ข้อมูลและรูปภาพเกี่ยวกับจังหวัดภูเก็ต

Wednesday, December 23, 2009

หาคู่ หาแฟนฝรั่ง


หาคู่ หาแฟนฝรั่ง หาเพื่อนต่างชาติ ต้องการหาคู่ต่างชาติออนไลน์ บริษัทจัดหาคู่ อยากมีแฟนต่างชาติแต่ก็มีปัญหาเรื่องภาษา พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ทำไงดี ไม่สามารถเขียนอีเมล์โต้ตอบคุยกับฝรั่งรู้เรื่อง ไม่มีเวลาที่จะแชท กลัวจะเจอคนหลอกลวง เว็บไซต์หาคู่ Thaidarling.com เป็นทางเลือกสำหรับหญิงไทยที่ซีเรียสจริงจังกับความรัก กับหนุ่มต่างชาติเพื่อการแต่งงาน ประสบการณ์มากกว่า 10 ปี มีคู่สมหวังมากมาย

หาเพื่อนต่างชาติ หลาย ๆ เว็บไซต์มีบริการแชท แต่จะมีสักกี่คนที่ได้แต่งงานจากการรู้จักจากแชท แชทจะเป็นการลักษณะหาเพื่อนคุย หาเพื่อนออนไลน์ หาเพื่อน msn หาเพื่อนแชท จะมีสักกี่คน ได้พบคนรู้ใจต้องการแต่งงานจากการแชท และบางครั้งฝรั่งที่รู้จักจากแชท จะมุ่งไปแค่เรื่องเซ็กส์ ไม่คิดเรื่องการแต่งงาน บางคนคิดว่าอายุเยอะแล้วจะได้แต่งงานเหรอ จะมีต่างชาติสนใจเหรอ ผู้หญิงที่สมัครกับเราบางคนอายุเกิน 50 ปี ก็ยังได้แต่งงาน แล้วถ้าอายุน้อย ๆ สมัครได้ไหม สมัครได้ค่ะ แต่ต้องอายุ 18 ปี ขึ้นไป เพราะฉะนั้นอายุไม่ใช่ปัญหา

Sunday, May 31, 2009

หากมีคนมารุมรัก แล้วจะทำยังไงดี

ดู บางคนโชคดีในเรื่องความรักเหลือเกิน เพราะอยู่ดีๆก็มีคนมาชอบทีเดียวหลายคนเชียวนะ ทำให้บางครั้งอาจเลือกไม่ถูกเหมือนกันแหละว่าจะคว้าใครมาเป็นแฟนตัวจริงเสียงจริงดีฟะ เพราะเวลามีคนมาจีบก็แหม....เข้าแถวกันมาพรึ่บพรั่บหยั่งงี้ ทำให้เขินตายชักน่ะสิจ๊ะ
แต่พูดก็พูดเหอะ การมีคนมาจีบทีเดียวพร้อมกันหลายคนก็มีข้อดีหลายอย่าง ทำให้คุณได้เลือกคนที่เข้ามาจีบให้ถูกสเปกที่ต้องตาต้องใจได้, ทำให้รู้ว่า คุณยังเป็นที่รักของคนอื่นอยู่นะ ไม่ใช่ หมดเสน่ห์หรือไร้น้ำยาซะจนนึกว่าไม่มีใครสนซะแล้ว แถม คุณไม่ต้องไปตามจีบใครให้ยุ่งยาก ซะด้วย เพราะมีคนเข้ามาหาเอง (เหมือนเพลงที่ว่า หนูเปล่านะ เค้ามาเอง หนูเปล่าชวนนะ เค้ามาเองไงฮ้า) เอ้า...อย่าคิดเชียวว่าการไปจีบคนอื่นน่ะเป็นเรื่องหมูๆ เพราะขอยืนยันฮ่ะว่า ให้คนอื่นเค้ามาจีบเราน่ะดีแล้ว มันง่ายกว่า "ออกไปแสวงหา" และตามจีบคนอื่นให้มารักมาหลงนะซีกระนั้น ขอให้มี 1 ในจำนวน "คนที่เข้ามาจีบ" ทำให้คุณถูกชะตาด้วยจริงๆสักคนเหอะว่ะ จะได้โป๊ะเชะมีแฟนกะเค้าสักที ไม่ใช่ว่า ในบรรดาผู้ที่เข้ามา "แจกขนมจีบ" ปรากฏว่า ไม่มีใครคนไหนเลยที่คุณชอบหรือนึกรักก็แย่ดิ่ แสดงว่าถึงมีคนมาจีบก็ทำให้คุณเสียเวลาเปล่าๆ เพราะคุณจะไม่เลือกพวกที่เข้ามาจีบ เนื่องจากไม่ตรงกะความสนใจของคุณเลยสักคนไงเล่างั้นโอมเพี้ยง ขอให้พวกที่เข้ามากระแซะ ทำให้ใจของคุณสั่นหวั่นไหวสักคนเหอะนะ!ทีนี้ก็เกิดความสงสัยต่อไปอีกว่า ถ้าเผื่อใครถูกคนมะรุมมะตุ้มรุมรักมากกว่าคนนึงขึ้นไป ประมาณว่าอาจมี 2–3 คนมาจีบคุณพร้อมกัน หยั่งงี้คุณจะทำไงดีน้อ?1. ลองคบแล้วดูใจแต่ละคนไปก่อนละกันหากคุณมีเวลาเหลือเฟือ และยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน (เอ๊าไม่แน่ เวลามีคนมาจีบ อาจเป็นช่วงที่คุณมีแฟนแล้ว หรือยังไม่มีแฟนก็ได้ใช่ปะ) ถ้าสมมติว่าคุณยังไม่มีแฟน จะลองคบหาดูใจพวกที่เข้ามากะลิ้มกะเหลี่ยทีละคนไปก่อนก็ได้ เช่น วันจันทร์ก็ไปเดท (นัดเที่ยว) กะคนนึง พอวันพุธก็ไปกะอีกคน ส่วนวันศุกร์ก็เลือกคนที่คุณชอบที่สุดไปด้วยกัน ย่อมทำให้คุณรู้จัก "คนที่มาแจกขนมจีบ" มากขึ้น วิธีนี้ช่วยให้คุณตัดสินใจได้แม่นยำขึ้นนะว่าจะเลือกใครเพื่อมาคบกันแบบจริงจังมากขึ้นฮั่นแน่ อยากลองละซี2. ถ้านัดใครไปเที่ยว แต่ไม่อยากไปกันเพียง 2 ต่อ 2 ก็ควรชวนเพื่อนไปด้วยซึ่งดีเหมือนกันนะ ถ้าคุณจะไม่ไปไหนมาไหนกะคนที่เข้ามาจีบเพียง 2 ต่อ 2 เพราะคุณจะไปรู้ได้ไงล่ะว่า แต่ละคนนิสัยเป็นยังไง? ขืนไปกันเพียง 2 คนแล้วถูกเค้ารังแกเอา เดี๋ยวจะเสียความรู้สึก งั้นอย่าเพิ่งเลย ใช้วิธีชวนเพื่อนของคุณไปด้วยดีกว่าน่า การไปกันเป็นฝูง...เอ๊ยเป็นกลุ่ม คุณจะได้ให้เพื่อนช่วยแสดงความเห็นด้วยไงว่า แล้วตกลงคุณจะเลือกใครคนไหน เพื่อคบกันต่อไปหรือคนไหนตัดทิ้งซะ3. เลือกคนที่คุณคิดว่าน่าจะมีอนาคตไปกันได้ด้วยดีมากที่สุดเมื่อถึงเวลาต้องเลือก ก็ตัดสินใจสักทีได้แล้วอย่ามัวยึกยัก ใครที่คิดว่าเหมาะกะคุณที่สุด ก็นั่นแหละใช่เลย แต่ถ้ายังไม่มั่นใจว่าเลือกถูกรึยัง จะรั้งรอไว้ก่อนก็ได้ไม่เป็นไร ทว่าจะรอไปอีกแค่ไหน ควรตระหนักไว้หน่อยละกันว่า ความรักบางทีก็ไม่ควรใช้เวลาเลือกนาน เพราะเดี๋ยวคนที่คุณ "มีใจให้" เกิดหลุดลอยไปไกลเกินเอื้อมแล้วจะมาร้องโอดโอยไม่ได้นะ4. เมื่อได้คนถูกใจแล้วก็อย่าเล่นตัวมากในเมื่อคุณรู้แล้วว่า จะเลือกใคร กรุณาบอกเค้าอย่างเด็ดเดี่ยวกล้าหาญด้วยสิว่า ชั้นเลือกคุณเป็นแฟนแล้วนะ ไม่ใช่ปล่อยให้เค้าคิดเองเออเองว่า เอ...คุณรับรักเค้ารึยังหว่า? เพราะคุณไม่อยากบอกเค้าตรงๆ กลัวเดี๋ยวเค้าจะระริกระรี้เกินเหตุ ดังนั้น คุณจึงเป็นฝ่ายเล่นตัวก่อนซะเลย ก็ไม่เก๋นะยะ5. คบแล้วก็อย่าเลิกกันเร็ว ควรมีน้ำอดน้ำทนซึ่งกันและกันให้มากเข้าไว้ถ้าคิดว่า เวลาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำผิด แล้วต้องให้เค้าง้อคุณทุกทีละก็ (เพราะเค้าเป็นฝ่ายติดบ่วงเสน่ห์ของคุณก่อน จึงคิดว่าเค้าต้องเป็นฝ่าย "ยอม" เสมอดิ่) อยากให้คิดใหม่ว่า ใครทำผิดฝ่ายนั้นก็ควร "ง้อ" ต่างหาก ไม่ใช่อะไรๆก็คิดว่าคุณถูกเสมอ หยั่งงี้ท่าทางจะคบไม่ยืดนะ ทางที่ดีเมื่อเป็นแฟนกันแล้วก็อย่างอนหรือมีปากเสียงกันบ่อย อย่าลืมว่าก่อนตัดสินใจเป็นแฟน คุณก็คัดแล้วคัดอีกไม่ใช่เหรอ อะไรที่หยวนๆกันได้ ก็ควรอะลุ้มอล่วยกันซะ แหม กว่าจะรักกันได้มันยากนะตัวเอง แล้วยังจะมาเลิกกันเร็วคงไม่แจ๋วเท่าไหร่อ้อ มีอีกเรื่องที่อยากให้ระมัดระวังไว้หน่อย ได้แก่ ตอนที่เป็นแฟนกันน่ะ อาจมีสิ่งล่อใจให้คุณตกเป็นของเค้าได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งถ้าคุณยังไม่พร้อมที่จะ "เป็นของเค้า" ละก็ โปรดเตือนตัวเองในสถานการณ์เหล่านี้ไว้มั่งละกัน เช่น...*เมื่อคุณน่ารักและสวยเป็นพิเศษกว่าทุกวัน แล้วถ้าวันนั้นความน่าร้ากของคุณ ดันทำให้เค้าเกิดความรู้สึกซู่ซ่าขึ้นมาอย่างฉับพลันทันใดละก็ เค้าย่อมหมายมั่นปั้นมืออยากปล้ำคุณขึ้นมาน่ะสิ ฉะนั้น อย่าทำตัวเซ็กซี่เกินไปนะจ๊ะ ถ้าเค้าหน้ามืดอยาก "ฟัน" คุณขึ้นมาจะได้หลบเลี่ยงได้ทัน*เมื่อบรรยากาศมันพาไป คิดดูเดะ ถ้าเค้าพาคุณไปทานอาหารค่ำใต้แสงเทียน แล้วถ้าเผื่อทั้งคุณและเค้าเกิดอารมณ์อยากนัวเนียกันขึ้นมา ก็อย่าลืมเตือนสติตัวเองให้อยู่กะร่องกะรอยหน่อย*เมื่อต่างฝ่ายต่างรู้สึกเปลี่ยวใจ โอ๊ย...อาการเปลี่ยวเหงาชวนโหยหาให้ทั้งคู่อยู่ในอารมณ์รัญจวนดีนักแหละ ถ้าคุณยังไม่อยากให้เค้ารวบรัดละก็ อย่าปล่อยกายให้เค้ารุกล้ำพื้นที่สุดสงวนเข้ามาเชียว ถ้าคิดว่ายังไม่ถึงเวลาก็ควรอดใจไว้ก่อน เมื่อถึงช่วงเหมาะสมค่อยว่ากัน ส่วนเค้าก็ควรรักษาน้ำใจของ คุณด้วย ไม่ใช่กลัดมันอย่างเดียวก็ไม่ถูกนะ

Sunday, May 24, 2009

แฟนเก่าของคุณเป็นคนอย่างไร ?

ขึ้นชื่อว่า "แฟนเก่า" ไม่ว่าใครคงเคยมีกันมาแล้วใช่มะ โถ...ป่านฉะนี้ยังมีผู้ใดอีกรึที่จะปฏิเสธว่าไม่เคยมีอดีตรักซึ่งเคยเป็นคนที่คุณห่วงหาอาทรขนาดยามนอนไม่ได้กินและยามกินไม่ได้นอนเพราะเอาแต่หวง...เอ๊ย เป็นห่วงแต่เค้าน่ะ มีด้วยเรอะ แหม...สงสัยจริงเชียวซึ่งการเป็นแฟนเก่าของกันและกันมีหลายแบบซะด้วยสิ ไม่ว่าจะเลิกทั้งที่ยังเลิฟกัน แต่มีอุปสรรคขัดขวางบางอย่างจนทำให้ต้องแยกทาง ทั้งที่ใจไม่ อยากเลิกก็มี ทว่า ตอนนั้นทั้งคู่ดัน "ไปด้วยกันไม่ได้" นี่หว่า ส่วนคู่ที่เลิกเพราะผิดใจกันอย่างรุนแรง แล้วไม่อยากติดต่อกันอีกเลยก็มีให้เยอะแยะว่าตามตรง ไม่ค่อยมีใครอยากได้ชื่อว่าเป็นแฟนเก่านักหรอก ไม่ใช่ว่าคำนี้เป็นคำไม่ดีหรือมีแต่จะสร้างลางร้ายให้แก่ผู้ที่เป็นแฟนเก่าหรอกนะ เพียงแต่ใครๆก็อยากได้ชื่อว่าเป็น "แฟน" เฉยๆ หรือเป็น "แฟนใหม่" มากกว่า เพราะให้ความรู้สึกดีกว่ากันเยอะ แล้วใครยังอยากเป็น "แฟนเก่า" ฟะที่เกริ่นมา เพราะอยากฝอยถึง "แฟนเก่ายอดแย่" กับ "แฟนเก่ายอดเยี่ยม" ไงจ๊ะ เนื่องจากเห็นบางท่านแสนโชคดีที่ยังมีแฟนเก่าคอยวนเวียนให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ ตรงข้ามกะบางคนมีแฟนเก่าประสาอะไรไม่รุ ชอบคอยมารบกวนและตามรังควานจนไม่อยากนับให้มันเป็นแฟนเก่าด้วยซ้ำ ส่วนแฟนเก่าที่ต่างคนต่างอยู่ก็ยังดีกว่าเป็นแฟนเก่ายอดแย่ละว้างั้นมาดู ตัวอย่างของแฟนเก่ายอดเยี่ยมกันก่อนดีกว่า ว่าเค้าเป็นกันอย่างไร?1. ยังเป็นเพื่อนกันได้ แม้เดี๋ยวนี้จะไม่ใช่ แฟนกันแล้วก็ตามแฟนเก่าทำนองนี้ ทำให้คุณคิดไม่ออกแล้วล่ะว่า เราเลิกกันด้วยเหตุอันใด เพราะยามที่คุณไม่มีใครเป็นเพื่อน ก็มีเค้านี่แหละทำหน้าที่เป็นเพื่อนให้ได้เสมอ แบบหากคุณอยากไปช็อปปิ้งที่ตลาดนัดกลางแจ้ง ทว่า เพื่อนแต่ละคนของคุณกลับห่วงสวยไปซะหมด แต่แทนที่คุณจะสิ้นหวังไปเลย ทันใดนั้น ก็คิดขึ้นมาได้ว่ายังมีแฟนเก่าที่ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนซี้ไปแล้วนี่แหละที่สามารถชวนไปไหนก็ไปด้วยได้ แม้เค้าจะมีข้อแม้อยู่บ้างตรงที่ขอให้วันนั้นไม่ติดธุระสำคัญอะไร เห็นมะคุณก็มีคนไปด้วยแล้ว2. ห่วงใยคุณยามเจ็บไข้ได้ป่วยถ้าเมื่อไหร่เค้ารู้ว่าคุณไม่สบาย เค้าจะหาหยูกยามาให้ หรืออย่างน้อยจะคอยกระตุ้นให้คุณไปหาหมอให้ได้ เพราะไม่อยากปล่อยให้คุณเดาวิธีรักษาเอาเอง ดีไม่ดีหากรู้ว่าคุณกำลังป่วยหนัก เค้าอาจเป็นคนแรกๆเลยด้วยซ้ำที่พาคุณไปหาหมอ และอยู่เป็นเพื่อนแม้จะรู้ทั้งรู้ว่าเป็นแฟนเก่าแล้วก็ตาม แต่นึกออกมะ ว่าเค้ายังเห็นแก่ความรัก ที่เคยมีต่อกัน จึงยังห่วงหาอาทรคุณอยู่นั่น3. ยังเคารพพ่อแม่ของคุณ ไม่ได้เห็นว่าเป็นคนอื่นคนไกลส่วนสมาชิกพี่น้องในครอบครัวของคุณก็รู้จักเค้าและยังติดต่อไปมาหาสู่กันอยู่ ถึงจะไม่สนิทเหมือนแต่ก่อน กระนั้น พวกเราก็ไม่ได้โกรธอะไรกันนี่นา แล้วทำไมจะคุยกันไม่ได้ล่ะ4. เค้าอาจเฮิร์ท (ปวดใจ) ถ้ารู้ว่าคุณมีแฟนใหม่ แต่ทำไงได้ในเมื่อเราไม่ได้เป็นแฟนกันแล้วนี่ ก็ไม่รู้จะขัดขวางคุณไปทำไม เพราะสักวันเค้าต้องมีแฟนใหม่เหมือนกันอ้อ ถ้าอ่านแล้วคิดไม่ถึงว่า แฟนเก่าของใครจะดีได้ถึงปานนี้ละก็ ขอยืนยันว่ามีจริงละกันจ้ะทีนี้มาถึง แฟนเก่ายอดแย่ มั่ง ชื่อก็บอกแล้วว่า ต้องไม่ใช่แฟนเก่าที่ทำให้ "คนเคยรัก" แฮปปี้แน่นอน แล้วอะไรล่ะที่เค้าทำให้คุณรู้สึกไม่ดีน่ะ ก็มีคุณสมบัติบ้าบอราวๆนี้ไงยะ...1. ถ้าวันไหนเครียดและหาที่ลงไม่ได้ เค้าจะโทร.มาต่อว่าคุณเฉยเลยทั้งๆที่ตอนคุณรับโทรศัพท์ของเค้า ใจยังมีความหวังอยู่นิดนึงว่า เค้าคงมีเยื่อใยจึงอยากโทร. มาทักทายและสอบถามสารพัดสุขดิบจากคุณที่เคยเป็นอดีตของเค้าล่ะมั้ง แต่ที่ไหนได้ พี่แกดันหัวเสียมาจากไหนไม่รู้ คุณจึงโดนเค้าต่อว่าต่อขานซะยกใหญ่ คล้ายหยั่งกะว่า แม้ "รักจบไปแล้วแต่คนไม่จบ" อ่ะ มีอะไรปะ เนียะแสดงว่า เห็นแฟนเก่าเป็นกระโถนหรือถังขยะนะเซ่ ถ้าเค้าขืนเป็นงี้ละก็ คุณอย่าหลวมตัวรับโทรศัพท์ จากเค้าอีกเชียว อะไรวะ คนอย่างนี้ก็มีด้วย2. ปล่อยข่าวว่าเค้าเป็นฝ่ายเลิกกับคุณ ไม่ใช่เพราะคุณขอเลิกกะเค้าแสดงว่าเค้ากลัวเสียหน้าดิ่ หากมีใครรู้ว่าเค้าโดนคุณทิ้ง ทั้งๆที่ใครเลิกกะใครก่อนก็ไม่เห็นต้องเก็บไปคิดมากอีกแล้ว ปล่อยให้เรื่องนี้ทั้งคู่รู้กันแค่สองคนไม่ดีกว่าเรอะ ขืนเอาเรื่องนี้ไปพูดก็ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น เว้นแต่เค้าอยากทำให้คุณ "เสียเซลฟ์ (ขาดความมั่นใจในตัวเอง)" และพยายามทำให้คนอื่นมองว่าคุณเป็นนางมารร้าย ที่ใครก็ไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยแหงเลย อู้หู แผนสูงนะยะ3. เอาเรื่องส่วนตั๊วส่วนตัวของคุณไปโพน-ทะนาโดยเฉพาะเรื่องอะไรที่สามารถทำให้คุณอับอายได้ เช่น คุณชอบใส่กางเกงในสีอะไร? หรือคุณชอบให้ชาวบ้านชมว่าเซ็กซี่ทั้งที่ทรวดทรงไม่เป็นใจให้ เป็นงั้นซะหน่อย แต่เค้าจะเที่ยวนำเรื่องเหล่านี้ไปพูดให้คุณขายหน้าซะอย่าง แสบไหมล่ะ สงสัยตอนก่อนเลิกคงผิดใจและมีปากเสียงกันอย่างรุนแรงสิท่า เค้าถึงยังตั้งหน้าตั้งตาราวีคุณไม่เลิกอย่างงี้4. ชอบยั่วให้โมโหและเจ็บใจ ถ้าเผื่อบังเอิญเดินสวนกัน ขณะคุณควงแฟนใหม่มาด้วย เค้าก็จะยั่วให้คุณโมโหด้วยคำพูดที่ชวนหงุดหงิดและอาจทำให้คั่งแค้นไปหลายวันต่อหน้าแฟนใหม่ของคุณ อย่างเช่น "โอ้โห วันนี้ผมโชคดีจัง ที่เจอสาวเร่าร้อนคนเก่งของผม ถ้าแฟนใหม่ของคุณไร้น้ำยาในการให้ความสุข (บนเตียง) กะคุณละก็ ผมยังยินดีช่วยให้สุขสมอารมณ์หมายนะคร้าบ" ปากพล่อยจริงๆเลยไอ้แฟนเก่าหยั่งงี้แหม...มันน่ากระทืบ เอ๊ย น่าหลีกหนีถอยห่างไปคนละโยชน์ว่ามะ

