ข้อมูลและรูปภาพเกี่ยวกับจังหวัดภูเก็ต

Sunday, November 30, 2008

กลูต้าไธโอน' ไม่ ช่วยผิวขาว


สาวอยากสวยอย่าให้เขาหลอก 'กลูต้าไธโอน' ไม่ ช่วยผิวขาว ในหมู่คนรักสวยรักงาม เป็นที่ทราบกันแบบอวดอ้างกล่าวขานกันต่อๆ มาว่า “กลูต้าไธโอน” เป็นสารที่ทำให้ผิวขาวผ่องเป็นที่นิยมกันมาก
แม้คุณหมอจะออกมาเตือนว่ามันไม่เป็นอย่างนั้น ถึงขั้นที่ อย.และแพทยสภาออกกฎข้อบังคับห้ามแพทย์นำมาฉีด เพราะเป็นการหลอกลวงผู้บริโภค แต่ ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครอยากฟัง กลับยิ่งแพร่ระบาดมากขึ้น
นายแพทย์ชลทิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย กล่าวให้ข้อคิดกับสาวที่อยากสวยว่า ขอให้ยึดหลักสำคัญว่าการฉีดสารหรือสิ่งต่างๆเข้าร่างกายนั้นมีหลักสำคัญข้อเดียวคือ นำเข้าสู่ร่างกายก็ต้องสามารถเอาออกได้ ถ้าเอาเข้าแล้วเอาออกไม่ได้ หรือไม่สลายตัวไปเองถือว่าไม่ปลอดภัยทั้งสิ้น เพราะเป็นสิ่งแปลกปลอม
ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดในเรื่อง “กลูต้าไธโอน” นั้น นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย บอกว่า เท่าที่ทราบมีการขายเกลื่อนตามเว็บไซต์ ราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงเป็นหมื่นบาท ที่น่ากลัวคือมีการแนะนำวิธีฉีดและอวดอ้างสรรพคุณจนทำให้คนที่อยากขาวเกิดความสนใจ และซื้อหาไปทดลองทั้งฉีดและกินเพื่อให้ ตัวขาว ก็ขอแจ้งให้ทราบว่าไม่เป็นความจริง
นายแพทย์ชลทิศ บอกว่า ความจริงแล้วปกติร่างกายจะสร้างกลูต้าไธโอนได้เอง จากสารอาหารธรรมชาติที่รับประทาน เข้าไป เช่น เนื้อสัตว์ ผักสีเขียว รวมทั้งสมุนไพรอย่างอบเชย เป็นต้น เนื่องจากมันมีหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ หรือสารพิษต่างๆ จากร่างกาย นอกจากนี้ ยังป้องกันความเสื่อมและเพิ่มภูมิต้านทานในร่างกายอีกด้วย
ถึงแม้การฉีดกลูต้าไธโอนจะไม่ส่งผลอันตรายโดยตรงกับร่างกาย แต่การใช้เข็มฉีดเข้าตัวเองกัน อย่างแพร่หลาย โดยไม่ระมัดระวังและคำนึงถึงสุขอนามัยแล้ว อาจทำให้เกิดการติดเชื้อและปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกนับไม่ถ้วน
นั่นก็เป็นคำกล่าวเตือนจากคุณหมอในแวดวงความสวยงามโดยตรง รู้แล้วก็อย่าปล่อยให้โดนหลอกต่อไปโดยไม่จำเป็น.

Saturday, November 29, 2008

นิสัยของแฟนน่ารักหรือน่าทิ้ง?

