพริกกะปิ ข้าวผัดมันกุ้ง ข้าวผัดมันปู แนะนำให้ใช้กะทะเทฟล่อนนะคะ ผัดง่าย ไม่ติดกะทะ ลองผัดแห้งๆ ดู เวลาหิวๆ ก็อร่อยไปอีกแบบคะ*********************3 วันถัดมาเช้า : ชา/กาแฟดำ + ส้มโอกลางวัน : ผลไม้ ได้ทุกอย่างแม้กระทั่งทุเรียน เงาะ ลิ้นจี่ได้หมด คุณจะกิน ทีหละหลายโลยังได้เลย เพียงแต่ถ้าคุณกินผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ควรเลือกกินเป็นมื้อๆไป และที่สำคัญ ผลไม้นี่สามารถทานรวมกัน หลายอย่างได้เย็น : เมนูผลไม้ เหมือนเดิม*********************9 วัน(รอบสอง)เช้า : ชา/กาแฟดำ + ส้มโอกลางวัน : เมนูผัก สารพัดผักนานาชนิด เอามาทานรวมกันได้เลย และที่ สำคัญ ฝรั่งบอกว่า ข้าวโพด มัน เผือก มันฝรั่ง เค้าถือเป็นผักได้คะตัวอย่างอาหารเมนูผัก เช่น สลัดผัก(น้ำใสไม่ใส่น้ำตาล)ผัดผักน้ำมันหอย ผักต้มจิ้มกับน้ำพริกหนุ่มหรือจิ้มน้ำพริกเห็ด ซุปหน่อไม้ ผักทอดไม่ผสมแป้ง น้ำผักปั่นไม่ใส่น้ำตาลเย็น : เมนูผัก เช่นเดียวกันคะ*********************3 วัน(รอบสุดท้าย)เช้า : ชา/กาแฟดำ + ส้มโอกลางวัน : ผลไม้ ได้ทุกอย่างแม้กระทั่งทุเรียน เงาะ ลิ้นจี่ได้หมด คุณจะกินที หละหลายโลยังได้เลย เพียงแต่ถ้าคุณกินผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ควรเลือกกินเป็นมื้อๆไป และที่สำคัญ ผลไม้นี่สามารถทานรวมกัน หลายอย่างได้เย็น : เมนูผลไม้ เหมือนเดิมแค่นี้ก็จบสูตรการลดน้ำหนักแบบอิวอน ทรูแบร์ด แล้วละคะ น้ำหนักคุณอาจจะลดตั้งแต่ 5-10 กิโล หรือมากกว่านั้น ถ้าคุณสามารถควบคุมทุกอย่างได้ดีเสมอต้นเสมอปลาย และที่สำคัญ ห้ามหลุดจากสูตรนี้ ไม่ว่ามื้อใดก็ตาม หากคุณหลงทานอย่างอื่น ในมื้อต้องห้ามคุณต้องทำการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ อันนี้..ต้องบังคับใจตัวเองให้ดีคะTip หากครบ 24 วันแล้ว ต้องการควบคุม นน.ให้คงที่ควรปฏิบัติดังนี้คะo หากกินเนื้อสัตว์ ต้องคู่กับกิน ผัก เสมอ ห้ามกินพร้อมแป้งo หากกินแป้ง ต้องคู่กับกิน ผัก เสมอ เช่นเดียวกันo ผลไม้ควรมีติดบ้านไว้ตลอด เพราะผลไม้จะค้างอยู่ในท้องเราไม่นาน แต่อาหารหนักจะอยู่นาน ควรกินผลไม้ก่อนมื้ออาหารหลัก ประมาณ 15-30 นาที วิธีนี้จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น และผลไม้จะไปตัดกำลังการกินอาหารหนักของเรา ทำให้เรากินอาหารปริมาณน้อยลง
คลิก Older Posts เพื่ออ่านหน้าต่อไป