Sunday, May 17, 2009

สัญญาณเตือนภัยว่าแฟนมีกิ๊ก

ใช่มะ ว่า "การนอกใจ" เป็นปัญหาสุดฮอตฮิตของคู่เลิฟ ที่ลองเอาไปถาม "คนมีแฟน" เมื่อไหร่ละก็ ส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากให้แฟนตัวเองนอกใจไปมีกิ๊กมีก๊อกทั้งนั้นแหละว้า เพราะขืนรู้ขึ้นมาสิว่า แฟนปันใจไปให้คนอื่นคนไกล (หรือที่จริงใกล้ตัวเค้า) ละก็ นอกจากอีกฝ่ายจะเจ็บกระดองใจจนสุดเฮิร์ตและขาดความมั่นใจชนิดเกือบกู่ไม่กลับแล้ว ดีไม่ดีไอ้เรานี่แหละกลับต้องมานั่งใคร่ครวญเหมือนคนฟุ้งซ่าน ว่าตัวเองไม่ดีตรงไหนฟะ เค้าถึงใจจืดใจดำไปมีคนอื่นได้ลงคอ แถมยังอยากตีตัวออกห่างแฟน (ตัวจริง) เพื่อไปอี๋อ๋อออเซาะกะคนอื่นเป็นงั้นไป โอ๊ย...คนเจ้าชู้หลายใจก็มักทำให้คู่รักเฮิร์ต (เจ็บปวด) แบบนี้แหละ แทนที่เค้าอยากจะสำเริงสำราญกับแฟนก็ไม่หรอก อยากไปลิงโลดกับกิ๊กคนที่เท่าไหร่ก็ม่ายรุของมันมากฝ่าคำถามคือ หากใครมีแฟนแล้ว แล้วคุณกล้าบอกแฟนตามตรงรึเปล่าว่านอกใจไปมีคนอื่นน่ะ? เอ้า ลองไปถามตัวแทนของฝ่ายหญิงก่อนละกัน น้องตุ้ม วัย 20 เศษ ยืนยันว่ายังไม่เคยนอกใจแฟนนะ แต่ถ้าหากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับตัวละก็ "เรื่องไรจะบอกเค้าล่ะเพ่ แต่น้องว่านะ ถ้าตัวเองจะนอกใจเค้าละก็ แสดงว่าเค้าต้องทำกะหนูก่อนแหง"....โอ๋ โอ๋ อย่าเพิ่งใจแป้วตูมตามไปก่อนสิจ๊ะส่วนน้องบุ๋ม วัย 31 ปี พูดไว้น่าคิดแฮะว่า เรื่องเจ้าชู้หรือนอกใจน่ะเหรอ ส่วนใหญ่ฝ่ายหญิงไม่ค่อยเป็นกันหรอก "จะทำงั้นทำไมล่ะ ถ้าแฟนเค้าเอาใจใส่เราดีอยู่แล้ว ไม่มีใครอยากหาเรื่องใส่ตัว เชื่อดิ่" เออ...น่านน่ะสิ ถ้าแฟนรักเราจริงและยังดีกะเราอยู่ แล้วจะนอกใจไปหาอะไรเนอะงั้นให้ฝ่ายชายพูดมั่ง คุณเอ ท่าทางเป็นหนุ่มทันสมัย วัย 26 ยอมรับว่า การนอกใจแฟนน่ะเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างนึง ที่ใครๆก็สามารถเผลอใจได้ "แต่ถ้าหากจะให้บอกแฟนตามตรงว่า ผมนอกใจเธอ คงไม่ทำงั้นหรอก ของแบบนี้ใครจะบอกกันตรงฮ่ะ ยกเว้นพวกอยากเลิกกันให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลยนั่นแหละ ถึงกล้าล่ะ" น่านน่ะสิ ขืนกล้าพูดก็แสดงว่ากล้าเลิกกันแหงๆด้านคุณอาร์ม วัย 30 เศษ ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าผู้ชายนอกใจ ส่วนใหญ่แฟนสาวจะมีเซนส์ (ความรู้สึก) รับรู้ได้เองแหละว่าเค้ากำลังมีคนอื่น "ไม่ต้องให้บอกร้อก รับรองหล่อนรู้แน่ เพียงแต่จะ พูดว่า เธอรู้รึเปล่าเท่านั้น" แหม...เรื่องคอขาดบาดตายหยั่งงี้ถ้าเซนส์และลางสังหรณ์ไม่ดีก็แย่อ่ะดี้ดังนั้น สัปดาห์นี้จึงอยากตั้งข้อสังเกตเท่านั้นแหละว่า มีสัญญาณอะไรบ้างน้อที่บอกได้ว่าแฟนคุณกำลังมีกิ๊ก เช่น...1. เบื่อหน่ายและไม่อยากคุยกับแฟนตัวจริง เป็นสัญญาณ อ.ต.ร.อันตรายอย่างนึงนะถ้าเค้ายังแสดงอากัปอาการว่าสนใจแฟนมากๆละก็ เค้าต้องอยากคุย, อยากใกล้ชิด และอยากหนุงหนิงกะแฟนซี ไม่ใช่เห็นหน้าแฟนแล้วเซ็ง หนำซ้ำยังทำหน้าทำตาคล้ายไม่อยากเข้าใกล้ ไม่อยากพูดจาฉอเลาะต่อกระซิกด้วยเหมือนเก่า แล้วหันไปคุยกับเพื่อนอย่างเมามันแทน แถมถ้าทุกเย็น เค้าก็เอาแหละ อ้างว่ามีนัดสังสรรค์กะเพื่อนจึงไม่ค่อยกลับไปทานข้าวที่บ้าน เอ๊ะ...อย่างนี้ก็น่าสงสัยใช่มะ ว่าที่แท้แอบไปดู๋ดี๋จู๋จี๋กะกิ๊กซะละมั้ง 2. นัดกะแฟนแล้วชอบผิดนัดประจำก็คนเค้าไม่อยากสนใจไยดีกันแล้วนี่ แล้วจะให้เค้าจำเรื่องนัดเนิดกะแฟนไปทำมั้ย ฟังแล้วไม่เห็นซู่ซ่าเหมือนนัดกะกิ๊กเลย โห...เวลานัดกะแฟนตัวจริงน่ะทำเป็นอัลไซเมอร์ แต่พอนัดกะกิ๊กแล้ว โอ๊ย...โคตรกระตือรือร้นไปตามนัดเลย แถมยังไปตรงต่อเวลาซะด้วยดิ่ อย่างว่า แฟนมันเก่าเหลาเหย่ แต่กิ๊กยังเอ๊าะแถมหน้าใสไร้ริ้วรอยมาตอแย งี้ยังให้ฟันธงอีกเรอะ ว่าเค้าอยากเจอใครมากกว่ากัน...เชอะ เมื่อไหร่โดนกิ๊กทิ้งแล้วจะรู้สึ้ก!3. อยู่กะแฟนก็เหมือนต่างคนต่างอยู่ แล้วอ้างว่างานยุ่งหรืองานเยอะ จึงทำท่าสะดิ้งตีตัวออกห่าง สุดท้ายก็ห่างเหินกัน เค้าไปทาง แฟนก็ไปอีกทาง แต่ทางที่เค้าไปน่ะมีกิ๊กรอออเซาะเค้าอยู่น่ะซี อย่างว่า ในเมื่อเขามีคนอื่นซุกไว้ ใจก็ลอยไปหาทางโน้นแหละ จะให้มาคลุกอยู่กะแฟนได้ไง ในเมื่อใจยังไม่อยากอยู่เล้ย4. เค้าไม่ยอมรับโทรศัพท์ใกล้ๆแฟนตัวจริงเด็ดขาดเพราะเกรงว่าแฟนจะได้ยินคำสนทนาที่หยอดคำหวาน และหยอดคำอ้อนระหว่างเค้ากับกิ๊กน่ะสิ ตรงข้ามถ้าเผื่อเป็นโทรศัพท์ของที่ทำงานโทร.มาสอบ ถามอะไรเค้าสักอย่างดิ่ นั่นแหละถึงเป็นข้อยกเว้นที่เค้าจะคว้าโทรศัพท์แล้วเดินมาคุยโขมงโฉงเฉงข้างๆแฟนเลยเชียวล่ะ...อ่ะ ทำไมต้องเป็นงี้เรอะ ก็เค้าอยากโชว์แฟนให้รู้ไงว่า เป็นคนมุ่งแต่งาน แหม...พองานเข้าล่ะอยากโชว์ แต่หากกิ๊กโทร.มาเมื่อไหร่ ถ้าอยู่กะแฟนก็จะทำเป็นไม่รับซะงั้น5. โกหกได้สารพัดเพื่อหลบเลี่ยงไปหากิ๊กบางทีอาการขี้จุ๊ ตอนแรกก็ไม่เนียนหรอก แต่พอทำบ่อยๆ บวกกับแฟนก็ดันใสซื่ออีกต่างหาก จึงคิดไม่ถึงนี่หว่า ว่าเค้าจะโกหกได้หน้าด้านๆ ด้วยการชักแม่น้ำทั้งห้าหนีไปกกกิ๊กสบายแฮ ดังนั้น พอโกหกแฟนได้ครั้งนึง เชื่อดิ่ เดี๋ยวเค้าจะยิ่งติดใจมุสาวาจาอีกแหงๆ ถ้าตราบใดแฟนจับไม่ได้ไล่ไม่ทันซะอย่าง ทีนี้ล่ะ วันหยุดนักขัตฤกษ์ก็อย่าหวังว่าเค้าจะอยู่บ้านเป็นแฟมิลี่แมนนะยะ 6. พวกชอบนอกใจอาจหันมาใช้กลยุทธ์หันมาทำดีกะแฟนก็มีเพื่อให้แฟนตายใจไว้ก่อน ว่าใจเค้าไม่เคยลดเลี้ยวเคี้ยวคด จึงพยายามเอาอกเอาใจแฟนแบบขอไปที แต่ความจริงน่ะอยากไปซบกิ๊กมากกว่ากอดอีแก่ที่บ้านซะอีก เฮ่อ นี่ละฮ้า....พวกไม่ซื่อสัตย์กะแฟนก็เป็นงี้แหละ.

Saturday, May 9, 2009

คุณใจเร็วด่วนรักเกินไปรึเปล่า?

คุณเคยเกิดความรักแบบสายฟ้าแลบบ้างมะ อ๋อ ก็หมายถึงความรักที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วปุ๊บปั๊บ คล้าย รักนี้เกิดขึ้นง้ายง่าย จนไม่น่าเชื่อนั่นแหละ แต่พูดก็พูดเหอะว่า เกือบทุกคนเวลาจะรักใครขึ้นมา ก็รักง่ายและรักเร็วไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันนักหรอก เพียงแต่ "รักสายฟ้าแลบ" ของบางคนอาจต้องใช้สมองและการไตร่ตรองเพิ่มขึ้นอีกนิด มากกว่าปล่อยอารมณ์รักให้เลยเถิด และกล้าเดินหน้าชนจนตามจีบ "คนที่ตัวเองหมายปอง" ไว้น่ะซีงั้นมาดูกันดีกว่าว่า การรักใครง่ายๆ นั้นให้ผลดีหรือผลเสียกับ "คนใจง่าย" ...เอ๊ย คนที่มีรักปรู๊ดปร๊าดแบบหุนหันพลันแล่นมั่งอ่ะ? ขอยกตัวอย่างเป็นแซมเปิ้ลให้ฟังใน ด้านดี ก่อนละกัน เช่น....1. การถูกใจหรือรักใครเร็ว ก็ดีไปอย่าง เพราะทำให้คุณมีเป้าหมายแน่นอนไง ว่าคุณจะฝากเลิฟกะคนนี้ส่วนคนอื่นไม่สน แล้วทันใดนั้นคุณก็หลงละเมอเพ้อพกไปวันๆ อย่างมีความสุขว่า เค้าจะเล่นด้วยไหมน้า เออ...แล้วเค้าจะเล่นด้วยกะ "น้า" เอ๊ย "หนู" ไหมล่ะ อิอิ2. การถูกใจใครสักคนอย่างรวดเร็ว (จนใจของตัวเองก็ห้ามไม่ทัน) มีแนวโน้มที่จะทำให้มีคู่เร็วตามไปด้วยน่ะซี ดังนั้น จึงยากที่จะเป็นโสดขึ้นคาน โอ๊ย...เรื่องนี้แทบเลิกคิดไปได้เลย 3. การถูกใจใครเร็วหรือยังไม่ทันไรก็รักเค้าปุ๊บปั๊บเข้าไปแล้ว ทำให้ไม่ต้องปวดเศียรเวียน เกล้า หรือคิดมากว่าจะเลือกใครอีกต่อไปอ่ะดิ่ เพราะตัดสินใจแล้วนี่ ดังนั้น จึงไม่ต้องเครียดกับความลังเลหรือโลเลของหัวใจตัวเอง จะเหลือก็แต่ไป "โมเม" อยากรู้จักมักจี่เค้านี่สิ เอ๊ แล้วสุดท้ายจะลงเอยยังไงจ๊ะ เอาเหอะ ยังไงก็ขอให้เค้าเล่นด้วยละกันนะ จะได้สมปรารถนาซะทีเพี้ยง!4. รักรวดเร็ว มีแนวโน้มทำให้มีครอบครัวไว และมีลูกทันใช้...เฮๆ แต่เดี๋ยวนี้แน่ใจรื้อว่า ลูกมีไว้ให้ใช้ ไม่ใช่ลูกมาใช้เรา งงแฮะเอ๊ะยังไงแน่ส่วนข้อเจี๋ย หรือ ข้อเสีย เหรอฮ้า ได้แก่...1. เมื่อถูกใจใครเร็ว หรือรักเค้าง่ายเหลือเกิน จะทำให้ตัวเองนั่นแหละทรมานใจนะยะ เพราะรักปรู๊ดปร๊าดก็คล้ายไปหลงละเมอถึงเค้าข้างเดียวเหมือนกันแฮะ ในกรณีที่ไม่รู้จักกันกับคนที่หมายปองมาก่อนนะ หรือแม้แต่รู้จักกันแล้ว มันก็ไม่แน่อีกนั่นแหละว่า เค้าจะใจตรงกันกะ คุณรึเปล่า ฮั่นแน่ หยั่งงี้ต้องรีบไปเลียบๆเคียงๆถามเค้าแล้วละซี แต่ขอให้มีศิลปะในการถามเค้าหน่อย ไม่ใช่ถามโป้งเดียวจอด (ซึ่งก็ดีเหมือนกัน...อ้าว) ว่าเค้ากำลังคบใครอยู่รึเปล่า จะได้รู้กันไปเลย แต่ทำงี้เค้าอาจเขิน หรือไม่แน่ใจว่าคุณจะมาไม้ไหน จึงอาจตอบเพื่อให้ความหวังคุณว่า เค้ายังไม่มีใครก็ได้นี่นา2. รักสายฟ้าแลบ อาจทำให้คิดเองเออเองว่า เค้าก็สนใจคุณเช่นกัน ดังนั้น ถ้าคุณไม่รีบ "จอง" เค้าซะก่อน เดี๋ยวเค้าก็ไปคว้าคนอื่นมาเป็นแฟนหรอก! แต่เอ๊ะนี่คุณกำลังหลอกตัวเองรึเปล่า เพราะคุณมีสิทธิ์อะไรจะไปจับจองหัวใจเค้าไม่ให้ไปเลิฟใครได้ เค้าเป็นสิ่งมีชีวิตนะไม่ใช่ สิ่งของหรือรถราในงานมอเตอร์โชว์ให้เลือกจองซะหน่อย3. รักใครง่ายๆน่ะ ถ้าคนที่คุณไปเลิฟ เค้าเป็นคนดีก็แล้วไป แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ ลองนึกดูละกันว่า บางทีคุณอาจถูกเค้าหลอกให้ตายใจว่า เค้าพิสมัยคุณ แต่จริงๆอาจมีกิ๊กหรือแฟนตัวจริงซุก อยู่ก็ได้ แล้วถ้าความจริงแตกดังโพละ คุณก็ช้ำสิ แถมยังจะมองหน้ากันติดเหรอเนี่ย4. รักสายฟ้าแลบ ทำให้ลืมโลกแห่งความจริง ก็ได้ว่า เค้าเหมาะสมกะคุณแน่นะ เพราะคุณอาจติดใจแต่เฉพาะสิ่งที่พบเห็นภายนอก เช่น เค้าโค-ตะ-ระหน้าตาดีเลย คุณจึงหลงแอบมองและเลิฟเค้าก็เพราะเงี้ย ทั้งๆที่ความรักน่ะ ต้องอาศัยการศึกษากันระยะยาว ไม่ควรหุนหัน พลันแล่นนะหล่อน โธ่ กะอีแค่หน้าตาและคำพูดหวานๆ ไม่ใช่ทุกอย่างของความรัก จำไว้เชอะ5. ถามตัวเองสิว่า อยากมีความรักมากซะจนขอให้ได้รักใครสักคนก็ได้อ่ะเปล่า อ้าวมีนะฮ่ะ คนที่ดิ้นรนอยากมีแฟนซะจนคิดว่าใครอยู่ใกล้ชั้นก็จะจับมาเป็นแฟนซะให้หมด อู๊ย ขืนเป็นงี้อันตรายนะเฟ้ย เพราะมัวแต่ค้นหาและทุ่มเทให้รักซะจนขาดความเป็นตัวของตัวเอง เฮ่อ สงสารตัวเองมั่งเหอะ หรือไม่งั้นก็สงสารคนที่จะถูกจับมาเป็นเหยื่อละกัน ฮิฮิ6. มีเปอร์เซ็นต์ของผู้รักง่ายและรักปุ๊บปั๊บจำนวนน้อยที่ประสบความสำเร็จกับความรักแบบหุนหันพลันแล่น เมื่อเป็นงี้แล้วยังอยากริรักกันรวดเร็วปรู๊ดปร๊าดอีกมะ เอ๊...แล้วทำไงดี ถ้าไม่อยากรักใครเร็วไป หรืออยากระงับความปรู๊ดปร๊าดใจเร็วของตัวเองให้ได้ ก็มีข้อแนะนำนิดๆหน่อยๆ พอเป็นน้ำจิ้ม งี้นะ... เมื่อถูกตาต้องใจใครสักคน อย่าเพิ่งรีบคิดว่า คนนี้แหละคือมหัศจรรย์รักแท้ของคุณ โถ นอกจากรู้จักหน้าตาท่าทางเค้าแล้ว ลองจับตาพฤติกรรมของเค้ามั่งก็ได้ ว่าเหมาะกะคุณไหมไม่ใช่เห็นหน้าตาแบบนี้ไม่น่าจะขี้หลี แต่ขอโทษ โคตรเจ้าชู้เลย ก็ควรศึกษากันก่อน ถ้าเค้ามีทีท่าสนใจคุณด้วย โอ๊ะโอ โป๊ะเชะ เยี่ยมไปเลยสิ จะออกเดต (ไปเที่ยวเพื่อดูใจ) อย่างเป็นเรื่องเป็นราวก็ทำซะ แต่แค่ไปเดตพอนะ อย่าเผลอทำอย่างอื่น เช่น อย่าไปเผลอบอกชอบหรือรักเค้าจนเหมือนคุณคลั่งไคล้อะไรสักอย่าง เดี๋ยวเหอะ เค้าจะงงว่า นี่แค่เดตแรก คุณก็เพี้ยนซะแล้ว งี้อีกหน่อยจะมีเดตกันอีกดีรื้อหัดเก็บอาการไว้มั่งฮี่ถ้าเค้าให้เบอร์โทรศัพท์มาก็อย่าเพิ่งโทร.หากันทั้งที่เพิ่งแยกจากกันไม่ทันเกิน 10 นาทีนะเฟ้ย รอไว้ 3 วัน 7 วัน ค่อยโทร.ไปออเซาะก็ได้ แต่ทางที่ดี อย่าเร่งรีบใจง่ายหน่อยเลยตัว เดี๋ยวเข้าตำรารักง่ายหน่ายเร็ว (เค้าหน่ายเราเร็วนะ) ก็แย่สิยะ.