นิสัยของแฟนน่ารักหรือน่าทิ้ง?
นิสัยแบบนี้มีอยู่ในตัวของแฟนคุณบ้างไหม? เอ๊ะ หรือแม้แต่ตัวคุณเองล่ะ?
1. เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด โดยเฉพาะกับคนพิเศษ, คนรู้ใจ หรือแฟนเนี่ย เฮ่อ!ไม่รู้ทำมั้ยทำไมถึงได้เอาแต่ใจกันจัง สงสัยคงคิดมั้งว่าในเมื่อตัวเองเป็นแฟนนี่หว่า จึงอยากทำอะไรกะ “คนใกล้ชิดสนิทแนบ” ยังไงก็ได้ใช่ม้า แถมหากถูกขัดใจนะ “เป็นต้องงอนหรือมีปากเสียงทะเลาะกัน” ไปอีกนาน แล้วอย่าคิดนะว่า จะใจอ่อนง่ายๆ เพราะเค้าจะงอนตุ๊บป่อง จนกว่าจะได้สติ...เอ้ยจนกว่าจะอารมณ์ดี รู้ไว้เหอะ
2. ขี้หึงได้ทุกเวลาและทุกสถานการณ์ ถือว่ามี “ความสามารถรอบจัด” ในเรื่องการแสดงความหึงหวงว่างั้นเถอะ แถมบางคนนะ เป็นฝ่ายหึงได้แต่อย่าให้เห็นเชียวว่า แฟนของเค้าเหล่ตาตามหึงตูละกัน เพราะคิดว่าเรื่องพรรค์นี้ เค้าเท่านั้นที่มีสิทธิ์ทำได้...มีงี้ด้วยเรอะ
3. ปากเค้างี้ขยัน เพ้อพูดคำหวานเจี๊ยบ และ บอกบ่อยเหลือเกินว่ารักอย่างโง้น อย่างงี้ แต่เท่าที่คุณสังเกต คำพูดแบบนี้ก็เป็นเพียงลมปากที่เค้าชอบพูดให้คุณตายใจ เวลาที่เค้าต้องการขอให้คุณทำอะไรให้เค้าน่ะเซ่! โธ่ นึกว่าไม่รู้รึ
4. หรือ ปากพร่ำโม้อยู่ได้ว่า รัก อย่างโง้น หยั่งงี้ แต่ที่ แท้ มัวเอาเวลาว่างหรือเวลาที่เค้าขลุกอยู่กะเพื่อนๆ แอบจีบคนอื่นเป็นประจำ
เจ้าตัวดีบางรายมีงี้ด้วย คือจีบเปิดเผยให้แฟนเห็นต่อหน้าต่อตา ไม่ได้ยำเกรงหรือคำนึงถึงความรู้สึกของ “แฟนตัวจริง” เล้ย แล้วหลังจากนั้นก็จะแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ตลอดเวลาว่า จีบเล่นๆ หรือเข้าไปกระแซะงั้นแหละ อ่ะงั้นอย่าลืมดีดกะโหลกเค้ากลับ หากเค้าพูดเรื่อยเปื่อยไม่คำนึงถึงใจเค้าใจเรา ด้วยการลองจีบใครเล่นๆเพื่อความหนุกหนานมั่งก็ได้ แล้วตู่ว่า ถ้าชีวิตมีความสุขจะได้อายุยืน ดูดิเค้าจะเป็นไง
5. แฟนของคุณชอบให้คนอื่นแตะอั๋ง บ้างปะ?
เอ้า มีนะ แฟนใครก็ไม่รู้ ชอบอ่อยเหยื่อให้ใครๆ เข้ามาลวนลามเล็กๆ น้อยๆ เสมอ...ไม่ทราบเค้าเป็นบ้าอะไรของเค้า คงชอบโดน “ฝีมือการคลำนู่นคลำนี่” ของคนอื่น นอกจาก “ฝีมือของแฟน” ละซี แต่ยังดีนะ ถ้า...ปล่อยให้ (คนอื่น) แตะอั๋งนิดๆ เพราะขืนแฟนคุณชอบโดนปู้ยี่ปู้ยำมากกว่านี้ ตูว่าอย่าเป็นแฟนกันเลยวะ โถแสดงว่า อาการเค้าชักไม่ สมประกอบน่ะสิ เผลอๆ เพิ่งรู้ทีหลังว่า เป็นพวกชอบโชว์ออฟกับทุกคน แล้วคุณยอมจะยอมรื้อ
6. เวลาอยากเจอแฟน เค้าเป็นต้องโทร.หาจิกคุณให้รีบมาบริการอย่างทันทีทันใด เพราะตอนนั้นเค้า (need) ปรารถนาแฟนให้มาอยู่เป็นเพื่อน, มาพูดคุยด้วย หรือไปเป็นเพื่อนซื้อของด้วยกัน ไม่งั้นมาเป็น กรรมกรช่วยกันยกของก็ได้ ถ้าไม่รีบเผ่นไปเจอเค้าละก็ โอ้ย เป็นตายหยั่งเขียดแหงๆ แต่ดีนะที่เค้ายังต้อง การแฟนอยู่ หากต้องการ “คนอื่น” และไม่ถามหาแฟนละก็ ฮี่ ฮี่ ฮี่ วันนั้นคงเป็นสัญญาณว่า เริ่ม “รักร้าว” แล้วเฟ้ย
7. บ้านางแบบ, นายแบบ รึไม่งั้น ก็เห็นดารา, นักร้อง เป็นไม่ได้ เล่นจ้องเขม็งมองไม่กะพริบตา...งั้นเลย! โถ...ก็คนเหล่านี้น่ามองจะตาย แล้วจะไม่ให้แควนของคุณหันไปมองพวกเขาอย่างสนใจได้ไง แม้แต่ตัวคุณเองหากเจอดาราสุดโปรดก็คงเข้าไปกรี๊ดใส่ด้วยใช่ม้า? หากแค่สนใจดาวดังก็ยังโอเคนะ แต่ถ้าเค้ารู้สึก “มันเขี้ยว” หรือ “อยากขยุ้มขย้ำ” พวกนี้ด้วย เห็นทีคนเป็นแฟนต้องพิจารณาเค้าใหม่แล้วว่าจะคบกันต่อไปดีมะ เดี๋ยวเกิดเค้ามั่วอยากขยายกิจกามไปขย้ำคนอื่นที่ไม่ใช่คนดังดารานางและนางแบบ แต่เป็น “คนหน้าเหมือนคนเด่นคนดัง” เข้าล่ะ เอิงเอย...ไม่เสียใจเรอะจ๊ะ เออแต่มีบางคนอยากให้แฟนไปสนใจคนอื่นเหมือนกันแฮะ เพราะขืนปล่อยให้แฟนมาเกาะแกะตัวเองมาก เดี๋ยวจะเสียตังค์มาก เพราะไอ้แฟนดันเป็นมารช่างไถเหลือเกินนี่หว่า จึงอยากไล่ไปซะไกลๆ มีนะไม่ใช่บ่มี
8. ชอบใจลอยบ๊อยบ่อย ไม่รู้ลอยไปถึงไหนบ้างมะ?
พวกชอบใจลอยเคว้งคว้างน่ะ ต้องมีอะไรในใจแหงเลย ไม่งั้นสติต้องอยู่กับเนื้อกับตัวสิ จะปล่อยให้ใจลอยไปลอยมาได้ไง แถมอาการใจลอยมักทำให้ใจเค้าไม่อยู่กับแฟนด้วยดิ่ ใจว่อนหายไปไหนอยากรู้จัง? หากใจเค้าไม่อยู่ใกล้ๆ แฟนก็มีโอกาสนอกใจ นอกกายเร็วขึ้นเท่านั้น...ฮ้า แต่ไม่น่าที่ใจลอยเพราะกำลังคิดว่าจะซื้ออะไรเป็นของขวัญปีใหม่ให้คุณดีมากกว่า... ก็ขอให้เป็นงั้นจริงๆเหอะว้า
9. เมื่อไหร่เจอเพื่อน (ของตัวเอง) ละก็ เป็นลืมเทกแคร์แฟนไปเลย
ในทางกลับกัน แฟนของเค้านั่นแหละที่ต้องกลายเป็นฝ่ายเอาอกเอาใจ ในช่วงเวลาที่เค้ากำลังหรรษาเฮฮาหัวเราะร่าแบบนี้ ซึ่งหากนานๆ เป็นทีก็หยวนๆได้ (กัดฟันพูด) ทว่าขืนทำตัวเฮฮากะเพื่อนๆแบบนี้ทุกวัน ซ้ำเป็นเพื่อนเค้าฝ่ายเดียว ไม่มีเพื่อนคุณด้วย แล้วคุณจะทำไงดีน้า? แหมชักอยากรู้ซะแล้วซี จะแจกหมัด, เตะผ่าหมาก, ตบเปรี้ยงหรือปล่อยเค้าไปตามทางเวลาอยู่กะเพื่อนๆก็ว่ามา
10. ชอบฟื้นฝอยหาตะเข็บเป็นประจำทุกทีเรอะป่าว?
แบบเวลาทะเลาะกันทีไร ซัดกันแค่เรื่องที่กำลังเป็นปัญหาปัจจุบันไม่พอ จะยกเรื่องที่โกรธกันเมื่อปีมะโว้, ปีก่อนหรือเมื่อไม่นานมานี้ มาขึ้นเสียงกะคุณด้วย คงอยากให้คู่ของตัวแตกแยกกันมากขึ้นมั้ง หรือเอ๊ะต้องการบอกว่า ถึงยังไงเค้าก็เป็นคนดีกว่าคุณหลายร้อยเท่ากันแน่? อู้หู คุณก็อย่าลืมคุยฟุ้งความเป็นเยี่ยมของตัวเองมั่งสิ อย่างน้อยความเลิศเลอเพอร์เฟกต์ของคุณก็ต้องมีบ้าง เอ๊ะหรือหาไม่ได้เช่นกัน? ไอ้หยา! หากเป็นงี้ คงต้องรีบสร้างสมความประเสริฐเลิศสะแมนแตนให้ตัวเองซะซีฮ้า.