Saturday, April 25, 2009

ชายกับหญิง เป็นเพื่อนกันได้มะ

คำถามน่าสนใจจากน้องนางวัย 18 สอบถามเข้ามาอย่างสอดรู้สอดเห็นเต็มที่ว่า "พี่ค่ะ พี่ว่าผู้ชายกะผู้หญิงเป็นเพื่อนกันได้มะ" ตอนแรกนึกไม่ถึงหรอกว่า หนูจะถามแบบนี้ด้วยแฮะ เพราะใครๆก็รู้กันนี่ว่า ทั้งชายและหญิงสามารถเป็นเพื่อนกันได้สิฮ้า ทำไมจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้ล่ะ แถมผู้ชายกับผู้หญิงบางคู่ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากๆซะด้วย ทว่า น้องคนเดียวกันก็อธิบายขยายความต่อไป ว่า ที่ถามเรื่องผู้ชายกับผู้หญิงเป็นเพื่อนกันได้ไหมเนี่ย? เพราะเห็นหนุ่มสาวหลายคู่เลยตอนแรกๆก็เป็นเพื่อนกันดีหรอก แต่ไปๆมาๆ เวลาผ่านไปไม่เท่าไหร่ อ้าว! ไหง จับคู่เดินกะหนุงกะหนิงประกาศเป็นแฟนกันซะแล้วล่ะ เออ...หยั่งงี้ก็น่าคิดแฮะว่าสังคมของวัยรุ่นหรือสังคมของผู้ใหญ่นี่ พอผู้ชายและผู้หญิงคบกันไม่ทันไร ก็เกิดเหตุการณ์ "รักเพื่อนสนิท" ไปเกือบหมดซะแล้วเรอะ แล้วงี้จะเหลือเพื่อนจริงๆสักกี่คู่เชียวงั้นมาวัดใจของคุณผู้อ่านกันด้วยคำถามไม่กี่ข้อดังต่อไปนี้ดีกว่าว่า คุณกับเพื่อนมีสิทธิ์จะเป็นแฟนกันมะ เพียงตอบว่า ใช่หรือไม่ พอ เริ่มเลย....คุณสารภาพกับคนใกล้ชิดว่า ไม่อยากคว้าเพื่อนมาเป็นแฟนใช่เปล่า?คุณคิดว่า การเป็นเพื่อนทำให้การกลายเป็นแฟนกันไม่มันยกร่องเหมือนได้ปิ๊งรักกับบุคคลภายนอกหรอกใช่มะ?คุณคิดว่า เพื่อนที่รู้จักกันไปซะทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ยังจะเหลืออะไรให้ค้นหาจนเกิดเป็นแรงดึงดูดให้ เป็นแฟนอีกล่ะ เพราะคุณสนใจที่จะเรียนรู้และรู้จักคนใหม่ๆมากกว่านะเซ่...ใช่ม้า?คุณเคยคิดเหมือนกันว่า เป็นแฟนกับเพื่อนได้ แต่ถ้าเพื่อนไม่เล่นด้วยนี่สิ เดี๋ยวจะมองหน้ากันไม่ติด แถมซ้ำร้ายอาจไม่ได้แม้แต่เป็นเพื่อนกันด้วยซ้ำ งั้นใช่ไหม?เอ้า ถามแค่นี้พอ ถ้าหากคุณตอบว่าใช่มากกว่า แสดงว่า คุณยังไม่อยากเป็นแฟนกับเพื่อนหรอก เพราะเป็นเพื่อนกันทุกวันนี้ก็แฮปปี้อยู่แล้วนี่ หนำซ้ำ การที่ผู้หญิงมีเพื่อนต่างเพศก็มีประโยชน์หลายประการนะเอ้า เช่น....1. มีเพื่อนผู้ชายทำให้ได้ทราบ ทัศนคติที่แตกต่างจากฝ่ายหญิงไง เช่น ถ้าอยากรู้ ว่า ผู้ชายมองเรื่องเซ็กซ์กับความเซ็กซี่เป็นไง? (อู้หู กล้าถามจริงๆอ่ะ) ก็จะได้ยินเค้าวิเคราะห์เป็นตุเป็นตะในแง่ชมเชยผู้หญิงไว้ก่อนแหงๆแหละว่า ผู้หญิงทุกคนย่อมมีความเซ็กซี่อยู่ในตัว เพียงแต่ความเซ็กซี่อาจมีไม่เท่ากันและไม่เหมือนกันน่ะซี ความเซ็กซี่ของผู้หญิงบางคนอาจอยู่ที่ดวงตา, ที่เรียวขา และที่ริมฝีปาก หรือที่รอยยิ้ม อีกอย่างผู้หญิงที่ไม่สวยเลยก็สามารถเซ็กซี่ได้ ด้วยการสวมเสื้อรัดติ้ว, นุ่งสั้น, ใส่ถุงน่อง, ไว้ผมยาว, สวมรองเท้าส้นสูง แต่เอ๊ะนี่จะรู้ลึกไปหน่อยแล้วมั้งเนี่ย!2. มีเพื่อนชายไว้ปกป้องคุ้มครองย่อมดีกว่าอยู่แล้วน่าโอเคล่ะ ถ้าคุณจะมีเพื่อนเพศเดียวกันมากกว่าเพื่อนต่างเพศ แต่การมีเพื่อนผู้ชายไว้ไปไหนไปด้วย โดยเฉพาะมีเพื่อนผู้ชายไว้ชวนกลับบ้านในวันที่คุณต้องทำงานจนดึกดื่น เพื่อเคลียร์ งานให้เสร็จตามที่ได้รับมอบหมายไว้ก็ ทำให้คุณใจชื้นขึ้นมามากกว่าที่จะต้องกลับบ้านแต่ โดยลำพังยามค่ำคืนใช่มะ โถ ยิ่งสมัยนี้เศรษฐกิจไม่ดีอยู่ด้วย ขโมยขโจรก็เยอะ ผู้หญิงจึงควรระมัดระวัง ไว้ก่อนน่ะดีแล้ว3. มีเพื่อนชายไว้คอยให้คำแนะนำเรื่องรถ และ เครื่องยนต์เพราะชำนาญมากกว่าสาวๆแน่ ในเมื่อวันๆ ผู้ชายมักหายใจเข้าออกเป็นรถ และรักรถเป็นชีวิตจิตใจนี่หว่า ดังนั้น หากคุณในฐานะเพื่อนเค้า คิดอยากซื้อรถสักคัน ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่หรือรถมือสอง เค้าจะร่ายยาวให้คำแนะนำเรื่องรถยนต์ได้ทุกรุ่นและทุกยี่ห้อทีเดียวเชียว ขอให้มีเวลาฟังเค้าพล่ามเหอะ รับรองจะรู้เรื่องรถมากกว่าเดิม แถมเค้าจะเสนอตัวพาไปเลือกซื้อด้วยกันซะด้วยสิ (ถ้าเมียเค้ายอมนะ ฮ่ะๆๆ พูดเล่นน่า)4. มีเพื่อนชายไว้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพราะบางครั้งคุณอาจต้องการความเห็นที่แตกต่างจากตัวเองก็ได้นี่ ไม่ว่าจะเป็นความเห็นต่อเรื่องงานที่ทำ, คำแนะนำเรื่องเพื่อนๆ, ข้อเสนอแนะเรื่องการมีแฟน เชื่อดิ่ ว่าเพื่อนผู้ชายจะมีความเห็นที่เป็นทีเด็ดแปลกๆ หรือเป็นไอเดียให้คุณได้สะอึก และฉุกคิดในคำพูดที่คล้ายนักปราชญ์ก็ได้ อย่าคิดว่าหนุ่มๆจะเป็นคนทึ่ม, ซื่อ และบื้อไปซะทั้งหมด บางครั้งคำแนะนำของเค้าอาจทำให้คุณตาสว่างต่อสิ่งต่างๆมากขึ้นนะเออแต่ก็อีกละนะ?? ถ้าฝ่ายหญิงมีแฟนเป็นตัวเป็นตน แล้วคิดรึว่า แฟนของหล่อนจะยอมให้เธอ มีเพื่อนผู้ชายได้อีก? เออ คิดบ้างเปล่า? เพราะผู้ชายที่มีแฟนแล้วบางคนก็หวงสาวของเค้าอย่างกะอะไรดี บางทีแค่เห็นแฟนสาวคุยกับเพื่อนผู้ชายก็ไม่ได้แล้ว แหมทำเป็นหึงทำเป็นงอนไปได้ ทั้งที่ไม่ใช่ เรื่องผิดอะไร แต่แฟนหนุ่มมักดื้อหัวชนฝา อยากเป็นชายคนเดียวในชีวิตของหล่อนอยู่นั่นแหละเฮ่อ ถ้าคุณมีปัญหาที่แฟนหนุ่มของคุณเกิด ระแวงขึ้นมาละก็ เอางี้ไหม เพื่อให้แฟนของสาวๆสบายใจ ว่าถึงแม้คุณมีเพื่อนเป็นผู้ชาย คุณก็ยังเลิฟแฟนได้ เพราะสามารถแยกแยะคำว่าแฟนกับคำว่าเพื่อนออกแน่นอนว่าเป็นคนละอย่างกัน! ดังนั้น ถ้าอยากทำให้เค้าสบายใจก็ทำงี้ละกัน จะได้ไม่โมโหหึงและผิดใจกันทีหลัง เช่น...ก. ให้เวลากับแฟนมากกว่าเพื่อนข. ให้ความสำคัญกับแฟนมาเป็นอันดับ 1ค. คุยกันอย่างมีเหตุผลง. มีเวลาปรับความเข้าใจกันในกรณีที่ฝ่ายใดเกิดระแวงขึ้นมา อย่าทำเฉยไม่ดีหรอกจ. ใจกว้างที่จะให้เค้าคบเพื่อนที่เป็นผู้หญิงเช่นกัน (เชอะสาวๆไม่ใจแคบหรอกยะ) หวังว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้คุณกับแฟนหันมาปรองดองเชิงสร้างสรรค์กันซะทีนะฮ้า.

Saturday, April 18, 2009

คุณติดแฟน จนเว่อร์ไปปะ

คุณหนุงหนิงอยู่กะแฟนจนลืมเพื่อนไปรึเปล่าจ้า? ถามไปงั้นแหละเพราะรู้หรอกน่าว่า บางคนไม่ได้คลุกอยู่กะแฟนจนลืมเพื่อนอะไรอย่างที่โดนกล่าวหาหรอก แต่เผอิญพอได้ ใกล้ชิดกะแฟนทีไรก็ไม่อยากห่างหายกันไปไหนเท่านั้นแหละ แหม...ทำอย่างกะว่าตอนนี้แฟนหาง่ายนักนี่ ดังนั้น เมื่อมีเวลาว่างเมื่อไหร่ ถ้าไม่ ติดขัดธุระอันใดก็ต้องทุ่ม (เวลา) ให้กะแฟนอยู่แล้ว

อ้อ แล้วเรื่อง “แฟน” กะ “เพื่อน” นี่ บางคนก็ไม่สามารถแบ่งแยกออกได้แฮะว่า ควรจะให้ความสำคัญกับฝ่ายใดแค่ไหนดี? เพราะบางเวลาก็ใช่ว่าคุณอยากอยู่กะแฟนซะที่ไหน หรือหากพูดให้ตรงเป้าตรงประเด็นไปเลยก็บอกได้ว่า บางสิ่งบางอย่างแฟนก็ไม่สามารถทำได้อย่างที่เพื่อนให้กับพวกเราได้...นี่หว่า เช่น บางคราวนึกอยากไปช็อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าตามตลาดนัด เรื่องเนี้ยคงไม่ค่อยมีใครนึกอยากชวนแฟนไปด้วยหรอก เพราะตลาดนัดหรือตลาดกลางแจ้งน่ะจะให้ “มัน” ต้องเดินกะเพื่อนสิ ถึงเจ๋งเป้ง ถ้าไปกะเพื่อนจะได้ช่วยกันคุ้ยเขี่ยหาสินค้าลดราคา, เสื้อผ้าถูกๆ, รองเท้าจ๊าบๆ แล้วก็เดินไปบ่นไปได้ทั้งวัน รับรองเจ้าเพื่อนวัยซนไม่มีวันบ่นอู้อี้ว่าเหน็ดเหนื่อยแน่นอน เพราะเรารู้นี่ว่ามันก็บ้าสินค้าแบกะดินอย่างนี้เหมือนกัน

ขืนไปกะแฟนจอมสำอาง น่ะเหรอ รับรองเดินกันไม่กี่ก้าวเป็นต้องชวนให้ไปเดินช็อปปิ้งตามห้างสรรพสินค้ากันแหงๆ เอ...แต่ไปกะแฟนแถวๆห้างฯ ก็ดีไปอย่างนะยะ เอ้าถ้าเผื่อเจอของถูกตาต้องใจขึ้นมา คุณก็ออดอ้อนบอกแฟนให้ซื้อให้ได้ ทันที เห็นมะไปกะแฟนก็ดีงี้เอง แต่เค้าจะบ้าจี้ซื้อของที่คุณชอบให้รึเปล่าก็ไม่รู้ดิ่ ได้แต่หวังลมๆแล้งๆไปก่อนก็เอาน่า

เกริ่นมาตั้งนานก็อยากบอกเพียงว่า บางสิ่งบางอย่างเพื่อนก็ทำแทนแฟนไม่ได้ และในทางกลับกัน บางสิ่งบางอย่างแฟนก็ทำแทนเพื่อนไม่ได้ เช่นกัน

เห็นไหมละฮ้าทั้งแฟนและเพื่อนจึงมีความสำคัญพอๆกัน แหม...ใครจะยอมมีแฟน โดยไม่มีเพื่อนมั่งล่ะ เพราะถ้าไม่มีแฟนแต่มีเพื่อนยังดีซะกว่า...อ้าว! โถอ่านแล้วอย่าเพิ่งสับสนไปซะก่อน หมายฟามว่าถ้าเกิดหาแฟนไม่ได้ ขอแค่มีเพื่อนก็อยู่ได้แย้วนั่นเอง

ว่าแต่ พอคุณมีแฟนแล้ว คุณติดแฟนจนเว่อร์ไปรึเปล่าจ๊ะ? แหม...รู้หรอกว่าเป็นปริศนาที่ใครๆก็สู่รู้...เอ๊ย อยากรู้ งั้นมาซอกแซกแอบดูพฤติกรรมของคนติดแฟนกันเถอะ ว่าเค้าเป็นกันอย่างงี้นะ เช่น 1. อยากทำงานที่เดียวกับแฟน

เอ้าก็แฟนทำงานออฟฟิศไหน หนูก็อยากอยู่กะเค้าที่นั่นด้วยคนน่ะซี แต่นี่อาจเป็นได้เพียง “ในฝัน” หรือ “ในความคิด” เท่านั้นก็ได้ พวกคุณคงไม่ได้ทำงานที่เดียวกันแหง เว้น แต่เกิดปิšงรักในที่ทำงานเดียวกัน ก็คงสมใจที่ได้อยู่ใกล้ชิดกันทั้งวันทั้งคืนละสิ อ้อ แต่ไม่ได้ บอกซะหน่อย ว่าทุกคู่ที่พบเลิฟกันในที่ทำงานจะเป็น “คนติดแฟน” เสมอไป

2. คุณมักพาแฟนไปไหนต่อไหนด้วยซำเหมอ ขนาดเป็นวันฉลองพิเศษเฉพาะในหมู่เพื่อนๆ คุณก็ยังพาเค้าไปด้วยจนได้ โอ้โห...ก็คู่ของเค้าธรรมดาซะที่ไหน...ว่าเข้านั่น

3. เค้าชอบทานอะไร คุณก็โอเคตามนั้น เพราะไม่ใช่คนเรื่องมากเรื่องการกินอยู่แล้ว

4. แม้เค้าบอกว่ามีนัดกับเพื่อนเรื่องของหมู่เฮา คุณก็ยังเซ้าซี้ขอไปด้วยอยู่ดี เพราะมั่นใจมากว่า สามารถทำให้เพื่อนฝูงของเค้าไม่ขัดเขินเวลาที่คุณอยู่ด้วยรับรอง

5. คุณดิ้นรนที่จะไปดูเค้าเตะบอลให้ได้ แม้เค้านัดกลุ่มก๊วนของเพื่อนไปเต๊ะบอลกันเฉพาะสมาชิกในทีมก็ตาม แต่คุณก็ยังเจียดเวลาเกาะติดเค้าไปด้วยแทบทุกครั้งสิน่ะ

6. ถ้าแฟนต้องเดินทางไปต่างจังหวัด แล้วหากคุณตามไปด้วยไม่ได้ คุณก็จะให้เค้าโทร. มาหาทุกวันและวันละหลายครั้งด้วย
7. เพื่อนของคุณบ่นอย่างอิดหนาระอาใจเมื่อเห็นคุณพยายามหาวิธีโทรศัพท์ไปหาแฟน อยู่เรื่อยเลย แม้ตอนนั้นเค้ากับคุณแค่ห่างกันเพียงครู่เดียวก็ตาม

8. ถ้าแฟนไม่พาคุณไปงานแต่งงาน, งานเลี้ยงฉลองของที่ทำงานหรืองานปาร์ตี้ที่ไหน คุณก็จะคะยั้นคะยอขอเค้าไปจนได้...อู๊ยจะเป็นฝาแฝดกันเลยว่างั้นเถอะ

9. เวลาเพื่อนๆเม้าท์ถึงการให้อันดับของผู้ที่สมควรได้รับการจารึกชื่อว่า “ติดแฟนเหนียวหนึบ” ละก็...ชื่อของคุณจะถูกเอ่ยมาเป็นอันดับ 1 ชนิดไม่มีชื่อใครมาแซงคุณได้เลยสักคน

10. เพื่อนของแฟนรู้จักคุณครบถ้วนทุกคน เพราะเวลาเค้าไปหาเพื่อนกลุ่มไหน คุณมักไม่พลาดที่จะไปกับแฟนทุกที่ แม้เค้าจะแสดงอาการรำคาญออกมาบ้าง คุณก็ทำเป็นไม่เห็นงั้นแหละ

11. เวลาไปไหนด้วยกัน คุณมักจับมือเค้า เพื่อแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ทั้งๆที่แฟนคุณก็หน้าตาธรรมด๊า ธรรมดา...อู๊ยทำเป็นจงอางหวงไข่ไปได้

12. ขนาดพ่อแม่ของคุณยังบอกเลยว่า ไม่ค่อยมีเวลาให้ท่านเลยนะ เพราะมัวแต่หนุงหนิง

อยู่กะแฟนอยู่นั่นแหละ แต่คุณก็แก้ตัวเรื่อยว่า ไม่ใช่หรอกเป็นเพราะงานยุ่งต่างหาก

13. ถ้าเค้าไม่โทร.มา คุณก็จะโทร.ไปหา ก็แหม คิดถึงนี่นา...แต่ไม่รู้ว่าเค้าจะคิดถึงหรือรำคาญมากกว่ากันน่ะซี นี่ถ้าไม่รู้จักเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ระวังเค้าเซ็งเอานะ

14. คุณหัดเล่นเกมและกีฬาทุกชนิดที่เค้าชอบ...โถแม่คุณลงทุนถึงขนาดน้าน

15. ครั้งสุดท้ายที่คุณเจอเค้า ก็เพิ่งผ่านมาเมื่อวานนี้เอง เอ๊ะ นับไปนับมา รู้สึกเจอกันทุกวันเลย เป็นงี้ก็ทำให้คุณชื่นฉ่ำใจดีหรอก แต่ทางเค้าสิ อยากให้คุณ “ติดหนึบ” หยั่งงี้รึเปล่าน้อ?

Saturday, April 11, 2009

รักยังสดใส ซาบซ่าอยู่ไหม

เอ้า มาดูกันเร็ว ว่าความรักของพวกคุณยังแข็งแรง, แข็งแกร่งและมีความสุขรึเปล่าจ๊ะ? โถถามนี่ เพราะหลายคนที่ยังเป็นโฉด...เอ๊ยโสดคงนึกหมั่นเขี้ยวอยากมีแฟนกะเค้าบ้างน่ะซี

ยิ่งช่วงเทศกาลหยุดยาวเหยียดหยั่งงี้ ก็น่าจะมีวันนึงล่ะ ที่คุณๆทั้งหลายควรอุทิศให้เป็น “วันครอบครัวแห่งความสุขสันต์หรรษา” เมื่อเป็นเช่นนี้จึงอยากฝอยถึงความรักความผูกพันและความมีเยื่อใยกันของคนที่มีความเลิฟให้สมกับเป็นวันแห่งความรักอีกวัน...ท่าจะดี

ว่าแล้วก็อยากชวนให้คุณผู้อ่านลองตอบแบบ สอบถามเพื่อ “วัดอุณหภูมิความรัก” ที่พวกคุณมีต่อหวานใจ และหวานใจมีต่อคุณเป็นการประเดิมก่อนละกัน ซึ่งตามกติกา ก็ขอให้ตอบแค่ว่า ใช่หรือไม่ใช่ และจริงหรือไม่จริงเท่านั้น อย่าซีเรียสอะไรมากเพราะเป็นคำถามขำๆก็งี้แหละ เอาล่ะเริ่มเลยที่ 1. คุณไม่เชื่อเรื่องบุพเพสันนิวาสอะไรหรอก แต่เชื่อเรื่องรักแรกพบมากกว่า เพราะการได้พบกะคนรักของคุณดันเกิดขึ้นอย่างบังเอิญมากๆ แล้วหลังจากนั้นคุณก็ปิ๊งเค้าฉับพลัน ถึงขั้นเก็บเอาไปฝัน และทำให้คุณดิ้นรนที่จะรู้จักกับเค้าให้ได้ ใช่ปะ?

2. ช่วงระหว่างวันทำงานหรือเรียนหนังสือที่ไม่ได้เจอะเจอกัน คุณมักส่งข้อความสั้น (SMS) เป็นการแสดงความห่วงใยบ้างล่ะ, คิดถึงก็บ่อย แล้วไหนจะเป็นข้อความตลก-โปกฮา รวมทั้งเตือนให้เค้าดูแลสุขภาพ อย่างน้อยวันละ 1 ข้อความ ใช่ม้า?

3. เวลาที่คุณเจอสิ่งที่คุณคาดว่าแฟนจะชอบ เช่น เสื้อตัวสวย, ผ้าขนหนูนุ่มนิ่ม, ต่างหูสักคู่, กางเกงในลูกไม้รุ่นล่าสุด, เนกไทสุดเท่ ฯลฯ คุณมักจะซื้อของเหล่านี้ติดไม้ติดมือมาฝากหวานใจอยู่เรื่อย ใช่มะ? ซึ่งการทำเช่นนี้ไม่ใช่การเล่นเกมเป็นเจ้าบุญทุ่มหรอกนะ แต่ทุ่มเทเพราะรักต่างหาก อุ๊ยไม่รู้จะหวานไปถึงไหนๆ ฮาฮา

4. แม้คุณจะมีงานยุ่งวุ่นวายและหัวฟูขนาดไหน แต่ถ้าเค้าเอ่ยปากชวนไปเป็นเพื่อนทำธุระส่วนตัวของเค้าละก็ โอ๊ย คุณงี้จะรีบทำตัวให้ว่างทันทีด้วยการบอกปัดและเลื่อนนัดของคุณ เพื่อไปเป็นเพื่อนเค้าแทน จริงอ่ะ? โห เข้าตำรา “ธุระของเค้าสำคัญพอๆกะของเรา” เชียวเฟ้ย

5. คุณมักทำตัวเป็นนาฬิกาปลุกให้เค้าตื่นไปทำงานหรือไปประชุมให้ทันเสมอใช่ปะ? แหม คุณรู้นี่ว่า เค้าดูแลตัวเองในเรื่องนี้ได้ห่วยมาก จึงอาสาเป็นนาฬิกาปลุกอย่างเต็มใจแทนซะเลย

6. ถ้ามีใครแวะผ่านเข้ามาทักทายคุณ ในขณะที่คุณอยู่กะแฟนพอดิบพอดี คุณไม่เคยเขินที่จะทักทายตอบ แถมยังแนะนำแฟนให้ฝ่ายที่มาทักได้รู้จักซะด้วย อ่ะ ไม่เห็นต้องปิดบังอะไรนี่ เพราะคุณภูมิใจเสนอจะตาย...น้าน ว่ากันเข้าไปนั่น ใช่ม้า?

7. คุณไม่ค่อยตามใจแฟนหรอก แต่แฟนสิ แหม้ ตามใจคุณเหลือเกิน ใช่ป่าว? แต่เอ๊ะ นี่เป็นช่วงเพิ่งข้าวใหม่ปลามันกันรึเปล่าจ๊ะ

8. คุณรู้ใจเค้าไปเกือบหมดซะทุกอย่าง เช่น ชอบสีอะไร, ชอบทานอะไร ดังนั้น หากมีโอกาสได้แวะผ่านไปที่ร้านอาหารที่เค้าโปรดปราน คุณจะเป็นฝ่ายชวนเค้าทานอาหาร แม้ตอนนั้นคุณยังไม่หิวซะหน่อย งั้นเชียว? โห ยอมอ้วนเพื่อเค้านี่ไม่ธรรมดาแฮะ

9. คุณทั้งคู่ยังคงจับมือถือแขน หรือควงกันไปไหนต่อไหนในที่สาธารณะใช่มะ? โอ้โหสวีตกันได้ทุกเมื่อสิน่ะ

10. เมื่อถึงวันครบรอบความรักของพวกคุณเมื่อไหร่ แม้เค้าอาจลืมแต่คุณไม่เคยต่อว่าหนักๆ เพราะเค้ามักหาทางชดเชยให้คุณอย่างจั๋งหนับเสมอ เช่น แอบเข้ามาหอมแก้มยามเผลอ หรือเดินมาหาคุณข้างหลังแล้วโอบกอดบอกว่า ไม่ลืมนะ (แต่เพิ่งนึกได้) อะไรเงี้ยะใช่ม้า?

หวังว่าตอบกันได้ทุกข้อเรียบร้อยแล้วนะจ๊ะ เอาล่ะจึงขอเฉลยเลยว่า หากตอบว่า ใช่ หรือจริง มากกว่าไม่ใช่และไม่จริง ก็ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะความเลิฟของคุณยังเหนียวหนึบและหวานจ๋อยกันอยู่ ก็ขอให้รักษาความรักดีๆ เช่นนี้ไว้นานๆ เพราะไหนๆก็เลิฟกันเข้าไปแล้วนี่หว่า

แล้วหากอยากให้รักของพวกคุณมีดีกรีความเข้มข้นมากกว่านี้ละก็ คราวนี้ก็มีเคล็ดขัดยอก เอ๊ย เคล็ดลับมาเล่าให้ฟังเป็นแซมเปิ้ล ดังนี้...

*อย่าอายที่จะเอ่ยคำว่ารักกับหวานใจ

ในเมื่อผูกสัมพันธ์ทางใจอย่างลึกซึ้ง ก็ควรเอื้อนเอ่ยคำหวานเป็นภาษาดอกไม้ให้กันฟังมั่ง โดยเฉพาะคำว่ารักถือเป็นธรรมเนียมที่คู่เลิฟควรทำเลยแหละ ไม่ใช่มัวอมพะนำหรือลังเลใจที่จะพูด เห็นบางคน โอ๊ยโหยว ใจน่ะรักแฟนแถมยังปรนนิบัติพัดวีไม่ขาดตกปกพร่อง แต่ดันไม่กล้าบอกแฟนว่า รักนะ หรือ รักจัง เพราะเขินหรือกลัวพูดไปแล้วจะเสียหน้ารึไงก็ไม่รุ เฮ้อ ขืนบอก รักแค่นี้ยังอายก็แย่แล้ว ไม่งั้นเค้าอาจคิดเตลิดและระแวงว่า ที่คุณไม่บอกรักเป็นเพราะหมดรักกันแล้วก็แย่ซี

@ รู้จักใช้ภาษากายให้เป็นประโยชน์ผูกใจให้แน่นแฟ้น

แต่การใช้ภาษากายไม่ได้หมายความว่าให้หื่นกระหายนะเฟ้ย นั่นเป็นพฤติกรรมของเฒ่าหัวงูเค้าทำกัน ส่วนคู่รักน่ะมักหาโอกาสเหมาะๆ ลูบหลังลูบไหล่, จับไม้จับมือ, ลูบไล้ใบหน้า, จุมพิตกันที่หลังมือ และอื่นๆอีกจิปาถะ เพราะการทำเช่นนี้สามารถสื่อสารภาษาใจให้รักใคร่กลมเกลียวกันได้แจ๋วดีออก

@ ถ้าผิดอย่าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ควรรู้จักขอโทษ จะทำให้ต่างฝ่ายต่างรู้สึกดีขึ้น

ใครๆก็สามารถพลั้งเผลอทำผิดได้ทั้งน้าน โดย เฉพาะกับคนที่อยู่ด้วยกัน สามารถสร้างเรื่องผิดกติกาสากลของการเป็นคู่รักที่ดีได้เสมอแหละ ดังนั้น หากรู้ตัวว่า เผลอไปทำอะไรผิดขึ้นมาสักอย่าง ไม่ว่าเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยหรือคอขาดบาดตาย ก็ควรรู้จักขอโทษกัน ไม่ใช่ ตัวเองผิดแต่ให้อีกฝ่ายขอโทษแทน เอ๊ะ...มันก็ชักยังไงๆอยู่นะ เอ...เป็นคู่รักหรือคู่กรรมกันแน่ฮ้าเนี่ย.

Saturday, April 4, 2009

อุปสรรครัก

อุปสรรครัก เวลาคนเราเป็นแฟนกัน ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จและสมหวัง “รักแล้วรักเลย” ไปซะทุกคู่ ว่ามะ ฮี่โธ่ ยังเคยเห็นตัวอย่างมาหลายคู่เลยที่รัก... รัก...รักอยู่วันเนี้ย แต่เผลอแป๊บเดียว...เอ้า ไหงเลิกกันซะแล้วล่ะ เอ้...เป็นงี้ได้ไงฟะ แต่บ่นไปงั้นหรอกนะ ใครจะรักจะเลิกกันก็เชิญเถอะจ้า

มาลองพิจารณาสังคมทุกวันนี้ดูดิ่ รู้สึกกันมั่ง รึเปล่า ว่า มีสิ่งที่ทำให้แฟน “ถอยห่างจากกัน” ง่ายเหลือเกิน จึงทำให้ใจคอของพวกเรา (บางคน) ไม่ค่อยอยู่กะเนื้อกะตัว ไม่มั่นคงในรัก คบกันไม่ค่อยยืด แถมบางรายยังชอบปล่อยตัวเผลอไผลไปชอบใจใครๆ แบบทีเดียวหลายคนซะด้วยสิ

เอ้า...งั้นสัปดาห์นี้ มาสำรวจกันดีฝ่าว่า มีอะไรบ้างน้อที่ทำให้คู่เลิฟทำท่าจะไปกันไม่รอด? หรือสุดท้ายก็ต้องเลิกกันในท้ายสุด มั่งก็เข้าท่านะ

เพราะคงไม่มีแฟนคู่ไหนจี๋จ๋าประสารักกันด้วยความราบรื่นตลอดเวลาแหงๆ บางคราคงต้องมีมั่งอ่ะที่ไม่เข้าใจกัน, พูดไม่ถูกหู หรือพูดกันไปพูดกันมา ตอนเริ่มต้นก็พูดภาษาดอกไม้กันดีหรอก แต่ปิดท้าย...ว้าย! ทำไมฟังแล้วแสลงหูจังฟะ เห็นมะโอกาสที่แฟนกันจะเข้าใจผิดน่ะมีเยอะเนอะ

อ่ะ งั้นมาไล่เรียงกันดูเถอะ ว่ามีตัวการอะไรบ้างน้าที่สามารถสั่นคลอน ความรักของคู่เลิฟให้ (เกือบ) ไปกันไม่รอดได้บ้าง เช่น......

1. มีพวกยุให้รำตำให้รั่วอยู่รอบๆตัวคู่รักไงเล่า

สงสัยคู่ของเราจะเป็นคู่กรรมแฮะ เพราะคนที่อยู่รายล้อมรอบเราน่ะเสล่อชอบสอดรู้ สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน แถมแค่นี้ยังไม่พอซะด้วยนะ ยังชอบวิพากษ์วิจารณ์คู่ของเราแบบเสียๆหายๆ ซึ่งไอ้เรื่องที่นำมาพูดน่ะ ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องปั้นน้ำ เป็นตัวทั้งนั้นแหละ หรือถ้ามีความจริงอยู่มั่งก็นิดหน่อย

เหตุนี้ต่อให้ใจของคู่รักมั่นคงต่อกันเพียงใด แต่หากเผลอไผลไปได้ยินได้ฟังไอ้พวกไม่ประสงค์ดี ต่อคู่รักคู่นั้นบ่อยๆ เป็นใจใครก็ต้องหวั่นไหวมั่งละน่า

แล้วสงสัยไหมว่า ทำไมพวกบ้าบอคอแตกเหล่านี้ถึงอยากทำให้คู่ของเราแตกแยกกันนัก? ปุจฉาข้อนี้ก็ง่ายมาก เพราะ พวกนี้เห็นคนอื่นมีความสุขไม่ได้น่ะซี ต้องคอยอิจฉาริษยาคอยตามรังควานไม่ให้คู่รักคู่นั้นแฮปปี้ เอนดิ้ง ไม่งั้นเดี๋ยวพวกนี้จะอกแตกตายกันละมั้ง ถึงต้องคอยเป็นมาร คอหอยและมารความรักคนอื่นเค้าอยู่ได้ ดังนั้น ใจคอของคู่รักจึงต้องหนักแน่นเอาไว้นะจ๊ะ ขืนเต้นไปตามแรงอิจฉาของพวกนี้ ก็เสร็จกันพอดี

2. มีมือที่ 3 โฉบเฉี่ยวเข้ามายั่วกิเลสให้เบรกแตกกันไปข้าง

ไอ้หยา ถ้าขืนความรักของคุณถูกพวกชอบตื๊อ เข้ามากวนประสาททำลายบรรยากาศรักละก็ คู่รักคู่นั้นควรตั้งสติเพื่อรับมือกับ “พวกชอบแย่งแฟนชาวบ้าน” ร่วมกันให้ดีๆนะฮ้า อย่าปล่อยให้พวกชอบทำตัวเป็นมือที่สามใช้มารยาทำทีมากระแซะกระเซ้าและหลอกล่อให้สมาธิของคู่รักฝ่ายใดฝ่ายนึงไขว้เขวหรือตบะแตกเข้าล่ะ เพราะหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหลงละเมอไปกะไอ้พวกนี้เพียงครั้งเดียวละก็ คิดรึว่า ต่อไปอีกฝ่ายจะเชื่อใจคู่รักของตัวเอง...ไม่มีทาง! ดังนั้น หากคู่รักคู่ใดเจอ “พวกชอบรักคนมีเจ้าของ” เมื่อไหร่ ต้องช่วยกันปิดหูปิดตาตัวเอง ไว้ดีๆ อย่าให้มันยั่วยวนจนเอาชนะกิเลสไปได้เชียว

3. ฐานะของคู่เลิฟที่แตกต่างกันจนเว่อร์ ก็อาจทำให้ไปกันไม่รอดได้

เอ้าคิดดูนะ ถ้าฝ่ายชายเป็นหนุ่มชาติตระกูลดี แถมครอบครัวมีตังค์ เกิดไปจับคู่กับสาวชาวบ้านขาย ส้มตำน้ำตกเข้า รับรอง ครอบครัวของพวกเค้าเองนั่นแหละที่จะอึดอัดกับความรักของคู่นี้ โดยเฉพาะครอบครัวของฝ่ายชาย คงพยายามเบรกลูกชายไว้สุดฤทธิ์ เพราะอยากให้ไปรักคนที่มีฐานะใกล้เคียงกับพวกเค้ามากกว่าน่ะเซ่ แต่ว่าไปถ้าเกิดฝ่ายหญิงรวยโคตรเป็นไฮโซละก็ แปลกแฮะที่ฝ่ายชายมัก ได้รับการยอมรับให้เป็นแฟนง่ายกว่าแฮะ ถ้างั้น เวลาจะคว้าใครมาเป็นแฟนควรดูตาม้าตาเรือสักนิดก่อนว่า ไม่ได้มีฐานะต่างกันสุดขั้วเกินไปแน่นะ ไม่งั้นเดี๋ยวรักของคู่นี้จะมีปัญหา เตือนเพราะรักจริงๆนะน้อง

4. แล้วถ้ารักแท้เกิดแพ้ระยะทางขึ้นมาล่ะ ก็มีสิทธิ์ทำให้แตกกระเจิงกันได้

เวลามีความรัก ขอบอกเลยจ๊ะว่า อย่าพยายามแยกห่างจากกันแบบไปอยู่ไกลหูไกลตากันนานๆ... ขอเน้นคำว่าห่างกันนานๆ เชียวนะ เพราะคู่ที่ห่างกัน ด้วยระยะทางเนี่ย มีความเป็นไปได้มากน่ะสิว่า แต่ละฝ่ายจะไปเจอสิ่งใหม่ๆ, บรรยากาศใหม่ๆ, แม้แต่คนใหม่ๆ จนทำให้ “ความรักที่ไม่ค่อยได้เห็นหน้าค่าตากัน” อ่อนพลังลงไปจนแทบไม่เหลือความผูกพันให้กันแล้วน่ะซี

5. ช่องว่างระหว่างวัย ถ้าห่างกันมากไปอาจไม่ใช่รักแท้ก็ได้

เพราะรักต่างวัย ดูไปคล้ายกับผู้ใหญ่แอบมีกิ๊กหรือเลี้ยงเอ๊าะๆไว้เล่นๆซะมากกว่าน่ะสิ แต่แหม เรื่องนี้จะให้ฟันธงไปซะทุกคู่ก็ไม่ได้ เนื่องจากบางคนเค้าชอบมีคู่ใจที่อายุมากกว่าหรือน้อยกว่ากันจริงๆก็มีนี่หว่า โถ...ขอให้ใจเราตรงกัน เรื่องอายุมันก็แค่ตัวเลข 555

6. วันหยุดที่ไม่ตรงกัน แล้วจะแสดงความรักให้ซึ้งใจกันได้ไงวุ้ย

ถ้าคุณทำงานเป็นกะ ส่วนเค้าทำงานตามเวลาราชการ แล้วคุณทั้งสองก็มีวันหยุดไม่ตรงกันซะด้วย เพราะเค้าอาจได้หยุดวันเสาร์อาทิตย์ เดะๆ ส่วนวันหยุดของคุณมีการหมุนไปเป็นวันธรรมดาซำเหมอ นี่ก็เป็นอีก 1 อุปสรรครักนะยะที่ทำให้พวกคุณ ไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวที่จะหนุงหนิงกันเหมือนคู่รักคู่อื่นๆ

ดังนั้น เวลาที่พวกคุณจะได้อี๋อ๋อออเซาะกันแต่ละทีก็ต้องนัดกันให้ดีๆ เพราะเวลาที่มีแตกต่างกัน นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะปรับเข้ากันได้ง่ายๆเลยนะ เหตุนี้ ความเข้าอกเข้าใจกันจึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่บางคู่ ก็บอกชอบนะที่มีเวลาไม่ตรงกันอย่างนี้ เพราะจะได้ ไม่เบื่อหน้ากันอย่างรวดเร็วไง! งั้นขอให้เลิฟกันนานๆนะฮ้า.

Saturday, March 28, 2009

ชอบเม้าท์แฟน ด้วยเรื่องอะไรกัน

ชอบเม้าท์แฟน ด้วยเรื่องอะไรกัน ถ้าคุณมีแฟนสักคน แล้วคุณจะเที่ยวเล่าเรื่องแฟนของคุณให้ใครๆฟังไปทั่วมะ? เพราะโดยทั่วไป คนเรามักชอบพูดถึงแฟนนะ ไม่ว่าการพูดถึงนั้นจะเป็นเรื่องดีเหลือหลาย ประมาณสร้างความประทับใจให้คุณอย่างสุดซึ้ง...โอ้ย ชักเคลิ้มแล้วเฟ้ย แต่ มีอีกแหละที่บางคนชอบนำเรื่องที่แฟนสร้างปัญหาหรือก่อเรื่องไม่น่าโสภาสถาพรมาให้คุณกลุ้มใจอยู่บ่อยๆ ใช่ปะ

เหตุนี้แหละ เราจึงโยนคำถาม “หากมีแฟนแล้วคุณจะนำเรื่องแฟนไปพูดให้คนอื่นฟังมะ?” ลองไปถามพรรคพวกสมาชิกชมรมปากไม่มีหูรูด ตอบเป็นแซมเปิลให้ฟังว่า...

*น้องอ้อย วัย 20 ปีเศษ เธอบอกว่า ตอบง่ายมากพี่ ถ้าแฟนดีกับหนูละก็ หนูถึงจะนำเรื่องของเค้าไปเล่าให้เพื่อนสนิทหรือพี่ๆน้องๆฟัง (อ้อ ถ้ามีแฟนเฮงซวยก็จะไม่เล่างั้นสิ) แต่เอ่อ...เผอิญว่าตอนนี้ยังหาแฟนไม่ได้เลยสักคน...งั้นพี่ก็ช่วยหาให้หน่อยซี น่านะ!...แน้...หาเองสิฟะ

*ส่วนคุณโอ วัยเข้าเลข 3 ก็เจื้อยแจ้วจำนรรจาว่า จะเอาเรื่องแฟนไปคุยหรือเปล่า ก็ต้องดูก่อนสิ ว่าเค้าดีกะเราแค่ไหน ไม่ใช่มัวดีกะคนอื่น แต่ลืมดีกะเรา แล้วมันจะเหลือความดี ของแฟนตรงไหนให้เอาไปคุยฟุ้งเฟ้อกะเพื่อนเรอะเพ่?...เอ้าเป็นงั้นไป

*หันมาถามหนุ่มๆมั่ง คุณชัย วัย 26 บอกว่าผมคงไม่บอกให้ใครฟังหรอกครับว่าแฟนผมเป็นคนยังไง คือเรายังคบกันได้ไม่นาน ขืนเอา เรื่องแฟนไปคุยโขมงโฉงเฉง แล้วเกิดไปกันไม่รอด ผมก็หน้าแหกที่นำแต่เรื่องดีๆของแฟนมาคุยให้ฟังสิ...คิดมากไปเปล่าเนี่ย?

*ส่วนคุณบอย ซึ่งไม่อยากบอกว่าตัวเองอายุเท่าไหร่ คงอยากให้เดากันเอาเองมั้ง ยืนยันว่า ถ้าผมจะพูดถึงแฟนละก็ ผมต้องพูดถึงความดีของเค้าก่อนแน่ๆ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กะว่า แฟนผมนั้นเป็นคนดีออกแนวไหน คือ ถ้าแฟนเอาใจใส่ผมอย่างทะนุถนอม ไม่ใช่เอาใจใส่ผมเหมือนอย่างกะเห็นผมเป็นลูกของเธอ ผมก็ยินดีที่จะเล่าให้ใครๆฟังว่า แฟนผมน่ะเป็นคนดี๊ ดี...แหม แฟนนะไม่ใช่แม่ ทำแทนกันไม่ได้ย่ะ เฮ้อ...ไอ้นี่เข้าใจผิดอะไรไปรึเปล่าเนี่ย

เอ้า ไม่ว่าใครจะตอบอะไร แต่ คนที่มีแฟนแล้ว ส่วนใหญ่ชอบนักล่ะที่จะเม้าท์ถึงแฟนตัวเองให้คนใกล้ชิดฟัง ส่วนเรื่องที่นำมาสาธยาย ถ้าไม่เป็นเรื่องที่เข้าข้างตัวเอง แบบว่า เอาความเจ๋งแจ๋วและดีเลิศของแฟนมาเล่า ก็มักนำเอาส่วนที่ “ไม่เอาไหน” และ “ขาดตกบกพร่อง” ของแฟนมาประจานต่อสาธารณชน งั้นเข้าเรื่องที่ใครๆมักจะพูดถึงแฟนกันเลยนะ ได้แก่ แท่นแท้น...

1. ความหน้าตาดี น่ารัก และความเซ็กซี่ของแฟนน่ะสิ

ฮันแน่ คนที่มีแฟนสวย หรือแฟนหล่อ ชนิดหน้าตาดีกว่ามาตรฐานสากลทั่วไปนั้นถือว่า “เป็นต่อ” คนอื่นเยอะเลยนะ เป็นต่อตรงไหนนะเหรอ? อ้าว ก็ตรงที่สามารถนำเรื่องความงามของแฟนมาคุยเป็นคุ้ง เป็นแควกับใครๆได้มากกว่าอ่ะดิ่ โถ ก็คุณภูมิใจที่มีแฟนหน้าตาดีกว่าคนอื่นนี่หว่า แล้วคุณจะหุบปากไม่พูดและไม่เอ่ยถึงเค้าจริงอ่ะ

แถมถ้าแฟนดันเป็นคนเซ็กซี่ หุ่นดีด้วยอีกละก็ เป็นใครก็ต้องรักต้องหลงกันหัวฟัดหัวเหวี่ยงทั้งนั้นแหละว้า มิน่าคุณถึงได้ชอบถ่ายรูปแฟนเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือยิ่งนัก เผื่อกะเอาไว้โชว์ ชาวบ้าน แบบว่า ถ้าใครดันหลุดปากถามเกี่ยวกับเรื่องฟงแฟนของคุณขึ้นมาเมื่อไหร่? แทนที่จะอิดออด ไม่อยากตอบ ตรงข้ามจ้ะ คุณจะรีบโชว์รูปแฟนจากมือถือให้ใครๆดูทันที แถมดีไม่ดีบางคนงี้แทบจะบังคับให้คนอื่นดูภาพแฟนซะด้วยซ้ำ...เอ้า ก็ชั้นมีดีจะโชว์ก็ต้องโชว์ดิ่ ใครจะทำไมล่ะ?

2. ชอบพูดถึงหน้าที่การงานที่เจ๋งเป้งของแฟน

ใครมีแฟนที่มีหน้าที่การงานดี เป็นรัฐมนตรี, กรรมการผู้จัดการ, ผู้จัดการ หรือเป็นหัวหน้างาน มักถูกนำมาเป็นหัวข้อสนทนากับชาวบ้านทั้งนั้นเลย เอ้าคิดดูเดะ คุณไม่อยากบอกให้ใครฟังเหรอว่า แฟนของคุณเป็นนางแบบหรือนายแบบที่มีค่าตัวแพงระยำ...เอ้ย แพงระยับ หรือถ้าแฟนคุณเป็นคนมี ชื่อเสียงในสังคมไฮโซ แบบว่าเป็นทายาทร้านจิวเวลรี่ อะไรสักแห่ง หนำซ้ำมักได้ยินชื่อของเค้าเป็นข่าวอยู่เสมอ แล้วมีรึที่คุณในฐานะแฟนของเค้าจะเก็บความปลาบปลื้มได้ไหว

3. ชอบพูดถึงความประทับใจในตัวแฟนให้คนอื่นฟังอยู่เรื่อย ใช่มะ

ท่านว่าความประทับใจระหว่างกันน่ะเป็นสิ่งที่เก็บกดเอาไว้ไม่อยู่หรอก คนเรามักจะสำลักความสุขแล้วก็คุยให้คนโน้นคนนี้ฟังซำเหมอ ซึ่งเรื่องที่คู่รักจะสร้างความประทับใจให้แก่กันก็มีหลายอย่าง เช่น แอบทำอาหารเช้าไว้ให้คุณหม่ำ ทั้งๆที่เค้าไม่เคยเข้าครัวมาก่อน...แฟนบางคู่แค่นี้เค้าก็ประทับใจกันได้ เออ เอากะเค้าซี ดังนั้น หากท่านใดยังไม่ทราบ จะสร้างความประทับใจให้แฟนอย่างไร? แต่อยากให้ แฟนนำเรื่องของเค้าไปคุยฟุ้งกะคนอื่นมั่งฮี่ (ประเภทอยากได้แต้มนิยมจากคนในสังคม) งั้นลองงี้สิ แจกบ้าน แจกรถ หรือไม่งั้นทุกสิ้นเดือนก็ซื้อทองให้แฟนสักเส้น สองเส้น...ว้ายตายแล้ว! แฟนกระเป๋าหนักหยั่งงี้น่านำไปนินทา เอ้ย คุยให้เพื่อนฟังจริงๆเล้ย

4. เอาลีลาบนเตียงของเค้ามาคุย

อ้าว อย่าคิดนะว่า คนมีแฟนบางคนจะไม่กล้าเอาเรื่องในมุ้งไปเม้าท์ เพราะในกลุ่มเพื่อนสนิทกันมากๆน่ะ อยากแชร์เรื่องในมุ้งให้กันฟังนะตัว ไม่เชื่อดูอย่างหนังเรื่องเซ็กซ์ แอนด์ เดอะ ซิตี้ก็ได้ ที่นำเรื่องบนเตียงมาคุย ส่วนใหญ่มักขอคำปรึกษาหารือจากเพื่อนไงล่ะ เพราะในสนามรักน่ะ ต้องมีมั่งล่ะที่คุณหรือ แฟนจะทำอะไรเปิ˜นและเฉิ่มออกมา แถมบางทีพวกคุณ อาจยังไม่ประสีประสาในเวทีรักซะด้วยซ้ำ ดังนั้น การเสวนาเรื่องนี้ คุณอาจได้บทเรียนใหม่ๆ ไปใช้ในสังเวียนรักเพื่อปรับปรุงลีลาให้เยี่ยมยุทธ์ ไปเลยก็ได้นี่นา ว่าไหมละฮ้า.