Monday, November 24, 2008

ชะลอผมหงอก

1. รับประทานถั่วลิสงอบเนยรวมกับเกล็ดขนมปังที่อบมาร้อน ๆ ก่อนมื้ออาหารถั่วลิสงมีวิตามินบี ที่สามารถหยุดการเปลี่ยนสีผมให้เป็นสีดอกเลาได้ และยังทำให้ผิวหนังดูดีขึ้นอีกด้วย
2. กิน Zinc วันละ 2 เม็ด ควบคู่กับใช้โทนิค บำรุงรากผม
3. ก่อนสระผม ใช้น้ำมันมะกอก(ที่สำหรับใส่ผม) โชลมผมให้ทั่วทิ้งไว้ซัก 20-30 นาที หรือจนกว่าจะแห้ง แล้วค่อยสระผม

Saturday, November 22, 2008

ชายปากว่า ตาขยิบเป็นไง?

หลังจากเม้าท์ฝ่ายหญิงว่า “ปากอย่าง ใจอย่าง” แล้ว ถ้าให้ยุติธรรม คราวนี้จึงถึงเวลาแฉความประพฤติ “ปากว่า ตาขยิบ” ของฝ่ายชาย ได้แล้วสินะ ไม่งั้นเดี๋ยวคุณชายทั้งหลายจะน้อยใจเอาว่าทำไมไม่เขียนถึงพวกเค้ามั่ง โอ้ย! เรื่องอย่างนี้ จะพลาดได้เรอะ ใครๆก็หูผึ่งรออยู่แล้ว
แต่ก่อนร่ายยาว ขอบอกก่อนตามธรรมเนียมอันน่ารัก (ของผู้เขียน ขอย้ำว่าคนเขียนน่ารัก 555) ว่า อาการปากกะใจไม่ตรงกันที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ ไม่ได้ชวนให้ใครตบตีกัน (เพราะต่อให้จะตบหรือจะกระทืบกัน ไม่เห็นต้องอ่านอะไรก็ลงมือกันแระ) อีกอย่าง ไม่หนับหนุนให้ใครจับผิดใคร, ไม่ใช่หนุ่มทุกคนที่ทำหยั่งงี้ (แต่อาจทำยิ่งกว่านี้....อ้าวเฮ้ย!) แล้วนี่ก็เป็นเรื่องของความสัมพันธ์แบบรักใคร่กลมเกลียว ไปจนแค่รัก, แค่ชอบ หรือไม่รักไม่ชอบ หรือชอบๆรักๆ ก็แล้วแต่จะนิยามกันไป ได้แก่ แต่น แต้น..... 1.หากหนุ่มคิดจะจีบใครสักคน (ไม่ขอระบุว่าเป็นหญิง, ชาย หรือเพศที่เท่าไหร่ละกัน เชิญจีบไปเหอะ ยังไงงานนี้ไม่กีดกันความเลิฟอยู่แล้ว) และพูดว่า “เอ้...ผมเคยเจอคุณที่ไหนมาก่อนน้า?” เฮ้อ ทนไม่ไหวขอแซวหน่อยเถอะว่า “ขี้ตู่” จังเยย แต่ถ้าน่ารักจะหุบปาก ไม่แซวอะไรทั้งสิ้น แถมจะไฟเขียวเปิดทางให้ผ่านตลอดด้วยซ้ำ
ดังนั้น ในเมื่อเค้าอยากตีสนิทและหว่านเสน่ห์ แล้วคุณก๊อ ประสงค์อยาก “เล่นด้วย”...ก็เล่นไปซี ขออวยพรให้สนุกและขอให้เค้ามีเสน่ห์จนชวนหลงใหลได้ปลื้มกันจริงๆเถิ้ด...เพี้ยง!
ส่วนหมายความที่เค้าพูดว่าเคยเจอคุณที่ไหนมาก่อนน่ะเรอะ คือ อยากรู้จักคุณไง จึงแต่งเรื่อง ไปงั้น เอ้า....ใช้วิธีตอแหลไปวันๆ เดี๋ยวก็มีแฟนเอง....ไม่เชื่อลองดูเดะ อีกอย่าง การทักขึ้นมาแบบนี้เพื่อให้อีกฝ่ายยอมพูดด้วยได้ผลนะ
กระนั้น หากเค้าเกิดรู้จัก “คนที่อยากจีบ” มาก่อนจริงๆ ไม่ได้ตู่หรือแต่งเรื่อง ก็ไม่ถือว่าโกหกตลบตะแลง แต่อาจหวังผลพลอยได้ที่จะยิ้มกะคุณ หรือได้รู้จักอย่างเป็นทางการสักทีอ่ะดิ่
2.ถ้าหนุ่มกับ “คนที่เค้าพาไปทานข้าว” ด้วยรู้จักกัน ทว่าพอกินกันอิ่มหนำสำราญบานตะไท เค้าดันพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวผมจ่ายเองนะครับ แม้วันนี้ ไม่ได้พกตังค์มามาก แต่ผมจ่ายได้”...ถ้าจ่ายได้ แล้วพูดทำไมเนี่ย?
ฟามหมายที่เค้านึกอยู่ในใจนะเหรอ หนีไม่พ้น-ตูอุตส่าห์บอกแล้วนะเฟ้ย ว่าพกเงินมานิดเดียว แล้ว (อีกฝ่าย) ยังทำเป็นเฉยอีกเหรอ? ช่วยกันออกมั่งสิ-
อย่างว่าล่ะ ถ้าเค้า “เบี้ยน้อย หอยน้อย” ก็ควรเอาใจช่วย ถ้า “ใครเกิดมาแล้วรวยเลย” เรื่องไรสนล่ะว่าจะจ่ายเท่าไหร่ล่ะ....เพียงแต่ไม่น่าพูดเรื่องเงินทองของนอกกายแนวนี้เพราะ ใครๆก็อยากกินอิ่ม ตังค์อยู่ครบ กันทั้งนั้น ยิ่งพูดให้เสียเครดิตตัวเองนี่ กรรมหรือกำกันแน่หว่า?
3.ถ้าเค้าเอ่ยชมอีกฝ่ายว่า “คุณเป็นคนดีจัง” หรือ “ผมไม่เคยเจอคนดีๆอย่างนี้มาก่อนเลย”
แปลง่ายๆ ได้ว่า คุณจะไม่ได้เห็นผมอีกต่อไป น่ะซี เพราะอะไร? ก็เพราะ ถ้า “คนที่เค้าจีบ” ขืนดีเกินไป เค้าก็ไม่อยากจีบให้เสียเวลา (กรณีที่ อีตาคนนี้ไม่ใช่คนดีและไม่ จริงใจนะน้อง) แต่ หากเค้าเป็น คนคิดอยากสร้างครอบครัว อยากลงหลักปักฐานอย่างเป็นเรื่องเป็นราวละก็ จะไม่คิดทำนองนี้ แต่จะกลับตาลปัตร กันเลย เพราะอยากได้สาวที่ดีมาเป็นแม่ศรีเรือน
ส่วนหนุ่มที่ปล่อยสาวดี๊ดี ให้หลุดมือไปน่ะ เป็นพวกชอบ “ฟันแล้วทิ้ง” ไงจ๊ะ แค่อยากสีกายกันเล่นๆ เออเผลอๆ เค้าอาจมีเมียแล้วด้วยซ้ำ
4.หากรู้จักกันไม่เท่าไหร่ แล้วทันใดนั้นเค้าก็หลุดปากว่า “ผมรักคุณ” เชียวรึวะ
แสดงว่าจุดประสงค์ที่เค้าพูดเนี่ย ถ้าเค้าเป็นคนสัปดนปนติดเซ็กซ์จนขึ้นสมอง ก็แปลได้ว่า “ผมอยากเลื้อยบนตัวคุณไงล่ะ....แล้วน้องยังทำเป็นเล่นตัวอยู่ได้”--ต๊าย ตาย นี่ถ้าไม่ (เป็นคน) เลว คิดแบบนี้ไม่เป็น นะเนี่ย
แต่ไปต่อว่าเค้าก็ไม่ได้ เพราะรู้ๆอยู่ว่าหนุ่มๆน่ะ มีฮอร์โมนพลุ่งพล่านด้านนี้มากกว่าสาวๆหลายเท่า ส่วนสาวบางคนก็อยากให้สามีรักรุ่งพุ่งแรงใช่ม้า อิอิ
5.ถ้าเค้าอยากรู้ว่า “คนที่เค้าจีบ” มีแฟน มาแล้วกี่คน? คำถามเนี้ย แฟนใคร, ใครก็อยากรู้ทั้งนั้น รึไม่จริง
ส่วนความหมายน่ะเรอะ เค้าไม่อยากรู้หรอกว่า คุณมีแฟนมาแล้วกี่คน (แต่ถ้าตอบก็ดี) เพราะสิ่งที่อยากรู้มากกว่านั้น คือ เค้าเป็นคนที่ยอดเยี่ยม ขนาดเป็น--ซุปเปอร์แฟนของคุณ--รึเปล่านะเซ่ แต่เอ๊ะ เค้าอยากรู้ต่อรึเปล่า ว่า ซุปเปอร์แฟนนั้น เป็นกันได้ยังไง?
อย่า บอกนะเฟ้ยว่า อยากรู้แค่ว่า ข้าเจ๋งกว่าคนอื่นเท่านั้น! และไม่อยากรู้ต่อว่า ทำไงถึงเจ๋งกว่าคนอื่น? โอ้โฮเฮะ หยั่งงี้ ควรแสดงความเลิศเลอเพอร์เฟกต์ของเค้าออกจริงๆดิ่ ไม่ใช่อยากได้รับคำชมอย่างเดียวเข้าใจ๋ พอหลังจากที่เค้าได้ป้ายเป็น “ซุปเปอร์ แฟน” ของจริงแล้ว เดี๋ยวอีกฝ่ายก็กระหน่ำชมเค้าทั้งวันทั้งคืนเองแหละ เอ๊ะ หรือจะให้ชมกันรวดเดียว 7 วัน 7 คืนดี?
6.หากเค้าพูดว่า “อยากใช้เวลาอยู่กับคุณนานๆ” ฟังแล้วโรแมนติกจัง
นี่ถือเป็นความจริงใจมากที่สุดที่เค้าอยากบอกกับ “คนที่เค้าหมายปอง” ว่า ผมรักคุณเข้าแล้วไงล้า และเค้าหวังด้วยว่า จะได้รับรักตอบจากคุณ ซึ่งหากรักเค้า ก็เซย์เยสไปได้เลย แต่ไม่ใช่ อยู่ๆก็พูดขึ้นว่า เยส (ใช่)ๆ นะ ควรพูดให้งามกว่านี้ดิ่ ว่า ชั้นก็อยากตื่นขึ้นมาเจอหน้าคุณทุกเช้าเหมือนกันละค่ะ ให้หวานกันไปก่อน! ส่วนหนุ่มก็อย่าทำให้หล่อนเสียใจภายหลังละกันนะฮ้า...เฮ้อ นึกแล้วเชียวว่าต้องลงท้าย “เป็นลาง....” อะไรก็เติมกันเอง...อีกแย้ว