Saturday, March 21, 2009

รักต่างวัย จะไปกันรอดไหม

การมีรักต่างวัยนั้น ไม่ใช่ เรื่องแปลกพิสดาร เพราะมีคู่รักน้อยคู่จะตายที่มี อายุเท่ากันเป๊ะๆ แถมไอ้ที่อายุเท่ากันเด๊ะๆน่ะ ส่วนใหญ่ มักเป็นเรื่องบังเอิญซะด้วยนะ ไม่ใช่แฟนกันคู่นั้นเค้าตั้งใจที่จะให้อายุเท่ากันหรอก ดังนั้น โดยปกติทั่วไปคนส่วนใหญ่ย่อมเมียงมองหา “คนเลิฟ” ที่อายุห่างกันไม่มาก ต่างกัน ไม่เกิน 3-5 ปี ถ้าเป็นฝ่ายหญิงก็มักมองหาแฟนที่อายุมากกว่าไว้ก่อน ถามว่า ทำไมสาวๆถึงชอบมีแฟนเป็นผู้ใหญ่กว่าหึ? โถ...ก็นี่เป็น 1 ในสเปกตามคุณสมบัติของแฟนที่ผู้หญิงจำนวนมากต้องการให้เป็นหยั่งงี้น่ะซี เอ้าไม่เชื่อก็ลองไปถามดูละกัน! เพราะสาวๆน่ะ เป็นฝ่ายอยากถูกทะนุถนอมน่ะซี อีกอย่างนะ การที่ฝ่ายหญิงอยากมีแฟนอายุมากกว่าเพราะอยากมีแฟนเป็นคนมีความรับผิดชอบสูงนั่นเอง แต่เท่าที่เห็น คู่รักของสาวๆยุคใหม่ หล่อนชักไม่ค่อยสนใจเรื่องอายุกันแล้วแฮะ สาวบางคนจึงเลือกมีแฟนเป็น คนเลิฟที่อายุน้อยกว่าให้เห็นถมเถ ซึ่งมีทั้งเป็นแฟนกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว จริงๆ (คือต่างฝ่ายต่างก็ยังโสด) ไปจน กระทั่งโมเมคบไว้เป็น “กิ๊ก” ไว้เชยชม (หยั่งงี้บางทีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอาจมีแฟน ตัวจริงอยู่แล้วก็ได้) นั่นก็เอ่อ...เป็นความพอใจส่วนตัว ถ้าคู่นี้เค้าจูนคลื่นกันติดก็บ่เป็นหยั่งดอก ขออย่าให้แฟนจริงจับได้ไล่ทันก็ละกัน เดี๋ยวมีหึงกันบ้านสั่นละยุ่งเลย งั้นเรามาสงสัยกันเถอะ ว่า “รักต่างวัย” จะไปรอดไหมนั่น? แต่ก่อนที่จะตอบได้ เอางี้ก่อนดีก่า ถามว่า ถ้ามี “แฟนเด็กกว่า” นั้นมันดียังไงเหรอ? สาวบางคนถึงได้หลงใหลได้ปลื้มกับเอ๊าะๆนัก บางรายก็หลงใหลได้ปลื้มลืมคนอื่นกันไปเลย 1. สาวใหญ่สารภาพว่า แหมมีเด็กไว้แนบข้าง ก็ได้อารมณ์เดียวกันกับที่ผู้ชายชอบแต๊ะอั๋ง เอ้ย ปรารถนาอยากมีแฟนสาวอายุน้อยกว่านั่นแหละ เพื่อทำให้จิตใจเบิกบาน, กระชุ่มกระชวยและฮึกเหิมไงล้า อันว่าคู่รักต่างวัยที่เป็นสาวใหญ่กับกิ๊กรุ่นน้องน่ะ สังเกตดิ่ว่า ช่วงที่หล่อนมีกิ๊กคราวลูกน่ะ อารมณ์ของหล่อนงี้ เบิกบานลิงโลดแบบที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อน เลยว่ามะ โอ้ย...จะไม่ให้ดี๊ด๊า จี๋จ๋าได้ไง ในเมื่อมีแฟน เด็กกว่าเนื้อเด้งดึ๋งดั๋งกว่า ไม่ใช่เนื้อเหี่ยวๆ และผิวหนัง หยาบกร้านแบบหนุ่มใหญ่นี่หว่า 2. การมีแฟนเด็ก ทำให้หล่อนได้เรียนรู้ สิ่งใหม่ๆ ที่หนุ่มๆมีความสนใจอยู่ในขณะนั้นตามไป ด้วย เช่น จากไม่เคยรู้จักว่า เด็กๆชอบเล่นเกมคอมพิวเตอร์ อะไรกันเนี่ย เพราะหล่อนมีเวลาไปเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ซะที่ไหน โห วัยปูนนี้แล้วจะไปรู้เรื่องจิ๊บๆของเด็กๆรึ แต่พอมีกิ๊กเด็กกว่าดิ่ ทีนี้ล่ะรู้เลยว่า เด็กเค้าไปเที่ยวพับเที่ยวบาร์ ย่านไหนกัน แถมเรื่องกีฬา กีฬาที่ไม่เคยรู้ ไม่ค่อยดู เพราะดูแต่ละคร ทีนี้ก็รู้ล่ะว่า กีฬาอะไร น้า เป็นกีฬายอดฮิตที่หนุ่มรุ่นกระทง ชอบและสนใจเชียร์กันสนั่นหวั่นไหว เอ้า ก็ในเมื่อต่อไปนี้หล่อนต้องเชียร์ด้วยก็เงี้ยะ 3. สาวใหญ่บางรายที่มีหน้าที่การงานดีกว่าและรายได้มากกว่า แต่หันมาชอบเด็กเมื่อวานซืนซึ่งแม้เด็กจะมีรายได้จุ๋มจิ๋มกว่า แต่หล่อนก็โอเคนะ แถมไม่คิดด้วยว่า เป็นภาระสำหรับหล่อนแต่อย่างใด ก็ในเมื่อหัวใจเรียกร้องให้มีรักแบบนี้นี่ แล้วจะ คิดนู่น คิดนี่อีกทำไม โถ...สมเป็นแม่พระมาโปรดเด็กๆ เหลือเกิน...เฮ่อ 4. ทว่าสาวใหญ่บางคนก็อ้างว่าไม่ได้ เลี้ยงต้อยนะจ๊ะ เพราะเด็กที่หล่อนชอบน่ะ มีหน้าที่การงาน และมีรายได้เป็นของตัวเค้าเอง จึงไม่ต้องเลี้ยงดูปูเสื่อกัน เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีรายได้จากงานประจำ แต่เอ้...นี่จะเป็นข้ออ้างให้ “เด็กของหล่อน” ดูดีขึ้นในสายตาคนรอบข้างรึเปล่าไม่รู้สิ 5. สาวใหญ่บางคนให้ทรรศนะว่า การมีแฟนสูงวัยกว่า บางทีก็คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง คุยไม่ถูกคอ แถมทำให้ทะเลาะกันด้วย เอ้าสมมติ ถ้าหล่อนมีแฟนอายุมากกว่า หล่อนก็มักเกรงใจ หากเค้าบอกให้ทำอะไรก็ต้องทำอย่างงั้น หรือเค้ามีความคิดเห็นไปในทางไหน หล่อนก็ขัดเค้าไม่ค่อยได้ เพราะต้องให้เกียรติพี่เค้าก็งี้แหละ ในทางตรงกันข้าม ถ้ามีแฟนเด็กกว่าน่ะเรอะ หล่อนจะมีโอกาสได้แสดงความเห็นของเธอเองเต็มที่ แล้วแฟนเด็กก็มักรับฟังซะด้วย เพราะยอมรับว่า หล่อนผ่านประสบการณ์มามากกว่า ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่า ถึงได้ชอบอยู่กะเด็กมากกว่าไง...ก็หากไม่เจอเด็กเกเรก็ดีไปเนอะ 6.การมีแฟนเด็กอาจดีอีกอย่างตรงที่เด็กๆ เอาอกเอาใจสาวใหญ่เก่งกว่า เมื่อเทียบกับการที่หล่อนจะมีแฟนอายุมากกว่าเธอ ก็ได้นะเฟ้ย เอ...ตกลงแล้ว “รักต่างวัย” แบบนี้จะไปรอดมะ? ของแบบนี้ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของคู่ที่เลิฟกันนี่แหละ เพราะรักแบบไหนก็มีปัญหาทั้งนั้นล่ะวุ้ย ส่วนปัญหาของรักต่างวัยน่ะเรอะก็มี... * ถ้าฝ่ายเด็กเกิดเบื่อสาวใหญ่ขึ้นมาแล้วเกิดอยากไปจีบสาวที่อายุไล่เลี่ยกะเค้าเข้าล่ะ อุ้ยโหยว... หยั่งงี้เห็นทีสาวใหญ่ต้องหาทางแก้ลำ หรือทำใจให้ได้ตั้งแต่แรกคบจริงมะ
* “คู่รักต่างวัย” ย่อมถูกจับตามองจากคนรอบข้างแน่นอน ดังนั้น จึงต้องอาศัยความอดทนให้มาก แม้แต่ครอบครัวของฝ่ายที่เป็นคู่รักต่างวัยเองก็เถอะ อาจไม่เห็นด้วยกับความรักครั้งนี้ก็ได้ แต่ถ้าคู่รักคู่นี้มั่นใจว่าเหมาะสมกันละก็ แล้วอะไรจะไปทำให้คู่รักต่างวัยหวั่นไหวได้ล่ะฮ้า เดินหน้าต่อไปเลย...ลุย!

Saturday, March 14, 2009

แอบรักใคร อยู่หรือเปล่า

คุณแอบรักใครอยู่หรือเปล่า มีเสียงเรียกร้องให้เขียนเรื่อง “การแอบรัก”, “แอบเสน่หา” หน่อยเด้...ฮั่นแน่สงสัยกำลังอยู่ในอาการวูบวาบทางใจ เพราะไปแอบเลิฟใครอยู่อ่ะดิ่ แต่ทำไมต้อง “แอบ” ด้วยล่ะ? แสดงความสนใจจนออกนอกหน้าไปเลยไม่ได้เรอะ?...ไม่ได้กวนนะเพ่ แค่ถามเฉยๆ

แต่เอาเถอะ ถ้าอยาก “แอบรัก” ซะอย่าง ก็เป็นหัวข้อน่าสนใจ

อันว่า “การแอบรัก” เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ ย่อมเคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาแล้วทั้งนั้น บางคนงี้ โอ้โห แอบรักใครสักคนมาเป็นปีๆ ก็ยังรักคนนี้อยู่ไว้ไม่เลิก ส่วนบางรายแอบรักซัมวัน (บางคน) ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่า เค้ามีเจ้าของอยู่ทนโท่ ก็ยังไม่วายเลิฟ “แฟนของคนอื่น” มีไรปะ

โถใครจะไปกล้ามีอะไรล่ะ มีแต่จะเชียร์ให้คุณรักเค้าต่อไปสิไม่ว่า เพราะความรักเป็นสิ่งดีเลิศประเสริฐศรี หนำซ้ำความรักก็ทำให้คุณอดทน อดทนที่จะรักเค้าข้างเดียวต่อไป 555 ซึ่งจะนานแค่ไหนก็ไม่รู้ แต่เอ๊ะใจจริงจะไม่ยอมบอกฝ่ายนั้นเรอะว่า รัก...ฮ้า

ดังนั้น การแอบรัก จึงเป็นอะไรที่บางคนยอมรับว่า ทำให้มีความสุขทางใจ, แอบรักแล้วมีความสุขเล็กๆ แม้จะจี๋จ๋ากันได้แต่เพียง “ในฝัน” เท่านั้น แต่เชื่อมะ แค่เนี้ยะก็ทำให้คุณแอบยิ้มที่มุมปากและมีความสุขได้ทั้งวันเลยเชียวล่ะ
แถมมีรักแบบนี้ก็แปลกด้วยนะ เพราะทำให้ คนที่มีอาการแอบแฝงประมาณนี้ มีพฤติกรรมประหลาดๆ จนแม้แต่ตัวเค้าเองก็ไม่อยากเชื่อว่า ชีวิตนี้จะทำเข้าไปได้! เช่น ตามไปถึงบ้านของคนที่ตัวเองสนใจแล้วก็มองบ้านเค้าอยู่นั่นแหละ.... ได้เห็นบ้านไม่เห็นคนยังดีกว่าไม่ได้เห็นอะไรเลย... มีงี้ด้วย

ส่วนทำไมต้องแอบรักด้วยว่ะ อ๋อ...ต้องมีสาเหตุให้เปิดเผยไม่ได้ดิ่ เช่น...

1. คนที่ถูกแอบรัก อาจมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วก็ได้ ฉะนั้น คุณ0ที่ไปเลิฟเค้าจึงได้แต่ซุกซ่อนความรู้สึกดีๆที่มีให้เค้าเอาไว้ในใจ เปิดเผยไม่ได้ และไม่กล้าแสดงออกมาก จึงเก็บกดความรักที่มีให้กะคนคนนั้นเอาไว้ ไม่ให้แฟนตัวจริงรู้ อ้าวไม่งั้นมีสิทธิ์ได้เปิดฉากกังฟูไฟติ้งกันแหงๆ

2. ในทางกลับกัน ไอ้คนที่ไปแอบรักเค้านั่นน่ะมีแฟนแล้วน่ะสิ ดังนั้น พอไปชอบใครเค้าเข้า โอ้ย...หัวใจจึงแทบสลาย ได้แต่พูดกับใจตัวเองว่า ไม่น่ามีแฟนเร็วนักเลยกู แหม รู้งี้ชะลอการมีแฟนเอาไว้ก่อนก็ดี จะได้วิ่งตามจีบคนที่แอบรักอย่างออกนอกหน้าได้ เฮ่อไม่น่าเลยเรา

3. แอบรักคน (ที่รู้สึกไปเองรึเปล่าก็ไม่รู้นะว่า) ไม่คู่ควรกะเค้า เลย ได้แก่ รักเค้าแต่เพียงในใจอยู่นี่ไง แต่ความจริงน่ะ อยากให้รักมันกระโดดโลดเต้นออกมานอกใจจะตายอยู่แล้ว

ทว่า ในเมื่อสะเออะไปแอบรักเค้าแล้วนี่ ก็ต้องยอมรับผลพวงของความเลิฟที่แอบรักเค้าอยู่ในใจไปตามระเบียบ โดยเฉพาะพวกที่แอบรักแล้วรู้สึกเฮิร์ต (ทุกข์ระทม) กับอาการรักเค้าข้างเดียว ซึ่งมีให้เห็นเยอะเลย ดังนั้น จึงเป็นที่มาของข้อเสนอแนะในสัปดาห์นี้ไงฮ้าว่า หากคุณไปแอบรักใครเข้า แล้วจะทำอย่างไรดี? มีช้อยส์ให้เลือกหลากหลาย เช่น....

1. ถ้าคุณตัดสินใจแน่วแน่ ว่าขอแค่รักเพียงในใจก็พอ และไม่ประสงค์อยากได้อะไรจากเค้ามากไปกว่านี้...โอ้โห หากทำได้ก็ขออนุโมทนาสาธุด้วย เพราะน้อยคนจะทำได้


แสดงว่า คุณให้ความสำคัญกับนิยามความรักที่ว่า รักเป็นสิ่งที่สวยงามและไม่ยึดติด แถมอยากให้คนที่คุณเลิฟได้รับแต่สิ่งที่ดีๆในชีวิตซะด้วยซ้ำ ดังนั้น เมื่อคุณไม่สามารถอี๋อ๋อพูดภาษาดอกไม้กระซิกกระซี้รักด้วยกันได้
ก็ไม่แนะให้คุณตัดใจไปจากเค้าที่คุณแอบรักซะเลยนะ แต่อยากส่งเสริมให้รักเค้าต่อไปโดยไม่จำเป็นต้องให้ “ใครคนนั้น” เค้ารู้ก็ได้นี่นา

“ความรักคือการเสียสละ” อู้หู มันช่างตรงเผงกะข้อนี้เลย...ยะฮู้

2. หลังจากคุณไม่ยอมเปิดตัว แต่คุณยังอยากเห็น หรือจำเป็นต้องเห็น “คนที่คุณแอบรัก” เนื่องจากสถานการณ์บังคับ เช่น ทำงานที่เดียวกัน หรือคุณกับเค้าต้องขึ้นรถตรงป้ายรถเมล์เดียวกันเป็นประจำ, อ่ะ ไม่งั้นก็ดันใช้ที่จอดรถที่เดียวกันนี่สิ

โอ้ยโหยว เป็นอย่างงี้ยิ่งทำใจลำบาก เพราะต้องเห็นกันบ่อยๆ แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อคุณเป็นพวกมองโลกในแง่ดีซะอย่าง จึงเชื่อว่าคุณจะทำให้ “การแอบรัก” เป็นสิ่งดีขึ้นมาได้แน่ๆ ก็ในเมื่อเป็นอีแอบไปแล้ว อย่านิ่งดูดายช่วยดูแลเทกแคร์แบบไม่ให้เค้ารู้ตัวซะเลยซี เอ้า ก็ในเมื่อมันเป็นความสุขเล็กๆ เอื้ออาทรกันแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้ละเนอะ

เช่น ถ้าคุณขับรถมาถึงที่ทำงานก่อน ก็คอยสอดส่ายสายตามองหา “ที่จอดรถดีๆ” เผื่อไว้ให้เค้าหน่อยสิ หรือไม่งั้น ถ้าคุณรู้ว่าเค้าชอบทานขนมอะไร? คุณอาจซื้อของติดไม้ติดมือมาฝากเค้าบ้างก็ได้ แต่บอกกับเพื่อนร่วมงานว่า ซื้อขนมมาฝากพวกเค้าแล้วให้แบ่งๆกันทาน ทำอุบอิบแบบไม่เจาะจง เค้าของคุณจะได้สบายใจไม่ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านไง

3. ถามตัวเองบ้างว่า คุณพอใจที่จะแอบรักเค้าหยั่งงี้ต่อไปเรื่อยๆมะ?

ถ้าคุณเองมีพันธะทางใจอยู่แล้ว คุณคงพอใจกะการแอบรักแบบไม่มีจุดหมายงี้แหงๆ แต่ถ้าต่างคนต่างโสด เพราะไม่เห็นเค้ามีแฟนนี่หว่า (แต่เช็กให้ ถ้วนถี่ซะก่อนเหอะ) หากคุณอัดอั้นมากและอยากบอกเค้าว่า คุณชอบเค้านะ...ก็เอาเลยเพ่ ยอมหน้าด้านพูดกะเค้าเลย

บางทีคุณอาจได้คำตอบแบบคาดไม่ถึงจากเค้าก็ได้ เช่น ถูกปาข้าวของใส่ (ไล่ซะเลย), ถูกด่าไม่รู้จักเจียม, เค้าบอกว่ามีแฟนแล้ว หรือเค้าอาจรู้สึกดีกับคุณมาตั้งนานแล้วก็ได้...ว้าย! รู้งี้จีบซะตั้งแต่แรก ไม่ต้องแอบรักก็คงรู้ใจกันไปนานแล้วสิฮ้า.

Saturday, March 7, 2009

ทนได้ไหม ถ้ามีแฟนเจ้าชู้

พูดถึงความ “เจ้าชู้” หลายคนโบ้ยว่าก็เห็นเป็นกันได้ทุกคนนั่นแหละ แต่คนไหนล่ะจะมีดีกรีของความเจ้าชู้อยู่ในระดับรุนแรง รุงรัง และเยื้อยื้อขนาดไหน ตรงนี้ต่างหากที่น่าสนใจ

แล้วพอไปถามใครต่อใครว่า เป็นคนเจ้าชู้รึเปล่า? อู้ย...มักได้คำตอบในเชิงปฏิเสธนะสิยะ เฮ่อ.... ไม่ยอมรับความจริง หรือคิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นแบบนี้จริงๆ....ก็บ่ฮู้

แต่เป็นไงเป็นกัน คราวนี้อยากทราบแหละกันว่า คุณจะทนได้ไหมหากมีแฟนเป็นคนเจ้าชู้? ไอ้หยา ถามอะไรในลักษณะขวานผ่าซากหยั่งงี้นี่! ซึ่งก็ได้คำตอบไปต่างๆนานา ดังนี้....หนูหนิง วัย 28 ปี ตอบ “ได้เจ็บ” แบบทีเล่นทีจริงว่า ถ้ารู้ว่าแฟนเจ้าชู้จะไม่ยอมแน่ๆ แต่ถ้าหนูเจ้าชู้เองสิ หากเค้าทำเคือง, พูดมากหรืองอนใส่ เป็นได้เห็น ดีกัน
....โอ้โห...โชว์ความเป็นเจ้าแม่ตัวจริงเสียงแท้ ออกมาเลยวุ้ย ว่าแต่ที่พูดเนี่ย ทำจริงรึเปล่าจ๊ะ

ส่วนน้องฝน วัยไม้ใกล้ฝั่ง...เอ๊ย...วัยไม่เกิน 30 ขวบ กลับให้ความเห็นอีกมุมว่า ใครจะไปอยากมีแฟนเจ้าชู้...ถามได้ แต่เรื่องจะไปห้ามแฟนไม่ให้เจ้าชู้เป็นเรื่องยากมาก (ขนาดนั้นเชียว เอ้าเชื่อเค้าหน่อย) “ขอเพียงอย่าแสดงว่า เจ้าชู้สุดลิ่มทิ่มประตู หรือหลีคนอื่นเว่อร์เกินไปละกัน ไม่งั้นคงทนกันไม่ได้ ตรงข้าม หากเค้าเจ้าชู้เล่นๆ หรือเจ้าชู้เป็นบางครั้งบางคราวก็ยังพอหยวนๆ กันไป”....เอ่อ แล้วจะรู้ได้ไงละเนี่ยว่าแฟนของน้องน่ะทำเจ้าชู้เล่นๆ หรือเจ้าชู้ไปงั้นเองอ่ะน้อง

ด้านหนูอ้อย วัยเลยเลข 3 ไปเล็กน้อย อธิบายแบบฟันธงว่า ถ้าตอนควงกันก็จับได้ไล่ทันแล้วว่าเค้าเจ้าชู้ละก็ คงไม่ทู่ซี้หลงลมปากยอมเป็นแฟนกะเค้าหรอก “แต่การคบหากันของหนุ่มสาวส่วนใหญ่ไม่งั้นซิ....เพราะไอ้ตอนคบกัน อีกฝ่ายไม่ยักกะแสดงความเจ้าช้งเจ้าชู้ให้เห็นแฮะ ตรงข้าม เมื่อเป็นแฟนกันแล้วดิ่กลับ ‘ออกลาย' เสือผู้หญิงออกมาเชียว” หยั่งงี้ก็ต้องอยู่ที่ดวงใครดวงมันแล้วละ ว่าจะตาถั่วหรือตาถึงเลือกใครมาเป็นแฟน เพราะเราจะไปรู้อนาคตได้ไง ถ้าอยากมีแฟนก็ต้องเสี่ยงดวงเอาละกัน....ฟังเข้าท่าน่าเลื่อมใส คงมีประสบการณ์เพียบเลยละซิ

เอ้า...ให้โอกาสหนุ่มๆ แสดงความเห็นกันมั่ง หนุ่มเอบอกได้กวนประสาทมากว่า ใครจะเจ้าชู้ยังไง ก็ไม่รู้สิ แต่ผมไม่เจ้าชู้ละกัน มีแฟนแค่ 2-3 คนเอง...คงน้อยไปใช่ไหมเพ่

ส่วนแจ๊คหนุ่มหน้าตาดี ดันถามกลับว่า ถ้าเห็นสาวสวยแล้วอดหลีไม่ได้...แบบนี้ก็ถือว่า เจ้าชู้ มะ? “แหมทีผู้หญิงบางคนยังมาว่านเสน่ห์ผมก่อนเลย แล้วผมก็รู้ซะด้วยนะว่าหล่อนควงคนอื่นมา” เอองั้นเอาเป็นว่า ฝ่ายหญิงก็เจ้าชู้เป็น จะหมายความตามนี้หยั่งงั้นล่ะซี!

แต่แหม....หากพูดถึงความเจ้าชู้ของผู้หญิงละก็ ยังไง้ยังไงก็คงกล้าแหกด่านไปจี๋จ๋าเจ้าชู้กะคนแปลกหน้าน้อยกว่าฝ่ายชายละมั้ง เพราะฮอร์โมนขับดันในด้านนอกใจนอกกายน่ะไม่น่าแข็งแกร่งกว่าหนุ่มๆนะ ยกเว้นกรณีที่สาวๆดันรู้ซะก่อนว่าแฟนของหล่อนมีพฤติกรรมเป็นอื่น หรือซุกซ่อนใครอื่นไว้ ก็เป็นไปได้ที่หล่อนจะน้อยใจจนอยากหาที่ “ซับน้ำตา” และ “ที่พักใจ” ใหม่ๆเป็นธรรมดา

ว่าแล้ว ก็มาเช็กตัวเองกันดีฝ่าว่า คุณอยู่ในข่ายที่จะเป็น 1 ในสมาชิกชมรมคนเจ้าชู้หรือไม่? กันเหอะ ด้วยการตอบคำถามต่อไปนี้ เพียงแค่ตอบใช่หรือไม่ใช่ เท่านั้นพอ เช่น....

1. คุณชอบไปงานปาร์ตี้เพราะชอบพบปะผู้คนหน้าใหม่ๆ ใช่ปะ?

2. คุณมีประวัติเรื่องการผ่านความรักมาอย่างโชกโชน หรือมีอดีตรักให้พูดถึงมากมาย แบบว่าอย่างน้อยก็น่าจะมีกิ๊กเป็น 10 คนขึ้นไปใช่มะ?

3. คุณเคยลืมตัวหลุดปากเรียกชื่อแฟนเป็นชื่อของคนอื่นบ้างม้า?

4. คุณคิดว่าความรักคือการแบ่งปัน ไม่ใช่ การเป็นเจ้าข้าวเจ้าของงั้นเรอะ?

5. คุณไม่ได้มองว่า ความรักเป็นเพียงเรื่องของคนสองคน แต่เป็นเรื่องจี๋จ๋ากันทีเป็นกลุ่ม อย่างงี้ปะ?

6. คุณมีพรสวรรค์ด้านการพูดภาษาดอกไม้ แถมชอบพูดกับเพศตรงข้ามชนิดพูดคำแล้วปล่อยคำชมไปเป็น 10 หรือคอยป้อยอเอาใจ โดยไม่มีคำกระแหนะ-กระแหนให้ได้ยินสักแอะใช่มะ?

7. คุณชอบแต่งตัวชนิดขอเท่ไว้ก่อน เมื่อต้องไปงานปาร์ตี้ทุกทีเลยใช่ม้า?

8. คุณสนใจแต่คนที่หน้าตาดีเท่านั้น ส่วนคนที่หน้าตาธรรมดากลับไม่สามารถดึงดูดให้ คุณอยากเข้าใกล้ได้แฮะ ใช่มะ?

9. คุณชอบใส่แว่นกันแดดซำเหมอเลย แม้อยู่ในที่ร่มก็ยังใส่แว่นเพื่อสร้างความเท่ให้ตัวเองอยู่ได้จริงอ่ะ?....อ่ะขอแซวหน่อยเหอะว่า บางคนใส่แว่นกันแดดที่ไม่รับกะใบหน้า ก็ไม่เห็นทำให้ตัวเองดูดีขึ้นมาเลย ตรงข้ามกะบางรายถ้ายิ่งไม่ใส่แว่นกันแดดดิ่...โอ้ยโหยวดูไม่จืดเชียวฮ้า

10. คุณเคยโดนตามรังควาน ตามตบ, ตามทุบ, ตามถองและตามเหยียบ เพราะเผอิญไปทำกุ๊กกิ๊กจุ๊กจิ๊กกะคนที่มีแฟนแล้ว และเจ้าของเค้าดันรู้เข้าน่ะสิ แต่ด้วยความเป็นคนเจ้าชู้ “มืออาชีพระดับนี้” แล้ว จึงรู้สึกว่าเวลาโดน “ยำทีน” ก็เป็นเรื่องธรรมดา ใช่เรอะ?

เอาล่ะ หวังว่าทุกท่านคงตอบกันได้ครบถ้วน (บางคนไม่ต้องตอบอะไรกลับรู้ใจตัวเองตั้งแต่แรกใช่ปะว่าชอบขายขนมจีบ เพราะจีบคนอื่นแหลกลาญมานานแค่ไหนแล้ว อิอิ) ซึ่งหากคุณตอบใช่มากกว่าไม่ใช่ เพราะอ่านแล้ว เออแฮะ เราทำตัวเหมือนยังงั้นเลย

ก็ขอมอบประกาศนียบัตรเพื่อรับรองว่า คุณได้รับเชิญให้เข้ากลุ่มจอมเจ้าชู้เป็นที่เรียบร้อย ดังนั้น ถ้าท่านใดปลื้มใจกับพฤติกรรมสำเริงสำราญนี้ก็เชิญเถอะฮ้า แต่ระวังจะไม่มีวันเจอ “รักแท้” นะยะ.

Saturday, February 28, 2009

ทายสิอะไรทำให้แฟนยังรักคุณ?

สงสัยมะ ว่าอะไรทำให้แฟนยังคงรักคุณอยู่ จนถึงทุกวันนี้? (ใครไม่สงสัยก็ให้มันรู้ไป!) นี่แค่อยากให้คู่ที่เพิ่งสวีวี่วีสวีตเลิฟกัน อ้อ คู่ที่รักกันมานานนมแล้ว ยกมือตอบกันหน่อยเป็นไร

ถ้าตอบได้ แสดงว่ายู (คุณ) แน่มาก เดี๋ยวจะมอบโซ่...เอ้ยโล่ให้ แต่หากตอบไม่ได้ หรือยังอึ้งกิมกี่, พูดไม่ออกบอกไม่ถูก หรือออกอาการเก๊กซิมไปเลย เพราะลืมไปแล้วว่ามีแฟน...อ้าว!

หากตอบไม่ได้ หรือไม่ทราบก็ไม่เป็นไรท่าน เพราะใครเลยจะรู้ใจ “สุดเลิฟ” ของตัวไปซะทุกอย่างล่ะจริงมะ แถมเรื่องพรรค์นี้น่ะ ฝ่ายเป็นแฟนก็ไม่ค่อยยอมบอกยอมพูดให้ฟังซะด้วยว่า ตัวเองคิดยังไงกับอีกฝ่ายนึง? ทั้งๆที่หากจะบอกจริงๆก็เป็นเรื่องง่ายมาก แหมใครจะรู้ดี ไปกว่าทั้งคู่เล่า

บางคู่งี้ อย่ากระแซะถามเรื่องนี้เชียว พิกุลไม่ร่วงออกมาหรอก คงชอบปล่อยให้เดาเอาเองสิท่า แต่นี่ยังดีกว่าพวกที่เอาแฟนไปพูดนินทาลับหลังให้คนอื่นฟังนะ เฮ่อ...ตกลงไอ้คู่นี้มันจะรักหรือจะจับผิดกันแน่ฟะ? แต่เออมีหลายคู่นะที่รักตอนเริ่มต้น แต่พอนานเข้าทำมั้ยถึงห่างเหินว้า

งั้นเฉลยปริศนาดีกว่าว่า อะไรที่ทำให้ “คนที่คุณรัก” ยังอยากหวานชื่นและอยู่ใกล้ๆคุณทุกวี่ทุกวันน้า? ทั้งๆที่บางคน (ที่มีแฟนแล้ว) อาจนึกไม่ถึงว่า โอ้โหคู่ของเราสามารถเป็นแฟนกันยืดเยื้อจนถึงทุกวันนี้เชียวเรอะ โถ...โถ หากคุณเข้าข่ายมีคุณสมบัติต่อไปนี้...ก็น่านล่ะ คือ สุดยอดปรารถนาของแฟนล่ะ เช่น...

1. ยังรักษาหน้าตาให้ดูดีอยู่ได้

ส่วนใครที่หน้าตาไม่เหมือนเดิมเหมือนสมัยตอนเจอกันหนแรก ก็อย่าถึงกะต้องลงทุนไปทำศัลยกรรมโบ๊ะฉ่ำจนเสียเงินเสียทองโดยใช่เหตุนะตัว แค่คุณรู้จักดูแลหน้าตาผิวพรรณให้มีน้ำมีนวล ประเภทยังมีประกายฉายแววว่าน่ามอง ไม่ใช่ปล่อยตัวเองให้เป็นซิ้มที่ไหนก็ม่ายรุ หรือหากเป็นฝ่ายชายก็อย่าให้มีแผลบนใบหน้าเยอะ และรักษาความสะอาดไว้มั่ง ไม่ใช่โอ้โห จะจูจุ๊บกันที แต่รู้สึกทำไม่ลงอ่ะ เพราะอีกฝ่ายหน้ามัน แถมยังสิวเขรอะเพียบ ฮ้า...หยั่งงี้ก็ควรพิจารณา ตัวเองซะนะ

ธรรมชาติของมนุษย์น่ะ เป็นใครก็อยากอยู่ใกล้ สาวงามที่เค้าเลือก หรือหนุ่มหล่อที่หล่อนมองไม่วางตา แหงๆซิ! ดังนั้น อย่าปล่อยเนื้อปล่อยตัวหลังจากมีแฟนแล้วเด็ดขาด ขืนคุณไม่รักษาหน้าตาที่คุณเคยมีสมัยอายุ 18 เอาไว้ให้ได้ละก็...อิอิ ตั้งอายุไว้ ที่ 18 ไปงั้นแหละ บางทีหน้าตาสมัย 18 อาจไม่ดูดีและดึงดูดเท่า 30 หรือ 40 ปียังแจ๋วก็ได้ อ่ะฮ้านี่อุตส่าห์ให้กำลังใจกันเต็มที่แล้วนะ

2. จิตใจงดงาม ไม่มองโลกและมองคนรักในแง่ร้าย หรืออยู่ๆกันไป ดันหวาดระแวงกันซะเอง โอ้ยโหยวแล้วจะไปกันรอดรึนั่น

ในเมื่อพวกคุณมีกันและกันเพียง 2 คนหยั่งงี้ จึงควรอุ้มชูทะนุถนอมจิตใจกันไว้ไม่ดีกว่าเรอะ แต่ ไม่รู้เป็นบ้าอะไร คู่รักส่วนใหญ่ไม่งั้นสิ มีตัวอย่างให้เห็นไม่รู้กี่คู่ ต่อกี่คู่ ที่พออยู่กันไปสักพักชักมีปัญหากันแฮะ เดี๋ยวก็เอาล่ะ บางคนมองเห็นแฟนตัวเองเหลาเหย่กว่าคนอื่น จึงไปเหล่และไปจีบคนอื่นแล้วทอด ทิ้งคนเก่ามีงี้เยอะ เฮ่อ... ช่างเสียเวลารักซะจริงๆ! ถ้าเป็นเดี้ยน ขอหาแฟนที่มีจิตใจดีบวกมองคนรักในแง่ดีไว้ก่อนดีกว่า เพราะสิ่งนี้น่ะมีส่วนช่วยป้องกันไม่ให้ “แฟนของเรา” เหลวไหลหันไปก้อร่อก้อติกมีกิ๊กได้นะ เอาคิดดู หากแฟนเป็นคนร่าเริงสดใส, ใจดี, มองโลกในแง่ บวกเสมอหยั่งงี้ คนที่เป็นคู่รักด้วย ก็ไม่รู้จะไปมองหาคนอื่นมาเสียบแทนเป็นกิ๊กด้วยทำไม เอ้า...ถ้ากิ๊กวัยเอ๊าะกว่าก็จริง แต่ใจคออีเดียด หรือเอาแต่ใจตัวเอง และคิดร้ายกะผู้อื่น...ขืนอยู่ด้วยแล้วจะสบายใจได้ไง!

3. ให้ความเคารพนับถือคนรัก ไม่ใช่ดูถูกดูแคลนว่าเค้าด้อยกว่า (ถึงจะมีอะไรที่ด้อยกว่าจริงๆก็เหอะวะ)
หนุ่มสาวล้วนต่างอยากมีแฟน และคู่ครองที่ให้เกียรติพวกเค้ารู้ซะเหอะ แล้วจะดียิ่งขึ้นไปอีก หากแฟนแสดงความนับถือในความคิดเห็น ตลอดจนทัศนคติที่คนรักมีต่อสิ่งต่างๆ มากกว่าคนที่คอย “ขัดคอ” หรือ “แสดงความขัดแย้ง” ทุกครั้งที่แฟนเสนอความคิดเห็นอะไรออกมา อ้าว ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปถามแฟนของคุณดูสิว่า เค้าอยากให้คุณยอมรับในสิ่งเหล่านี้จริงป่าว?

ดังนั้น แฟนที่ดีจึงอย่าไป “ขวางทางปืน” ระหว่างที่คู่เลิฟของคุณกำลังแสดงความหวัง หรือเล่าความฝันให้ฟังเชียวนา ถ้าเค้าหวังหรือฝันอะไรไว้ก็คล้อยตามไปก่อน ส่วนถ้าอยากวิพากษ์ หรือแสดงความเห็นตรงกันข้ามกะเค้าค่อยไปทำทีหลัง ยังไงเค้าก็แฟนคุณนะรู้มะ

4. ฉลาดพอตัวและมั่นใจในตัวเองพอสังเขป

เมื่อก่อน ถ้าไปถามหาสเปกของ “แฟนในอุดมคติ” หรือ “แฟนในฝัน” ของใครๆ อาจได้ยินมั่งแหละว่า ขอสาวสวยหมวยอึ๋ม หรือ หล่อล่ำตัวโตกล้ามเป็นมัดๆ (เลือกแบบเนี้ยะ กะเอามาเป็นแฟน หรือเก็บเค้าไว้ในตู้โชว์ยะ)

เดี๋ยวนี้เรอะ หากไปสำรวจกันใหม่ ถ้าผู้ตอบเป็นเด็กๆหรือวัยรุ่น ก็ยังคงเน้นไปที่หน้าตาดีไว้ก่อนอีกแหละ แต่ถ้าให้ผู้ใหญ่ตอบมั่ง “เจ้าความหน้าตาดี” ประเภทสวยหรือหล่อก็ยังไม่หายไปไหนนะ กระนั้น สิ่งที่เพิ่มมานี่สิ มักอยากมีแฟนฉลาดและมั่นใจในตัวเองไว้ก่อนสิจ๊ะ เพราะเวลาคนรักอยากสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน, สอบถามความเห็น, รวมทั้งอยากได้ข้อมูลความรู้ คนส่วนใหญ่จึงอยากให้แฟนตัวเองมีอะไรอยู่ในสมองมั่งฮี่ ไม่ใช่มีแฟนทั้งทีก็ดัน “สมองกลวง”...กลุ้มโว้ย

5. ให้ความรักและแสดงความรักออกมาให้เห็น ไม่ใช่รักอยู่แต่ในใจ หรือแอบรักอยู่นั่น จะซ่อนเร้นรักไว้ทำไมฮ้า แต่บางคนก็อย่างว่า ปากบอกรัก แต่ทำไมชอบลืมตัวเห็นแฟนเป็นกระสอบทรายตอนเมาก็ไม่รู้ดิ่ ความรักน่ะต้องการความอ่อนโยนและโรแมนติกมากกว่าฮ้า.

Sunday, February 22, 2009

อยู่คนเดียวได้ไหม ถ้าไม่มีแฟน

เรื่องความชอบ, ความรักและถวิลหาย่อมเกิดขึ้นได้กะทุกคน อู๊ยใครไม่เคยมีสิ่งเหล่านี้เข้ามาเยือนในหัวใจมั่งเหรอ...ถามจริง? แต่ บางรายยกมือยอมรับว่า แอบรักเค้าน่ะ มันส์กว่านะเพ่...จ๊ะๆ สาธุใครจะแอบมีใจให้ใคร ก็ขอให้เลิฟอย่างมีเหตุผลหน่อยละกัน

สัปดาห์นี้ ถึงไงก็ยังไม่อยากเขียนถึง “รักซ่อนไว้ในอก” หรอกนะ เพราะอยากตั้งคำถามมากกว่า ว่าท่านผู้อ่านจะอยู่ได้ไหมถ้าไม่มีแฟน? ต่างหากล้า ซึ่งหลังจากไปเซอร์เวย์ (สอบถาม) หนุ่มสาวบางคนก็ได้คำตอบน่าสนใจไปต่างๆนานา แต่บางรายไม่รู้ตอบหรือบ่นแฮะ เช่น...

- น้องแนนบอกว่า ได้สิ ถ้าไม่มีแฟนทำไมจะอยู่ไม่ได้ เพราะหนูมีเพื่อนไง ก็เลยทำให้ไม่รู้สึกว่า ถ้าขาดแฟนแล้วจะอยู่ไม่ได้....น่าน ต้องหยั่งงั้นซี

- ส่วนน้องอุ๊เสริมว่า ไม่มีแฟนตอนนี้ก็ไม่ เป็นไร เพราะนอกจากจะมีเพื่อนแล้ว หนูยังมีคนรอบข้างคนอื่นๆ เช่น ครอบครัวและพี่น้องให้กะหนุงกะหนิงนี่นา แต่ขออธิบายให้กระจ่างแจ่มก่อนว่า หนูน่ะยังอยู่ในช่วงอายุแค่ 20 อัพ หรือ 20 ปีขึ้นไป ก็เลยไม่ห่วงเรื่องฟงแฟนว่าต้องมีหรือไม่มีในตอนนี้ คือ มีก็ซู่ซ่า แต่ถ้าไม่มีก็ไม่แคร์อะไรมาก ทว่าหากอายุ 30 อัพ หรือ 40 อัพดิ่ ช่วงโน้นน่ะคงเริ่มคิดเหมือนกันแหละว่าควรมีแฟนสักที (แล้วจะไปจีบเค้าหรือรอให้เค้ามาจีบล่ะจ๊ะ อิอิ) “แต่ ตอนนี้ยังอะโลฮ้า แฮปปี้กับชีวิตดี โดยไม่ต้องมีแฟนก็ได้”...แหม ช่างหลักแหลมซะจริงๆแม่คุณ

- ด้านน้องนุ่น ขานี้กลับชี้แจงว่า คิดว่าไม่ได้อ่ะ โถ หากอยู่โดยไม่มีแฟนคงเหงาน่าดู แต่อย่าเพิ่งคิดว่านุ่นเป็นคนติดแฟนมากซะจนขาดแฟนไม่ได้นะหากไม่มีแฟนก็ต้องอยู่คนเดียวให้ได้ อ่ะ เพราะโลกใบนี้ยังมีอะไรๆให้เราชื่นชมและค้นหาอีกนี่นา....นี่ก็มีทัศนะเป็นแนวทางของตัวเองดี ฟังเข้าท่าน่าสนใจ

ถามฝ่ายชายมั่ง หนุ่มลักกี้บอกว่า อยู่ได้ฮะ “ผมเพิ่งอายุไม่เท่าไหร่ แล้วจะรีบไปผูกสมัครรักใครแบบจริงจังเพียงคนเดียวทำไม่ได้ฮะ” เออเอากะมันสิ

ส่วนอีกหนุ่ม คือเค้าชื่อหนุ่ม (โหตอนแก่ก็ให้เรียกหนุ่มเนี่ยนะ) บอกว่า ไม่ได้หรอก ไม่มีทางอยู่ได้โดยไม่มีแฟน เพราะแฟนผมน่ะช่วยทำงานบ้าน, ช่วยเก็บของที่ผมทำรกบ้าน, ช่วยซักผ้าโอ๊ยสารพัด....เอ๊ะ ไอ้นี่อยากอยู่กะแฟนเพราะเห็นคุณค่าของแฟนในทางที่ดี หรืออยากอยู่ กะแฟนเพราะมีแฟนเสมือนมี “คนคอยรับใช้” กันแน่วะ เพราะแต่ละอย่างที่แฟนทำให้นี่ ฟังแล้วคล้ายหน้าที่ของคนใช้เนอะ เอ๊ะยังไงกันแน่เนี่ย

เอ้าทัศนะของอีกคนละกัน เจ้านี้บอกไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะอยู่ด้วยตัวเองได้หรือไม่ หากไม่มีแฟนให้พะเน้าพะนอ เพราะอยากเป็น “จำเลยรัก” และมีแฟนมากฝ่า ยอมรับก็ดีและ

ส่วนท่านใดส่ายหน้าไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองอยู่ได้ หรือไม่ได้โดยไม่มีแฟน? ก็ลองตอบคำถามง่ายๆว่า ใช่หรือไม่ใช่ต่อไปนี้ดิ่....

1. คุณมักไปไหนมาไหนเองโดยไม่จำเป็นต้องมีใครไปด้วยใช่ไหม?

2. คืนก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ คุณมักมีกิจกรรมรับชวนไปเมาท์กะเพื่อนๆ หรือนัดแนะกับพี่ๆน้องๆ ว่าจะไปไหนกัน โดยที่คุณอาจคิดถึงแฟน (ในกรณีที่มีแฟนแล้ว) จิ๊ดนึง คือนิดนึง แต่ในเมื่อเค้าไม่ว่าง นี่หว่า คุณก็จะไม่คะยั้นคะยอให้เค้ามาคลุกอยู่ด้วย เด็ดขาด งั้นเปล่า?

3. หากคุณยังไม่มีแฟน แต่มีคนมาสนใจชนิดอยากจีบเป็นแฟนเลยล่ะ ทว่าคุณกลับเอ้อระเหย คิดว่าเรื่องแบบนี้รอก่อนได้ เพราะเชื่อว่ายังมีคนอื่นๆอีกในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ ที่คุณยังไม่รู้จัก และอยากเปิดโอกาสให้ตัวเอง มีช้อยส์ให้เลือกเยอะกว่านี้ใช่มะ?