Saturday, November 15, 2008

กิ๊กแบบไหน ชวนให้ใจสั่น

ในเมื่อโลกเบี้ยวๆ ใบนี้มีหมู่มวลมนุษย์อาศัยกันอยู่ยั้วเยี้ย ซึ่งล้วนมาจากต่างที่, ต่างถิ่น ต่างครอบครัว แถมยังได้รับความรักจากพ่อแม่ไม่ซ้ำกันซะด้วย ดังนั้น คนธรรมดาสามัญที่ไม่ได้ฟู่ฟ่า, คาบช้อนทองฝังเพชรมาแต่เกิด จึงมีไลฟ์สไตล์และโลกส่วนตัวแตกต่างกันสินะ
บางท่านกินก๋วยเตี๋ยว, หลายคนทานข้าว หรือโซ้ยข้าวเหนียวไปนู่น แต่...ตาวิเศษเห็นนะว่า แม้อย่างอื่นชอบไม่เหมือนกัน แต่มีสิ่งนึงที่ดันชอบเหมือนกันเป็นพิเศษแฮะ...ก็ตอนตั้งวงกินส้มตำ นั่นไง แหมเห็นมีปาร์ตี้ส้มตำผุดเป็นดอกเห็ด...ดีใจก็กินส้มตำ, ไม่มีตังค์ก็กินส้มตำ หรือเพื่อนในกลุ่มโกรธกันก็เอาส้มตำมาล่อ.....แต่แม้ส้มตำเป็นของฮิต หากร้านไหนทำไม่อร่อยก็แย่หน่อยนะ
ที่เกริ่นเนี้ย แค่อยากฝอยเรื่อง เมื่อถึงเวลาที่คุณผู้อ่านสมควรมีแฟน เพราะหัวใจวัยรุ่นมันเรียกร้อง คุณควรช็อปปิ้งลองคบกับผู้คนหลายๆสไตล์ก่อนไหม แล้วค่อยพิจารณาคอนเฟิร์มเลือกใครที่เหมาะกับคุณก็ว่ากันไป เพราะคนที่ผ่านมาให้คุณสนใจได้น่ะมีอยู่ไม่กี่สไตล์หรอก
1. คนกะล่อน ต้องเอาไปร่อนตะแกรงซะหน่อยมะ
หากควง “คนกะล่อน” บางทีตอนแรก “คุณผู้ใสซื่อ” อาจไม่รู้ก็ได้ว่า รายนี้น่ะสุดแสบขนาดไหน? แต่ถ้าใครผ่านการมีแฟนกะล่อนมาแล้ว และอยากช่วยสง-เคราะห์เพื่อนร่วมโลกคนอื่นๆให้รู้พฤติกรรมของเค้าละก็ เรียนเชิญเขียนเป็นจดหมายมาอธิบายได้ที่คอลัมน์นี้ฮ่ะ เพราะหนูจ๊ะ บนหน้าผากมนุษย์ไม่ได้ระบุเอาไว้อย่างอัตโนมัตินี่หว่าว่าตัวตน ที่แท้ของแต่ละคนเป็นไงนี่ใช่มะ เหตุนี้การเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่น จึงช่วยให้พวกเรา “ผู้มีจิตใจเป็นสีขาว” จะได้หูตาสว่างไสวไงตัว! แต่ไหนๆก็เขียนถึงคนอย่างนี้แล้ว จึงอยากสะเออะอธิบายคนกะล่อนให้ฟังพอสังเขปละกัน คนกะล่อนน่ะเป็นพวกรู้จักเอาอก เอาใจคนอื่น, พูดอะไรก็ระรื่นหูน่าฟัง ดังนั้น เวลาอยู่กับพวกนี้ โอ้โห....คุณจะได้รับการปรนนิบัติสารพัดสารเพ
แต่หากวันไหน (ลมเพลมพัด) อารมณ์เค้า ไม่อยู่กะร่องกะรอย ราวๆขี้เกียจเอาใจแล้วนะโว้ย เพราะหมายตาคนใหม่ไว้ เค้าก็จะไม่แยแสคุณอีก... ตะแล้นๆ เจ็บไม่เจ็บ? หากอยากลองสักตั้งก็เชิญ...
กระนั้น คนกะล่อนก็ไม่ได้ร้ายกาจเกินไปนัก เพราะหากกะล่อนแล้วไม่ข้ามเส้น (มาทำเลวกะเรา) ก็ช่างเหอะ คุณยังพอคบค้าสมาคมไปไหนมาไหนด้วยกันได้
2. คนปากแข็ง หรือชอบต่อต้านสังคม
เริ่มจากคนปากแข็งก่อน พวกนี้บางทีใจน่ะรักแฟนนะ แต่ลิ้นดันแข็งไม่ยอมกระดิกพูดตามที่ใจปรารถนา แฮะ พวกนี้จึงดูเหมือนไม่สนใจใคร! ถามว่า คนปากแข็งคือพวกปากกับใจไม่ตรงกันรึเปล่า? วิสัชนาคำตอบมีทั้งใช่และไม่ใช่ หาก “ใช่” คงไม่ต้องอธิบายให้ยืดยาวนะ เพราะถ้าปากกับใจไม่ตรงกันคงรู้ๆกันอยู่แล้ว แต่ พวกปากแข็งที่ไม่ใช่ ปากกะใจไม่ตรงกันนี่สิ
พวกนี้ไม่มีทางยอมรับอะไรเลย เพราะปากแข็งจัดไง เช่น ถ้าชอบคนที่คบด้วย ก็ไม่มีทางบอกให้คนนั้นรู้ว่า ชอบนะ หรืออยากคุยด้วยนานๆ เพราะมัวทำเก๊กอยู่นั่น
ส่วนพวกต่อต้านสังคม ชื่อก็บอกว่าต่อต้านรูปแบบธรรมชาติหรือแม้แต่กฎเกณฑ์ของสังคม เพราะงั้นขืนคุณ 2 คนคุยกันเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ถ้าเป็นคนแบบเดียวกันก็คุยได้นาน แต่หากมีแนวทางคนละอย่าง ขืนคุยไปก็เปลืองน้ำลาย
แต่รู้น่าทั้งหญิงและชายบางคนอยาก “ลองของ” รู้จักมักจี่กะคนประเภทนี้ เพราะคบกับคนแบบนี้ท้าทายดีใช่มะ แถมยังทวนกระแสสังคมอีกด้วย เอ๊ะ งี้แสดงว่า คบเพราะอยากเท่ด้วยป่าว? แต่อย่าลืมล่ะว่า พวกหัวต่อต้านเนี้ย มีทั้งแบบดาวรุ่งกับดาวร่วงนะยะ
3. ชาวต่างชาติ ก็คนที่ชอบชาวต่างชาติ ขนาดหมายมั่นปั้นมืออยากเป็นเพื่อน...แล้วต่อด้วยแฟน...แถม ล่อให้เค้าวิวาห์ด้วยยิ่งดีน่ะสิ....ฮ้า!
แต่จะมีฝรั่งกี่คนว้าที่จะหมูขนาดนั้น แถมการชอบพอกับชาวต่างชาติก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป เพราะเป็นเรื่องของใจใครใจมันต่างหาก ทำไมจะคบเป็นเพื่อนหรือเป็นแฟนไม่ได้! เชอะเดี๋ยวนี้โลกเปิดกว้างจะตาย คนอยู่มุมโลกไหนก็สามารถคุยกับคนที่อยู่อีกซีกโลกนึงได้สบายบรื๋อ ด้วยการใช้อีเมล์เอย, เขียนบล็อกเอย, เล่นไฮ 5 และอะไรต่อมิอะไรที่มีออกมาใหม่ๆ อีกเพียบ
ทว่า ใจคอของคนที่คุณพบในนั้นน่ะ จะดีเลวอย่างไร? ต้องตั้งสติให้ดีๆ ไม่ใช่เห่อฝรั่งซะจนแค่มันเขียนมาพูดคุยหวานๆ ด้วย ก็อยากมอบกาย และใจให้เค้าซะ และหยั่งงี้ ต้องนัดมาดูตัวแล้วให้ สมาชิกในครอบครัวของคุณกลั่นกรองอีกทีดีกว่ามั้ง
4. นักขี่ลา เอ๊ย นักกีฬา ใครเป็นนักกีฬาย่อมได้เปรียบคนอื่นอยู่หลายช่วงตัวในเรื่องหาแฟนอยู่แร้น สังเกตดิ่ สมัยเรียนหนังสือ โห ใครๆ ก็หมายปองอยากมีเพื่อนเป็นนักกีฬาของโรงเรียนหรือของมหาวิทยาลัยทั้งนั้นเลย ยิ่งคว้าเป็นแฟนได้หรือมีนักกีฬามาจีบ ก็มีน้อยคนที่จะสะบัดสะบิ้งบอกปัด...ไม่เล่นด้วย แต่ดีหน่อยไม่ใช่ทุกคนที่ฝันเคลิ้มอยากตีซี้กับนักกีฬา
เอ้า ขืนทะเล่อทะล้าไปเอี่ยวกะนักกีฬาขวัญใจ “ใครก็ไม่รู้เข้า” ระวังจะเจ็บกระดองใจน้อ
5. คนที่อายุน้อยกว่า อ่ะฮ้า ต้องมีใครคิดอยู่ในใจแน่ๆ ว่า กลุ่มนี้เป็นพวกกินเด็ก โถ.... จะกินเด็ก หรือกินผู้ใหญ่ มันก็ “เคี้ยวกันกรุบกรอบ” เอ๊ย กินเหมือนกันแหละ ว่าแต่เด็กหรือผู้ใหญ่นั่นน่ะ เค้ายอมคบหรือยอมมีใจกับคุณด้วยไหมล่ะ อย่าฝืนใจกันเข้าล่ะ! เอ๊...แล้วคุณผู้อ่านล่ะ ตกกระไดพลอยโจนมีแฟนเป็นคนประเภทไหนแล้วฮ้า.

Sunday, November 9, 2008

ถ้าเพื่อนร้าวรัก คุณช่วยได้มะ?

ถ้าท่านผู้อ่านมีเพื่อน....(ซึ่งแหงสิ ใครๆย่อมมีเพื่อนทั้งนั้นล่ะฟะ หากไม่มีดิ่เดี๋ยวหาว่าแปลกอีก) แต่บังเอิ๊ญ เพื่อนของพวกคุณเกิดปิ๊งรักใส่กันและกันขึ้นมา.....คือที่เขียนเนี้ยะ เพราะ “ตาร้อนผ่าว” คิดในใจอย่างชั่วร้ายแบบดังๆว่ารักกันไปได้ไง...ทำไมไม่มารักเราอะไรเงี้ยะ! แต่เอาเป็นว่า มีเพื่อนของคุณตกหลุมรักกะอีกคนละกัน ทว่า เลิฟ สตอรี่กันแล้ว เวลาต่อมาทั้งคู่ดันเกิดอยาก “เลิกคบ” กันขึ้นมานี่สิ คุณผู้อ่านเคยอยู่ท่ามกลางระหว่างรักอลวนชวนอลเวงอย่างงี้มะ?
เพราะจู่ๆวันนึงพวกเค้าก็มีปากเสียงทะเลาะ กัน...ไม่ว่าจะทะเลาะกันแบบค่อยๆ หรือตบตีกันเสียงดัง และสุดท้ายทั้งคู่อยากเลิกกัน หมายถึงบ๊ายบายตีจากกันอย่างจริงจัง มิใช่ “เลิกผ้าเข้าหากันใหม่” แล้วคุณล่ะจะทำไงดี? เพราะนี่ก็เพื่อน, ส่วนคนโน้นก็เพื่อน (ถ้าสมมติว่าเป็นเพื่อนกะทั้งสองฝ่ายนะ) โอ๊ย....พวกเราในฐานะเพื่อนคงปวดกบาลเป็นที่สุด
สังเกตดิ่ เวลาเพื่อนของพวกเรารักกัน บรรยากาศอะไรๆมันก็ดีอยู่หรอก ทำให้พวกเราเฮไหน, เฮนั่นไปด้วยกันสนุกอย่างเดียว แต่พอพวกเค้าเริ่มเลิฟ... รักไม่อยู่กะร่องกะรอยเหมือนเก่าสิ โอ้โหไอ้เพื่อนคู่เนี้ยะ กลับทำให้เพื่อนๆที่อยู่รอบข้างพวกเค้าแตกกระเจิง ไปคนละทิศละทางไหนเชียวว่ะ! แล้วในฐานะเพื่อน “ยามยากบวกโคตรดีอย่างพวกเรา” จะทำไงดี?
1. ถ้าหากเพื่อน 1 ในคู่ “รักร้าว” นั้น โทรศัพท์มาปรับทุกข์เรื่องนี้ด้วย กรุณารับ ฟังเค้ากันนะ อย่าเพิ่งไปสอดแทรกความเห็นส่วนตัวของตัวเองเข้าไปล่ะ
อีกอย่างเวลาเพื่อนคุยเรื่องนี้ ก็อย่า “อิน” จัด คิดว่าเป็นชีวิตของตัวคุณเองเข้าล่ะ เฮ้อ...เคยมีประสบการณ์รักๆเลิกๆมาก่อนก็งี้ล่ะ อารมณ์ชักพาไปง่ายตายชัก
ดังนั้น พอเพื่อนยกเรื่องนี้มาปรึกษาเข้าหน่อย จึงอาจเผลอขุดเอาประวัติศาสตร์ทางอารมณ์และจิตใจของตัวเองใส่เข้าไป...ซึ่ง เอ่อหากเผลอนิดนึงก็ไม่เป็นไร แต่หากเผลอ “พูดเข้าเนื้อตัวเอง” บ่อยเข้า ระวังเจ้าเพื่อนที่อุตส่าห์มาพูดคุยด้วยจะเหยียบเอานะ อ่ะนี่ยกตัวอย่างของการโทรศัพท์มานี่หว่า ดังนั้น “เพื่อนรักร้าว” ก็ไม่ได้เข้ามาใกล้ตัวเราอิอิ แต่อาจถูกขัดคอกลับไปได้มั่ง
นี่แน่ ผลแห่งการพูดเรื่อยเปื่อย และเอาเรื่องของตัวเองมาปนกะเรื่องของเพื่อนร้าก ที่กำลังรักร้างก็เงี้ยะ เหตุนี้ หากเพื่อนอยากหารือเรื่องทุกข์ ในใจด้วยก็ช่วยรับฟังหน่อยเหอะ ยาหยี นะนะ
2. ในกรณีที่เพื่อนขอพบ เพื่อพูดคุยกันแบบนัดไปทานข้าวหรือนัดไปช็อปปิ้งด้วยกัน แล้วเพื่อนกะคุยกับเรา ในเรื่องหวาดเสียวนี้