4. หากคุณไม่มีแฟนแต่อยากมี คุณจึงเอา แต่หว่านเสน่ห์ใครๆไปทั่ว เพราะอยากมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเหลือเกิน...เฮ่อ ส่วนวิธีการให้ได้แฟนมา คุณยังใช้เล่ห์เพทุบาย...เอ๊ย เสน่ห์ทั้งหมดที่ (คาดว่า) มี เอ้า...ก็ชั้นไม่อยากโสดสลดแล้วนี่ยะ ยังงี้ใช่เหรอ?

5. หากคุณผ่านประสบการณ์มีแฟนแล้ว แต่เค้าก็ทำให้คุณใจสั่น, วาบหวิว และใจคอปั่นป่วนได้แค่ช่วงแรกที่หลงกันเท่านั้น แต่หลังจากนั้นดิ่ เค้ากลับห่างเหิน แถมคุณยังจับได้ไล่ทันว่า เค้าเจ้าชู้อย่างเหลือเชื่อ คุณจึงขอเบรกเรื่องรัก และอยู่เงียบๆคนเดียวตามลำพังก็ได้ใช่มะ?

6. เวลาสุดโปรดของคุณคือการได้อยู่คนเดียว โดยไม่มีแฟนมากวนใจ และรบกวนเวลาที่คุณกะว่าจะใช้เป็นเวลาของงานอดิเรกที่ชื่นชอบ เช่น อยากไปเล่นคาราเต้, ปลูกต้นไม้ หรือนอนพักผ่อนให้สาแก่ใจ หลังจากได้หยุดพักจากการเรียนหรือการทำงานอันแสนเหนื่อยใช่ไหมจ๊ะ?

7. คุณตั้งเป้าหมายส่วนตัวเอาไว้แล้วว่า ถ้าชาตินี้มีแฟนไม่เข้าท่า ก็อย่ามีให้ปวดใจซะดีกว่ารึเปล่าล่ะ?

8. เพราะสังคมมีปัญหาเรื่องคู่สมรส ที่มีอัตราการหย่าร้างกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้คุณรู้สึกขยาด และไม่แน่ใจว่า พอมีแฟนแล้วจะไปกันรอดมากน้อยแค่ไหน จึงรีรอที่จะคบใครใช่มะ?

เอาล่ะ ถามให้น้ำลายไหลแค่นี้พอ คาดว่าแต่ละท่านคงรู้ใจตัวเองเป็นอย่างดีแล้วแหงๆเลยว่า คิดยังไงกับที่ถามนี้ ซึ่งหากคุณตอบว่าใช่ซะเป็นส่วนใหญ่ แสดงว่า คุณสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ จำเป็นต้องมีแฟน ประเภทอยู่ได้เองอย่างซำบาย แต่ถ้าเมื่อไหร่คุณเจอคนที่ทำให้คุณมั่นใจได้ ว่ามีหัวใจตรงกันและปรารถนาจะดูแลกันตลอดไป แล้วจะโสดทำไม มีแฟนซะสิ!

Sunday, February 1, 2009

คนแบบไหน หาแฟนได้ยาก

เพราะมนุษย์เกิดมามีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องรูปร่าง, บุคลิกและพฤติกรรม เช่น สูง, ต่ำ, ดำ, เตี้ย, หน้าตาดี-หน้าตาธรรมดา-หน้าตาไม่เอาไหน หรือรวย-จน, ผมสั้น-ผมยาว-ผมดัด-ผมซอย และอื่นๆอีกจิปาถะ

จึงทำให้บางคนโอดครวญว่า หาแฟนย้ากยาก แต่อีกหลายคนก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก เพราะมีแควนมานับไม่ถ้วน แถมมีความเป็นไปได้ด้วยสิว่า อนาคตพวกที่หาแฟนได้เร็วและง่ายดาย (เอ๊ะหรือแค่หากิ๊กง่าย ไม่ถึงขั้นเป็นแฟนผูกมัดจริงจังกันแน่) ยังมีโอกาสหา “หาคนมาควง” อีกได้เรื่อยๆ บางทีเห็นบางท่านมีแฟนซ้อนแฟน มีกิ๊กดับเบิลกิ๊ก แล้วเรื่องไรจะเขียนถึงคนหาแฟนง่ายละยะ ต้องรำพึงรำพันถึงผู้ที่หาแฟนได้ยากเย็นแสนเข็ญเพื่อให้กำลังใจกันมากกว่า...นี่สิถึงจะแซบอีหลี ว่าแล้ว มามะมาสังเกตดูบุคลิกลักษณะของคนที่หาใครมาเป็นแฟนยากกันเถอะ ซึ่งในที่นี้ “การหาแฟนยาก” ไม่ใช่ว่าเขาหรือเธอเป็นคนเลือกมากนะ (ตัดโจทย์ข้อนี้ไปได้เลย) แต่ไม่มีใครเลือกพวกเขามาเป็นแฟนมากฟ่า หรือไม่งั้นก็มีคนมาสนใจน้อย ยกตัวอย่าง แต่น แต๊น ให้ฟังก็ได้เช่น...

1. ผู้มีสิวเขรอะเต็มหน้า, หน้าตาไม่เกลี้ยงเกลา และมีปัญหาผิวพรรณ
ตรงข้ามกะคนหน้าใส หรือหน้าอ่อนกว่าวัยมักหาแฟนหรือหาคนมารักได้ง่ายกว่าเยอะ แต่ว่ากันตามตรง การมีสิวไม่ว่าเป็นหนุ่มหรือสาว ก็มีกันได้ทั้งนั้น แต่หากท่านใดมีฮอร์โมนพลุ่งพล่านเยอะก็อาจมีสิวมากกว่าคนอื่นๆได้ ดังนั้น การมีสิวจึง เป็นเรื่องธรรมชาติ ซึ่งหากคุณๆทั้งหลายรักษาความสะอาดใบหน้าเป็นอย่างดีแล้วไซร้ โอกาสที่สิวจะเห่อย่อมมีน้อยกว่าคนสกปรกอ่ะนะ

คนมีสิวเยอะไม่ว่าจะมีทั่วใบหน้าหรือมีสิวเป็นหย่อมๆ คิดดูดิ่ว่าไม่ชวนมองเท่าไหร่ใช่ปะ แถมคนมีสิวยังอาจมีรอยแผลแห่งสิวที่บางคนเผลอไปแกะ, ไปเกา หรือไปใช้เครื่องสำอางลดสิวแต่เกิดอักเสบขึ้นมา ก็ น่าเห็นใจที่จะหาแฟนยากกว่าพวกหน้าใสปิšง และไร้ความมัวหมองแห่งหัวสิว เรื่องนี้จึงไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ มิน่า บรรดาคลินิกรักษาผิวพรรณถึงได้มีลูกค้ายั้วเยี้ย เพราะตะละคนอยากหล่ออยากสวยอยากงามจึงตระหนักถึงความเกลี้ยงเกลาบนใบหน้านี่เอง เมื่อสถานประกอบการกำจัดสิวรู้ว่า คนเรามักให้น้ำหนักไปที่ไม่อยากมีสิว ก็อย่าคิดค่ารักษาแพงและอย่าโหดกะลูกค้านัก...ทางที่ดีควรเห็นใจกันถึงจะถูก

เออแล้ว ที่จริงการมีสิวเยอะอาจหาแฟนได้ช้าก็จริง แต่ใช่ว่าจะหาไม่ได้เลย เพราะ บางทีคนมีสิวแล้วใจดีแถมซื่อสัตย์อาจมีปริมาณมากกว่าคนหน้าเนียนก็ได้ ที่บอกนี่เพราะไม่อยากให้มองกันเฉพาะรูปลักษณ์ภายนอก แต่อยากให้มอง “ที่ใจ” น่ะชัวร์ป้าด

2. อ้วนท้วนหรือมีหุ่นอ้วนกลมแถมอารมณ์ ไม่ดี แล้วใครอยากชวนเป็นแฟนฟะ

เพราะถ้า “อ้วนกลมแล้วยังอารมณ์ดีด้วย” คงหาแฟนได้ไม่ยาก แต่เป็นที่น่าเจ็บใจจริงจริ๊ง สำหรับผู้มีน้ำหนักเกินพิกัดจนเข้าข่ายอ้วนเป็นหมู สามชั้น มักหา “คนมาร่วมฝัน” ด้วยไม่ง่ายเหมือนคนที่มีหุ่นพอเหมาะกำลังดี ทว่า หากมีหุ่นตุ้ยนุ้ยแบบกำลังดี ก็ใช่ว่าจะน่าเกลียดอะไรนักหนา ส่วนผู้ที่ผอมมาก และผอมจนเป็นไม้แผ่นกระดานก็ใช่ว่าจะมีใครมาสนเท่าไหร่ เหมือนกันแหละ ดังนั้น เอาเป็นว่า ขอให้รูปร่างจูงมือกันไปไหนมาไหนแล้วรู้สึกว่า คู่ของเราน่ารักดี และไม่อ้วนไม่ผอมเกินไป ก็นั่นแหละถือเป็นหุ่นเหมาะสม ชวนแก่การที่ใครๆเล็งไว้ว่าจะจีบมาเป็นแฟนหละจ้า

3. ขี้เกียจก็ไม่เห็นมีใครหมายปองให้มาเป็นคู่หมั้นคู่หมายเลยอ่ะ

อู้ย คนที่มีพฤติกรรมหยั่งงี้ยังหามนุษย์ดีๆ ที่ไหนมาเลิฟด้วยจ๊ะ ยิ่งสมัยนี้ภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดีเท่าไหร่อยู่ด้วย ดังนั้น คนที่กำลังมองหาแฟนส่วนมากจึงอยากเลือก และอยากเจอเนื้อคู่ที่เป็นคนขยันขันแข็ง, รู้จักทำมาหากินทำงานทำการเพื่อช่วยกันสร้างครอบครัวมากฝ่า ยกเว้นพวกที่ไม่ได้อยากมีแฟนเป็นตัวเป็นตนจริง แค่อยากมีกิ๊กเอาไว้ควงเล่นนั่นก็อีกเรื่อง เพราะคนกลุ่มนี้คงไม่สนหรอกว่า กิ๊ก (ซึ่งถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่อายุสั้น ไม่ใช่แฟนที่จะคบกันอย่างยั่งยืน) จะฉายแววขี้เกียจหรือเกียจคร้านขนาดไหน มิน่าอาเสี่ยถึงได้ชอบคน “ขยันทำงาน” ตอนชวนเข้าม่านรูดไง...ว้าย!นึกแล้วเชียว

4. มีกลิ่นตัวหึ่ง

ประเภทแม้รู้ว่า ตัวเองมีกลิ่นตัวโชยแรงขนาดไหน พี่แกก็ไม่รู้ตัว เพราะคิดไม่ถึงว่า คนเราจะมีกลิ่นตัวได้ แถมยังไม่ชอบอาบน้ำอาบท่าซะด้วยแบบนี้ก็ชวนใครมาชอบด้วยยาก ยิ่งบ้านเรามีสภาพอากาศร้อนมากกว่าอากาศเย็น ดังนั้น พอทำกิจวัตรประจำวันที เหงื่อก็ไหลโจ้กๆแล้ว จึงมีกลิ่นตัวกันน่ะซี หากใครยิ่งทำงานกลางแจ้ง ไม่ได้ทำงานอบผิวอยู่ในห้องแอร์ด้วยแล้ว ก็ยิ่งมีสิทธิ์เหงื่อแตกมากกว่าใครๆ นี่ถ้ากลิ่นตัวแรงแล้วไม่สำนึกจึงอย่าหวังเลยว่า จะหาแฟนได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก งั้นหัดทำตัวสะอาดสะอ้านเข้าไว้นะจ๊ะ จะได้มีแฟนเร็วๆ พอมี “ใครสักคน” แล้วจะแฮปปี้หายเหงารู้แล้วก็คว้าโรลออนดับกลิ่นกายมาใช้เร้ว...แหมพูดเล่นน่า เพราะบางคนต่อให้ใช้โรลออนอะไรมาระงับกลิ่นก็ไม่อยู่555

5. เตี้ยเกินไป หรือสูงเกินเหตุ ก็ไม่ยักมีใครอยากชวนมา “ดูใจกัน” แฮะ

คิดดูนะ ถ้ามนุษย์ 2 คน มีสัดส่วนของความสูงแตกต่างกันมากๆ แล้วจะอยู่ด้วยกันรอดปลอดภัยไร้กังวลได้ไงยังไม่เก็ตเลยจ๊ะ หนำซ้ำผู้ที่มักชีช้ำกะหล่ำปลีน่ะ ส่วนใหญ่เป็นคนเตี้ยมากกว่าคนสูงซะด้วยสิ พวกสูงโย่งน่ะยังหาแฟนได้ง่ายกว่าคนเตี้ยม่อต้อนะว่ามะ

เออ แต่มนุษย์นี่ก็แปลกนะจ๊ะ เพราะบางคู่มองแล้วไม่เห็นจะควรคู่กันได้ ทว่าก็ยังส่งซิกและ “รักกันเข้าแล้ว” ถมเถไป ไม่งั้นจะมีคำถามที่ว่า ทำไมคนสวยถึงมีแฟนไม่หล่อ หรือ ทำไมคนหล่อถึงมีแฟนไม่สวย...นั่นแหละ เค้าถึงว่านานาจิตตังไง เอางี้ ขอให้ทุกท่านหาแฟนคล่อง และอย่าได้ติดขัดเมื่อคิดจะรัก...ดีกว่าเนอะ.

Friday, January 16, 2009

อาหารพิชิตผมหงอกก่อนวัย

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องเจอะเจอปัญหาผมหงอกขาวก่อนวัย ส่วนใหญ่มักแก้ไขด้วยการย้อมสีผม ซึ่งพอช่วยได้บ้าง แต่แน่นอนว่าต้องย้อมกันเป็นประจำตลอดไป แต่คุณทราบหรือไม่ว่า การกินอาหารช่วยคุณได้ เพราะในอาหารบางชนิดมีคุณสมบัติช่วยบำรุงเส้นผม เล็บมือ และผิวของเราอย่างได้ผล
สารอาหาร 4 ชนิด ที่เราอยากแนะนำให้คุณกินต้านผมหงอกก่อนวัย มีดังนี้คะ
Y ทองแดง พบมากในหอยนางรม อาหารทะเล และเมล็ดทานตะวัน (หอยนางรมและอาหารทะเล ต้องระวังคอเลสเตอรอลด้วยค่ะ)
Y กรดโฟลิก พบมากในผักใบเขียวเข้ม แครอท ฟักทอง และถั่วต่างๆ
Y กรดแพนโทเทนิก หรือวิตามินบี 5 พบมากในข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด แอปเปิ้ล และเมล็ดงา
Y พาบา เป็นสมาชิกในกลุ่มวิตามินบีรวม และถือว่าเป็นวิตามินเทียมสามารถละลายน้ำได้ โดยมักอยู่รวมกับกรดโฟลิค พบมากในจมูกข้าวสาลี ข้าวกล้อง โยเกิร์ตและผักใบเขียว

Sunday, January 11, 2009

คนแบบไหน ชอบหักอกคนอื่น

เรื่องนอกอกนอกใจเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย เพราะอาการใจสะออน อ่อนแรง และไม่อยู่ กับเนื้อกับตัว แต่เบนทิศทางไปแสวงหา “ที่หมายใหม่” นั้น...เป็นอะไรที่สังเกตดูดิ่ ว่าบางทีก็หาสาเหตุและเหตุผลได้ แต่หลายครั้งกลับค้นไม่เจอ เหมือนกันว่าทำไมต้อง “นอกใจ” กันด้วย
จึงสันนิษฐานได้อย่าง เอ๊ะแต่จริงๆ คิดได้หลายอย่าง ว่าการนอกใจน่ะ หากไม่เกิดจากความเบื่อหน่ายซึ่งกันและกันแล้วไซร้ อาจเกิดจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพอเซ็งอีกข้างขึ้นมา ก็เอาแหละ ชิ่งหนีไปซบอกหรือกระแซะคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนตัวจริง, รึไม่งั้นก็ไปหาเศษหาเลยแต๊ะอั๋งเอ๊าะๆ ซะเลย เอ้าทำงี้ มันช่วยให้เลือดลมสูบฉีด แถมยังทำให้หัวใจพองโตด้วยนี่หว่า แล้วจะไม่ให้อยากไปจุ๋งจิ๋งกุ๋งกิ๋งและเกาะแกะกะคนอื่นได้ไง? แต่ที่เกริ่นมานี่ก็พูดเรื่องน้ำเน่าไปงั้น
ที่จริงน่ะอยากให้ทายกันมากกว่าว่า คนแบบไหนน้า...ที่จะทำให้ใจของท่านทั้งหลายแตกสลายเป็นเสี่ยงๆได้ ถ้าขืนไปคบกับคนอย่างงี้! โอ้โห อยากรู้กันแล้วใช่ปะ มามะ เริ่มกันที่ผู้มีพฤติกรรมเข้าข่ายต่อไปนี้ได้เลยเช่น 1. พวกที่ไม่มีเพื่อนซึ่งคบกันมาอย่างยาวนานไง
สังเกตดูเด่ะ คนที่ไม่มีเพื่อนสนิทให้คบกันยืดยาวเลยสักคนน่ะ คนพรรค์นี้แหละมีสิทธิ์ทำคุณอกหักหรือมาหักอกคุณได้ ดังนั้น หากท่านใดบังเอิ๊ญ บังเอิญไปคบหาคนข้อนี้เป็นกิ๊กหรือแฟนเข้าละก็ มีโอกาสที่จะ ถูกเค้าทำให้เสียใจได้ ภายหลังน่ะเซ่
เฮ้อ แม้แต่ “เพื่อนสนิท” เค้ายังไม่มีเล้ย แล้วนับประสาอะไรเค้าจะคบกับใครได้ยืด แถมบางคนน่ะแม้แต่ เพื่อนเฉยๆ ยังไม่มีด้วยซ้ำ แล้ว คนที่แม้แต่เพื่อนซึ่งไม่รู้ล่ะว่า เป็นคนเอาหรือไม่เอาเพื่อนเลยสักคนเดียว แบบนี้คิดเรอะว่า จะเป็นคนมีจิตใจอยากผูกสมัครรักใคร่กะใครแบบจริงจัง, มั่นคงและรักแล้วรักเลย....คำตอบคือยาก หรือหากมีก็น้อยมาก
2. พวกจำแม่น แต่จำในสิ่งที่ไม่ควรจำเท่าไหร่นะ เพราะถ้าขี้ลืมสักนิดหรือตัดทิ้งข้อปลีกย่อยของความจำไปบ้าง ชีวิตคงดีกว่านี้แน่
อย่าว่าแต่นิสัยแบบนี้ผู้หญิงบางรายจะเป็นกันเลย แม้แต่ผู้ชายบางคนก็จู้จี้จุกจิก, ขี้บ่นกันจะตาย
พวกนี้มักจำแต่สิ่งไม่ดีหรือเรื่องชั่วๆ ในอดีตของแฟนหรือคนใกล้ชิดเพื่อเอาไปปะทะคารมตอนไม่สบอารมณ์ คนใกล้ชิดไงเล่า! ส่วน สิ่งดีๆ ที่เคยมีต่อกัน ไม่จำหรอก จำอยู่ได้ไอ้เรื่องที่เราอาจเคยพลาดพลั้งทำไม่ดีไปมั่ง ดังนั้น พอเค้าเกิดไม่พอใจขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็จะเรียบเรียงสิ่งเลวๆ ที่แฟนอย่างเราๆ เคยทำเอาไว้นั้นแหละนำมาฟาดฟันกันตอนมีปากเสียงกันน่ะซี (แต่ขออุบอิบก่อนว่า ข้อนี้ไม่นับคนที่โดนแฟนทำร้ายจิตใจเป็นประจำชนิดไอ้ฝ่ายนั้นมันชั่วจริงๆ หาดีไม่ได้เลย...นะ เพราะถ้าเจอคนอย่างนี้ หรือหลวมตัวไปเป็นแฟนกะ “คนไม่ดีเลยสักอย่าง” ก็ควรเลิกกะมันไปตั้งนานแล้ว)
3. พวกอยากมีอะไรต่อมิอะไรเป็นส่วนตัวมากๆ จะได้โชว์เดี่ยวเยอะๆ
ทั้งอยากมีเวลาเป็นของตัวเอง แล้วยังอยากมี “พื้นที่ส่วนตัว” สูงเป็นดับเบิลของชีวิตคนธรรมดา นี่ก็น่าเกรงขามนักล่ะ นัยว่า ที่เค้าต้องการมีสเปซหรือพื้นที่ส่วนตัวมาก เพราะอยากไปไหนไปได้ ไปแล้วไม่มีใครเกะกะ, ไม่มีใครคอยเป็นตัวถ่วงให้เค้ารำคาญใจ, หงุดหงิดหัวใจและรู้สึกว่า มีใครก็ไม่รุคอยขวางลูกตากูเอ๊ยตูอยู่ได้....งั้นก็อย่าไปตอแยกะเค้าเลย เตือนนี่ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะคุณก็จะเบื่อไอ้นี่ด้วยแหละ ไม่รู้คิดว่าตัวเองวิเศษมาจากไหน?
รู้ไว้เถอะ ว่าคนที่ทำให้ใจคุณเจ็บช้ำได้น่ะ เค้าจะดีกะคุณในช่วงแรกๆเท่านั้นแหละ แต่หลังจากนั้น ก็คิดเอาเองละกันว่า เค้าจะตัดเยื่อไม่เหลือใยกะคุณยังไง? เอ...แต่ถ้าอยากเจ็บเพราะ “อีกฝ่ายใจร้าย” ละก็ เชิญเถอะฮ้า ถ้าไม่เคยจะลองดูก็ได้....อิอิ
4. พวกไม่คำนึงถึงจิตใจคนอื่น
เรียกพวกชาเย็น, ใจดำและใจยักษ์ อะไรก็ได้ ขอให้เป็นคนที่ไม่เคยคำนึงว่า คำพูดคำจาของตัวเค้าจะไปกระทบจิตใจอันอ่อนไหวของชาวบ้านชาวช่อง หรือใครๆจะสะดุ้งสะเทือนต่อคำพูดเห่ยๆ ของเค้ารึเปล่า? ก็คือคำจำกัดความของบุคคลในข้อนี้แหละ
ยิ่งหากคนคนนี้ ชอบปากเสีย หรือชอบพูดจาเสียดสี ซึ่งแสดงว่า ไม่ใช่คนมีความจริงใจกะคนอื่นเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่น่าคบมากเท่านั้น เพราะขืนรู้จักกันไปมากๆเข้า เค้าก็ยิ่งทำให้คุณผิดหวัง ผิดหวังและผิดหวังซ้ำซ้อนและลึกซึ้ง จนเจ็บลึกไปนาน...แต่คุณไม่เจ็บนานจริงๆหรอกใช่ม้า
5. พวกเวลาที่อยู่กะคุณมักใจลอยไปหาคนอื่น นี่ก็ใช่
แบบแหม...พออยู่กะเรานะ ชอบทำ “ใจหาย” หรือเหม่อลอยไปไกลโยชน์บ่อยๆ ไงตัว ซึ่งที่จริงเค้าควรมีกะจิตกะใจอยู่กะเรามากกว่าเนอะ แต่ก็นั่นแหละ เค้าจะมีโฟกัสกะคุณเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น พอหลังจากนี้ เค้าก็ไม่สนแล้ว หันไปสนอย่างอื่นที่...
ก.เป็นสิ่งยั่วยวนจิตใจเค้าให้ไขว้เขวไปถึงไหนๆ ได้มากกว่าไม่ดีเรอะ หรือ ข.สิ่งยั่วยุใหม่ๆที่ทำให้เค้าอยากลิ้มลอง จนบางครั้งเค้าก็พลาดพลั้งจนไป “เสียฟอร์ม” คนอื่นอีกที....555 สม...ไงล่ะ
6. พวกชอบจับผิด
ข้อนี้แทบไม่ต้องอธิบาย เพราะพวกชอบจับผิด มักไม่เคยคิดว่าใครหน้าไหนถูกอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น เค้าจึงถูกตลอด, ถูกเสมอ, ถูกทุกเมื่อ...ไม่เบื่อที่จะเป็น “คนถูก” ซึ่งในทางตรงกันข้าม เค้าย่อมเห็นว่าคุณทำอะไรนิดอะไรหน่อยก็ผิดอยู่นั่น ผิดแล้วผิดอีก แถมยังย้ำด้วยว่าคุณเป็นฝ่ายผิด ขนาดถ้าเผื่อคุยกันเรื่องเฮฮาในหมู่เพื่อนฝูงอยู่ดีๆ เค้ายังสามารถบอกได้เลยว่า คุณพูดผิด...เพราะเค้าเห็นว่าคุณผิด (แล้วเค้าถูก) นี่แหละ คุณกะเค้าถึงเข้ากันไม่ได้ แต่เค้าสามารถหักหาญน้ำใจของคุณได้...แล้วงี้จะอโหสิหรือจำไว้เอาคืนดีฮ้า?