ก็กรุณา “รับนัด” ซะเดี๋ยวนี้ ถึงแม้คุณจะงานยุ่งแสนยุ่ง หรือมีนัดทำธุระปะปังที่แสนเบื่อก็อย่าไปเบื่อเพื่อนมันเลย หวังว่าคุณๆที่รักจะสามารถปลีกตัวจากภารกิจทั้งหลายทั้งปวงมา “ให้เวลากับเพื่อน” ได้นะ ซึ่งเรื่องการปลีกเวลาหรือปลีกตัวมาให้เพื่อนที่มีปัญหารักไม่สมบูรณ์พูนสุข เนี่ยะ ก็เข้าใจนะว่า บางครั้งคุณก็ไม่สามารถเจียดเวลาที่มีอยู่น้อยนิดมาให้เพื่อนจริงๆได้หรอก... แต่ความเป็นเพื่อนสุดประเสริฐเลิศสะแมนแตนของคุณ อีกนั่นแหละ ที่ทำให้ เอ่ยปากปฏิเสธเพื่อนไม่ได้......เพื่อน อย่างนี้หายาก นะเฟ้ย จึงควรสงวนไว้เป็นเพื่อนกันตลอดไป๊...เฮ
ทีนี้เวลาเพื่อนกำลังชีช้ำจากรักต้องการคุณ ก็อย่าลืมเจียดเวลาให้เค้านะ รับรอง “เจ้าเพื่อนที่ประสบปัญหารักปรวนแปร” จะไม่ลืมความดีของคุณเชื่อดิ่
ยกเว้นมันเป็นเพื่อนไม่รักดี หรือไม่เคยเห็นความดีของเพื่อน แต่เวลาทุกข์ใจขึ้นมาเมื่อไหร่ละก็ โอ้ย....เพื่อนเกิดอยากมีเพื่อนไว้ปรับทุกข์ขึ้นมาเชียว แต่พอมีความสุขกลับไม่เห็นหัวใครสักคน เพราะลืมเพื่อนแสนดีอย่างเราไปซะฉิบ อุ้ย.... เผลอบ่นได้ไงไม่รุ!
3. ตามประสาเพื่อนของคู่นี้ (ก็คู่ที่กำลังมีปัญหาฟามรักน่ะสิ) พวกเราย่อมให้คำแนะนำในเชิงให้ทั้งสองฝ่ายกลับมาสมานรักกันอีกแหงๆ
ใครขืนยุให้เลิกกัน ไอ้นี่คงถูกมองเป็น หมา....เอ้ย...เป็นสุนัขแหงเลย โดยเฉพาะตอนเจ้าเพื่อนของพวกเราคู่นี้ เกิดคิดได้ในภายหลังว่า ตูไม่น่าไปปรึกษาเพื่อน “ใจร้าย” อย่างไอ้นี่เลยวุ้ย!
กระนั้น หากอยากยุแยงตะแคงรั่วจริงๆก็มี ข้อยกเว้น เพราะใช่ว่าคู่รักทุกคู่ เค้าเหมาะสมกันไป ซะหมดที่ไหนล่ะ มีตั้งหลายคู่ไม่รู้อยู่กันไปได้ไง เดี๋ยวๆก็ชอบโอดครวญว่า ถูกทำร้ายร่างกาย หรือไม่งั้นก็ไปปรึกษาญาติๆว่า อีกฝ่ายไม่เอาใจชั้นเลยอ่ะ! แต่บางคู่ที่บ่นงี้ก็ยังอยู่ด้วยกันได้อีกนี่ดิ่....ทำให้เง็งไหมล่ะ
ดังนั้น หากแฟนเพื่อน “ร้ายกาจ มหากาฬจริงๆ” ก็ยุให้เลิกๆไปซะเร็วๆน่ะดีแล้ว.....อ่ะช่วย ไม่ได้ เผอิญเป็นคนตรงไปตรงมา ก็งี้ ขี้เกียจเก็บๆซ่อนๆความรู้สึก....มีไรปะ
แต่ก่อนทำอะไรลงไป ไม่ว่าจะยุให้เลิกหรือส่งเสริมให้รัก กรุณาอย่าสะเหล่อทำอะไรบ๊องส์ๆ แบบไม่คิดให้ถี่ถ้วนนะ
ยิ่งถ้าทำเพราะหมั่นไส้ว่า “เจ้าเพื่อนคู่นี้รักกันเหลือเกิน” เลยเกิดอาการ “เจตนาดีแต่ประสงค์ร้าย” ก็อย่ารีรอที่จะเป็น กขค. (ก้างขวางคอ) โอ้ย....พูดผิดอีกแล้ว ทางที่ดีน่ะ อย่าไปอิจฉา หรือหมั่นไส้ พวก เค้าเลย ถึงแม้คุณผู้อ่านยังไม่มีแฟน ก็ไม่ควรอิจฉาตาร้อนพวกเค้านะ ปล่อยให้เค้ารักกันน่ะดีแล้ว แล้วค่อยรู้พวกเค้ารู้สันดานกันภายหลัง มันไม่มันกว่ารึฮ้า
4. ในฐานะเพื่อน หากรู้สึกช็อกกับ “รักร้าว” ของคู่เพื่อนรักของคุณ ก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะจู่ๆ พวกเค้าเคยรักแล้วมา “เลิกคบ” เพื่อนอย่างพวกเราย่อมมีเสียใจมั่งละ...แต่อย่ามาแย่ง “แฟนเรา” ไปเป็น “แฟนเพื่อน” ละกัน....ขอร้องล่ะ ฮิฮิ. หาคู่ หาเพื่อน หาแฟน www.thaidarling.com