Saturday, January 10, 2009

ข้อดีของการผิดหวังในรัก

หากจะผิดหวังบ้าง ก็ไม่เห็นเป็นเรื่องเลวร้ายอะไร ถือเป็นเรื่องธรรมดาซะด้วยซ้ำ
ถ้ามองกันให้ลึกซึ้งละก็ การผิดหวังในรัก บ้างน่ะ เชื่อสิใครๆก็เคยเจอปรากฏการณ์ ปวดใจแบบนี้มาแล้วทั้งนั้น คงไม่มีใครสมหวังกับความรักไปซะทุกคนและทุกครั้งหรอก ฉะนั้น หากจะผิดหวังบ้างก็ไม่เห็นเป็นเรื่องเลวร้ายอะไร ถือเป็นเรื่องธรรมด๊าธรรมดาซะด้วยซ้ำ
แต่การผิดหวังในความรักบางครั้งก็มีข้อดีแฝงอยู่มั่ง เหมือนกันนะตัว เช่น....
1. ทำให้รู้ข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดของตัวเองไงยะ
ไม่ต้องสังเกตคงรู้ๆกันอยู่ว่า การเลิกรากะใครสักคน ส่วนมากย่อมเกิดจากคู่รักฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือทั้งสองคนเลยแหละ ดันมีพฤติกรรมบางอย่างที่ทำให้คู่รักอีกฝ่ายสะกิดใจขึ้นมาดิ่ว่า ชักไม่ชอบ, ไม่พอใจและอยากหนีไปไกลๆแล้วอ่ะ แถมความรู้สึกนี้มันเหลืออดแล้วด้วย เช่นเจ้าชู้ดีนัก จึงทำให้แฟนเกลียด แต่ตรงข้ามถ้าชอบซื้อของมาประเคนแฟน หยั่งงี้ไม่มีเกลียดหรอกจ้ะ มีแต่เลิฟสิไม่ว่า
ส่วนกรณีสะบั้นรักจากกันนี่ บางทีอยู่ๆกันไปแล้วเพิ่งรู้ว่าไม่ชอบการกระทำของแฟนอ่ะ และอาจเป็นความรู้สึกที่สะสมก็ ได้ใครจะไปรู้ แต่หากตอนเลิกรากัน เราเกิดรู้ ข้อบกพร่อง ของตัวเองเพราะแฟนเก่าสาธยายให้ฟังปาวๆ ต่อไปวันข้างหน้า เราจะได้ปรับ ปรุงตัวให้เป็นสวีตฮาร์ตที่ดีของคนรักคนต่อไปไม่ดีหรอกเรอะ นี่แน่ เค้าถึงว่า มีบท เรียนเป็นครูไงเล่า
2.ในทางตรงข้าม ก็ทำให้เราได้รู้ข้อดีที่ตัวเองมีเช่นกัน
เชอะ เชื่อมะว่า การแยกทางจากกันบางครั้งก็ใช่ว่าเราจะเป็นฝ่ายผิดซะเต็มประตูแต่เพียง ฝ่ายเดียวหรอกนะ ย่อมมีมั่งล่ะวะที่อีกฝ่ายหนึ่งก็มีสิ่งที่ชวนทำให้เราไม่ชอบเช่นกัน เช่น คนนึงขี้จุ๊ ส่วนอีกคนขี้เกียจ ไม่ยอมทำงานทำการ หากตรองดูแล้วก็เลวร้ายครือๆกัน ทว่าขณะที่เราขี้จุ๊ก็จริง แต่ก็เอาใจใส่และรักแฟน เป็นห่วงเป็นใยเค้าเสมอ ซึ่งตรงนี้เค้าอาจไม่เคยทำให้เรารู้สึกได้เหมือนกับที่เราทำให้เค้าก็ได้ จึงถือว่าเรายังมีข้อดีให้เก็บมาชื่นชมด้วยนะเฟ้ย...... คิดซะงี้จะได้สบายใจ แต่อย่าถึงกับเข้าข้างตัวเองแบบข้างๆคูๆ ประเภทไม่ได้ดีจริง แต่คิดว่าตัวเองดี เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าชอบโมเมเว้ยเฮ้ย
3.ได้ทบทวน ความเป็น “คนอย่างเราในอดีต” เพื่อรอรักรีเทิร์นในอนาคต
วันข้างหน้าแม้ไม่มีเค้าเป็นแฟนแล้ว ทีนี้ล่ะ คือช่วงเวลาที่เราจะปรับตัวและหัวใจ ให้โสภาสถาพรขึ้น ด้วยการละทิ้งความเฮงซวยในอดีตของตัวเองไปซะ แล้วค้นหาว่า คนใหม่ที่เราควรเป็นนั้นน่าจะมีคุณสมบัติยังไงมั่งน้า เอ้า ไม่แน่นะ บางทีพอเราเป็นนิววัน (คนใหม่) ขึ้นมา อาจเกิดกรณี “รักรีเทิร์น” ก็ได้ ลองคนเราไม่ได้เกลียดกันเข้าไส้ หรือไม่ถึงกับไม่อยากพบเจอะเจอกันอีกแล้วในชาตินี้ละก็ ย่อมมีโอกาสกลับมาเป็นมิตรกันอีกได้ แล้วการเป็นมิตรกับแฟนเก่าน่ะไม่ดีตรงไหนมิทราบฮ้า
4.ทำให้โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นไปอีกขั้น
คนที่เคยผ่านความรักและเคยรักคนอื่นมาแล้ว แม้หากผิดหวังหรือ ไม่สมรัก ก็แสดงว่า คุณเริ่มรู้แล้วไงว่า ความรักที่แท้จริงน่ะเป็นยังไง? เพราะบางทีการให้ความรัก อย่างเดียวก็ใช่ว่าจะทำให้การครองคู่ไปได้ตลอดรอดฝั่งนี่หว่า การเป็นแฟนกันยังมีปัจจัย อีกมากมายที่ต่างฝ่ายต่างต้องอาศัยการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นการให้อภัย, การทำเป็นลืมว่าเค้าไม่ดีตรงไหนบ้าง, การเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ หรือปิดตาข้างนึง เวลาเค้าต้องออกไปเฮฮาสังสรรค์กับเพื่อนๆ แล้วเกิดบ้าจี้อยากไปกะลิ้มกะเหลี่ยอีสาวพริตตี้ขึ้นมา ถ้าไม่เว่อร์ไปก็ปล่อยๆไปมั่งก็ได้ ถือซะว่า ปล่อยให้เค้าสนุกมั่งก็ช่างมันเถอะ ขืนวันไหนกลับมาตายรังแล้วจะเหยียบซ้ำ เอ้ย อ้าแขนรับ แหม ไม่โหดงั้นหรอก รับรองชอบสันติวิธี
5.ทำให้รู้ว่า พร้อมที่จะมีความรักอย่างจริงจังแล้วหรือยัง?
อ่ะ บางทีความไม่สมหวังในรักที่ผ่านมา อาจเกิดจากการที่ทั้งตัวเราและคู่ของเรา ไม่พร้อมที่จะรักกัน แต่สะเหล่อคิดว่าพร้อมหรือเปล่านะ? จึงตกลงปลงใจเป็นแฟนกัน ทั้งที่ไม่น่าจะเป็นแฟนได้ก็มี ยกตัวอย่าง คู่รักบางคู่ที่ยังไม่สามารถหางานทำมาเลี้ยงตัวเอง ได้เลยจึงต้องแบมือขอจากพ่อแม่ แต่ดันมีแฟนซะและ ซึ่งมีแฟนก็ต้องมีเงิน ดังนั้น เวลาพากันไปเที่ยวไหนๆ หรือไปปาร์ตี้ที่ใด ก็ต้องขอตังค์พ่อแม่ใช้ หากถูกพ่อแม่เอ็ดเอา ให้สำนึกล่ะ หรือพูดในสิ่งที่คุณรับไม่ได้จนเกิดไม่พอใจขึ้นมา “เจ้าคนมีรักเมื่อไม่พร้อม” ก็อาจประชดผู้ใหญ่ได้ สิ่งเหล่านี้มันบั่นทอนความรักของพวกคุณน่ะสิ ถ้าไม่พร้อมก็อย่ารีบ มีเลยแฟนเฟินน่ะ โดยเฉพาะถ้าไม่พร้อมด้านวุฒิภาวะด้วยแล้วจึงเกิดหึงโหด ได้ง่ายอ่ะดิ่
6. ทำให้รู้ว่า โลกนี้ยังมีคนอีกเยอะที่เราจะได้ทำความรู้จักต่อไปในอนาคต
ลองมองออกไปข้างนอกสิ เห็นมะยังมีผู้คนอีกเยอะแยะที่เราไม่รู้จัก ยังไม่เคยคบ ดังนั้น ถ้าพลาดรักครั้งนึงจึงไม่ได้หมาย ความว่าคุณพลาดทุกสิ่งทุกย่างในชีวิตนี่หว่า แต่อย่างว่า พอใจเราไปผูกพันกับใครสักคนแล้วก็มักแกะกันไม่ค่อยออก ยิ่งรักมากก็ยิ่งหวงมาก เฮ้อ...งั้นรักกันในทางสายกลางดีกว่านะฮ้า จะได้ไม่ชีช้ำมาก ทราบแล้วเปลี่ยน.

Monday, January 5, 2009

การทำบุญสะเดาะเคราะห์

คนไทยเรานั้นเชื่อถือเรื่องโชคลางและบาปกรรมกันมาเป็นเวลานานมาแล้ว ส่วนหนึ่งเชื่อกันว่าเมื่อเรามีเคราะห์หรือทุกข์ร้อนต่างๆ นาๆ วิธีหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาสิ่งเลวร้ายต่างๆ ให้ทุเลาเบาบางลงไปบ้าง ก็คือการไปทำบุญ เข้าวัดเข้าวา และที่ขาดไม่ได้สำหรับคนไทยในสมัยก่อนนั้นก็คือการสะเดาะเคราะห์ แต่การสะเดาะเคราะห์ดังกล่าวนี้ มีมากมายหลายอย่างที่เป็นสิ่งสืบทอดจนมาถึงปัจจุบัน บางครั้งเราเองก็เคยไปสะเดาะเคราะห์โดยการปล่อยสัตว์ต่างๆให้เป็นอิสระ แต่หลายคนอาจจะไม่เคยรู้ด้วยซ้ำไปว่าการกระทำดังกล่าวส่งผลแก่ตัวเราอย่างไร ในทำนองเดียวกัน ถ้าเราต้องการสะเดาะห์เคราะห์เพื่อผลบางอย่างเราจะต้องทำอย่างไร ลองอ่านบทความข้างล่างดู แล้วคุณจะทราบถึงเหตุผลที่คุณเองอาจจะไม่เคยทราบมาก่อนการทำบุญโดยปล่อยสัตว์ต่างๆ1. การปล่อยปลาไหล เป็นการทำบุญสะเดาะเคราะห์เพื่อให้การกระทำใดๆ หรืองานบางอย่างที่เรามุ่งหวัง ราบลื่น ลื่นไหลเหมือนดังชื่อของปลาไหล ไม่มีติดขัด และอุปสรรคใดๆขัดขวาง2.การปล่อยเต่า เป็นการทำบุญสะเดาะเคราะห์เพื่อให้ตนหรือใครบางคนที่เราอธิษฐานถึง มีอายุมั่นขวัญยืน หรือถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ก็ขอให้หายจากการเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นๆ3. การปล่อยหอยขม เป็นการทำบุญสะเดาะเคราะห์เพื่อขอให้ความทุกข์ ความขมขื่นที่เป็นอยู่ และเป็นเรื่องที่สร้างความกังวลใจให้กับตัวเองจง หมดไป หรือหายไปพร้อมกับหอยขมที่เราปล่อยไป4. การปล่อยนก เป็นการทำบุญสะเดาะเคราะห์เพื่อขอให้ตัวเราจงพ้นจากความทุกข์ที่ผูกพันอยู่ในชีวิต พ้นจากปัญหา หรือเคราะห์ร้ายใดๆ ที่เหนี่ยวรั้งจิตวิญญาณของคุณให้เป็นทุกข์ ไร้อิสระ การปล่อยนกเป็นเสมือนกับการขอให้ตนได้เริ่มชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม5. การปล่อยปลาทั่วๆไป เป็นการทำบุญสะเดาะเคราะห์เพื่อขอให้มีความสุขร่มเย็นในชีวิต ทุกข์ใดๆที่ทำให้เดือดเนื้อร้อนใจ ขอให้หมดสิ้นไป แต่โดยความเป็นจริงแล้ว ถ้าคุณทำบุญโดยการซื้อสัตว์อะไรมาปล่อยก็ตาม คุณก็จะได้ผลบุญหนุนนำให้ชีวิตรุ่งเรือง หมดเคราะห์หมดโศกอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าถ้าคุณมีเรื่องทุกข์ร้อน หรือปรารถนาถึงเรื่องใดเป็นพิเศษ ก็ลองทำตามความเชื่อที่มีมาแต่โบราณเหล่านี้ดู เพราะอย่างน้อยที่สุดก็สร้างความสบายใจให้เกิดขึ้นแก่ตัวคุณได้การทำบุญเพื่อสะเดาะเคราะห์แบบเฉพาะกิจการทำบุญเพื่อสะเดาะเคราะห์แบบเฉพาะกิจ หมายถึงการทำบุญเมื่อตัวคุณเองกระทำบาปบางอย่างขึ้นในอดิต แล้วต้องการจะสะเดาะเคราะห์เพื่อผ่อนทุกข์เหล่านั้นจากหนัก ให้ผ่อนคลายเบาบางลง ซึ่งความเชื่อเหล่านี้ถือเป็นความเชื่ออย่างหนึ่งที่คนโบราณถือปฏิบัติสืบต่อกันมาคนแท้งบุตร การทำแท้งเป็นสิ่งที่ถือว่าเป็นการทำบาปอย่างมหันต์ เชื่อกันว่าผู้ที่ไปทำแท้งมานั้นชีวิตจะตกต่ำย่ำแย่ มีแต่เรื่องทุกข์ร้อนหรือไม่ก็จะพบกับช่วงชีวิตที่ลำบาก ไม่อาจจะเจริญรุ่งเรืองได้สักที เหมือนกับจะมีอะไรคอยมาถ่วงอยู่ และจะล้มลุกคลุกคลานไปนานถึง 7 ปีทีเดียว แต่ก็มีความเชื่อกันอีกว่า คุณสามารถสะเดาะเคราะห์เรื่องราวดังกล่าวเพื่อให้ผ่อนคลายเบาบางลงไปได้บ้างโดยมีวิธีดังต่อไปนี้...
ไปซื้อปลาในตลาดสด แล้วนำไปปล่อยที่แม่น้ำ อย่าปล่อยในบึง คลองเล็ก จะกี่ตัวก็ตามแต่กำลังทรัพย์
ต้องปล่อยปลาให้ครบตามอายุของตน
ต้องนับจำนวนปลาแยกกับอีกฝ่ายหนึ่ง เช่นถ้าภรรยาอายุ 25 ปี สามีอายุ 30 ปี ก็แสดงว่าคุณทั้งคู่จะต้องปล่อยปลาทั้งสิ้น 55 ตัว คือฝ่ายหญิงปล่อย 25 ฝ่ายชายปล่อย 30
การทำบุญดังกล่าวไม่กำหนดระยะเวลา คุณจะทำให้เสร็จภายใน 1 เดือน 6 เดือนหรือ 1 ปี ก็ได้ ถ้าทำครบโดยเร็วก็จะหมดเคราะห์ได้เร็วเช่นกันคนทำร้ายผู้อื่นให้ตายหรือพิการสำหรับผู้ที่กระทำผิด โดยทำให้ผู้อื่นพิการ หรือตายโดยที่มิได้ตั้งใจ(รวมถึงสัตว์ต่างๆ) เช่นขับรถชนคนโดยไม่ได้เจตนา จนทำให้เขาผู้นั้นต้องพิการ หรือถึงกับเสียชีวิตก็ตาม การกระทำดังกล่าวถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจตนาก็ตาม แต่ก็จะมีผลทางบาปกรรมได้เช่นเดียวกัน การจะสลัดบาปเคราะห์เหล่านี้ หรือผ่อนหนักให้เป็นเบาได้นั้น คนโบราณมีความเชื่อให้กระทำดังนี้..
ไปไหว้พระ ให้ครบ 7 วัด และนำน้ำมนต์ของ วัดนั้นๆ มารดศีรษะ และอาบทั้งร่างกาย
เติมน้ำมันตะเกียงตามวัดต่างๆให้ครบ 7 วัด
ทำบุญปล่อยเต่า ให้ครบเท่าอายุของตน
ถือศีลกินเจอย่างน้อย 29 วัน สิ่งต่างๆที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเชื่อส่วนหนึ่งที่ ตกทอดกันมาแต่โบราณกาล ไม่มีใครสามารถจะยืนยันได้ถึงผลที่จะตามมาหลังจากที่คุณได้กระทำตามความเชื่อเหล่านี้แล้ว แต่อย่างหนึ่งที่คุณจะได้รับก็คือการกระทำที่เสริมสร้างกำลังใจให้เกิดขึ้นแก่ตัวคุณเอง เพื่อดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างมั่นคงในอนาคต

Saturday, January 3, 2009

สาวแบบไหนที่ผู้ชายอยากได้เป็นแฟน

ลองมองลึกเข้าไปในใจหนุ่มๆ ที่กำลังมองหาแฟนแบบที่อยากควงไปทุกที่อย่างภูมิใจ รักกันจริงรักกันนาน มาดูกันว่าสาวโชคดีเหล่านี้มีคุณสมบัติอะไรที่ผู้ชายมองหา
รู้ๆกันอยู่ว่า ผู้หญิงมีมากกว่าผู้ชาย แต่ไม่ใช่ว่าชายหนุ่มในวัยเดียวกับเราจะอยู่ในข่ายที่ใช้เป็นแฟนได้ทั้งหมด ประมาณว่ามีผู้หญิงเกือบ 40 คนต้องแย่งกันให้ผู้ชายแค่ 20 คนเลือกเป็นแฟน ความจริงที่ไม่สมดุลนี้ชวนปวดใจคุณสาวยุคนี้จริง ๆ เออ.. แล้วพวกผู้ชายเขามองหาอะไรจากสาวที่เขาเลือกเป็นแฟนล่ะ
1. เป็นตัวของตัวเองในทางที่ดี สาวเหล่านี้ ส่วนใหญ่มาจากครอบครัวฐานะดี เธอจึงเป็นผู้มีการศึกษาและความสามารถสูง แม้อยู่ในภาพแวดล้อมที่ดีอยู่แล้ว ก็ยังพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อชีวิตที่สมบูรณ์กว่าเดิมตลอดเวลา
2. ไม่เชื้อเชิญผู้ชาย พวกเธอไม่นิยมการอ่อย ไม่เชื่อการให้ท่า เธอเชื่อว่าหากผู้หญิงเป็นคนเริ่มชวนก่อน จะไม่มีวันรู้เลยว่าผู้ชายสนใจเธอจริง เธออาจเป็นเพียงของเล่นสำหรับเขาเท่านั้นก็ได้
3. เซ็กซี่พอน่ารัก หากอยากโปรยเสน่ห์ให้เขาบ้าง ก็เพียงใช้ท่าทางที่ดูไร้เดียงสา และไม่ต้องประเจิดประเจ้อ เช่นเอื้อมมือไปจับแขนเขาเบา ๆ สักครึ่งวินาที เป็นต้น
4. ไม่รีบร้อนมีเซ็กซ์ การชิงมีเพศสัมพันธ์กันทั้งที่เพิ่งเริ่มรู้จักกัน เป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของความสัมพันธ์ เพราะขณะที่มีเซ็กซ์ เพศหญิงจะปล่อยฮอร์โมนที่เรียกว่า อ็อกซีโทซิน (oxytocin)ซึ่งกระตุ้นความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของในตัวคู่นอนมากกว่าปกติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ชายขยาด ความสัมพันธ์จึงไม่ยืนยาวก็ด้วยเหตุนี้แหละ
5. แคร์กันบ้าง หยิบยื่นความรู้สึกดี ๆให้กัน ด้วยการกระทำและคำพูด เป็นความประทับใจไม่รู้ลืม ความดีเล็กๆน้อย ๆ ส่วนใหญ่ มาจากน้ำใจ ไม่ใช่น้ำเงิน
6. มีมารยาท ผู้หญิงเลือกผู้ชาย เพราะเขาเป็นคนดี มีมารยาท ผู้ชายก็เช่นกันชอบผู้หญิงที่มีความประพฤติดีงาม เป็นที่ชื่นชมของคนทั่วไป
7. ความรัก เมื่อความสัมพันธ์ดำเนินมาถึงจุดหนึ่ง หนุ่มสาวเข้าใจความรู้สึกที่มีให้กันมากขึ้น อบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้ และยอมรับตัวตนของอีกฝ่าย จนในที่สุดความคิดที่ว่า ความสุขของเขาสำคัญไม่น้อยกว่าความสุขของเธอ เมื่อนั้นชายหนุ่มก็จะได้รู้ว่า คนที่เขาค้นหาคือใคร.....
ฝึกไว้นะ สาว ๆ เวลาได้คบหนุ่มสักคนเป็นแฟน จะได้มีอย่างมั่นใจ ไม่ต้องกลัวใครมาแย่ง
คลิก Older Posts เพื่ออ่านหน้าต่อไป