Sunday, November 2, 2008

คุณมีแฟนแบบไหนกันแน่?

เคยสังเกตตัวเองหรือแฟนของคุณมั้ยว่า ต่างคนต่างเป็นคนรักหรือแฟนแบบไหนกันแน่? เพราะคนเราย่อมต่างจิตต่างใจ แถมยังมาจากต่างที่, ต่างทาง และถูกเลี้ยงดูมาจากสิ่งแวดล้อมไม่เหมือนกันซะด้วย แต่...ถึงกระนั้นสองเราก็เป็นแควน (หรือแฟน) กัน (.....เข้าไป) ได้
งั้นมา...มะมาพิจารณากันเหอะว่า คุณเป็นแฟนประสาอะไร....เอ๊ย...แฟนของคุณเป็นอย่างไรกันแน่? เช่น......
1. เป็นแฟนช่างจับผิดเรอะเปล่าจ๊ะ
จริงๆแล้ว อาจไม่ได้ตั้งใจอยากจับผิดอะไรกับ “สุดเลิฟ” ร้อก เพียงแต่ธรรมชาติของคุณ (และอีกหลายคน) ดั๊น....เป็น คนช่างสังเกตมาตั้งแต่เกิด ดังนั้น คงสังเกตมากไปนิ้ดนึง ทำไปทำมา จึงกลายเป็นการจับผิดไปโดยไม่รู้ตัว โอ้โห...ขนาดแฟนมีกระเป๋าใบใหม่ก็แซว, จะเดินทางไปบ้านเพื่อนอยู่รอมร่อแบบเปิดประตูแล้ว และแต่งตัวงามขึ้นกว่าเดิมหน่อย....ก็ถูกถามอีกว่าไปกับเพื่อนคนไหน?, ไปกันกี่คน?, ไปที่ไหน? อู๊ยกว่าจะตอบเสร็จ ก็เลยเวลานัดไปแล้ว เฮ้อ! ไม่รู้กรรมของกูหรือกรรมของใคร? แทนที่จะถามว่า เรามีเงินติดตัวไปรึเปล่า? น่าถามงี้มากกว่านะ
2. เป็นแฟนที่เอาแต่ใจตัวเอง
มีแควนแบบนี้ ที่จริงดีออก ปล่อยให้เค้าเอาแต่ใจตัวเองไปเรื่อยๆ แล้วเราก็ชะแว้บไปมีกิ๊กที่น่ารักกว่าซะเลยดิ่ เพราะมีเหตุผลที่จะเตลิดไปหาคนคุยคนใหม่แล้วนี่หว่า.....แต่นี่พูดเล่นนะ ไม่อยากให้ทำจริง ทางที่ดี ทั้งคู่ควรหาเวลาคุยกันถึงปัญหานี้ให้เคลียร์กันไปเลยเถอะ เพราะไม่มีใครคนไหนอยากมี “คนใกล้ชิด” แบบนี้หรอก แต่หากผู้ใดรับความเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองของอีกฝ่ายได้ ก็ดีน่ะสิ (ดีกะผีตรงไหน เชื่อว่าคุณผู้อ่านทราบอยู่แล้วใช่ม้า)
3. แฟนแบบทำตัวไม่อยากเป็นแฟน หรือแฟนชอบเล่นตัว ก็ได้
อ่านแล้วอย่าเพิ่งงง ในที่นี้หมายถึงแฟนแบบว่า พอคุณกะแฟนอยู่ต่อหน้าคนอื่นเมื่อไหร่ละก็ เค้าจะทำเป็นไม่ใช่ “แฟน” ของคุณทันที อ้าว! ก็ไม่อยากเปิดเผยให้คนอื่นรู้ไงว่า ตัวเองมีแฟนแล้ว จึงทำสะดิ้งปลิ้นปล้อนเวลาพาแฟนตัวจริงไปไหนมาไหนไงล่ะ แฟนหยั่งงี้มันน่า....ทำไง? เติมเอาเองได้ตามใจชอบ เช่น น่าตบ, น่าเหยียบ หรือน่าถองอะไรเงี้ยะ แต่หากใครชอบมีแฟนแบบนี้ก็ตามใจดิ่ แถมอยากแสดงความสะดิ้งตอบเค้าใช่ไหมล้า รู้นะ คิดอะไรอยู่?
4. แฟนแบบเปิดเผย
เพราะวิวาห์กันแล้ว อ่ะก็แจกซองแต่งงานอย่างเป็นทางการแล้วนี่ ไอ้จะปิดบังอำพรางคดี แม้บางทีเค้าก็นึกอยู่เหมือนกัน...แต่ดิ้นไม่หลุดไง ดังนั้น หากไปจ๊ะจ๋าพูดคุย หรือจีบคนอื่นที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว เค้าก็ได้คะแนนพิศวาสไป เพราะ เวลาจีบคนอื่น.... รู้สึกสนุกกว่าจีบแฟนตัวเองนี่หว่า ในทางตรงข้าม หากใครๆเค้ารู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองว่าไม่โสดสนิทซะแล้ว เจ้าตัวคงหลบหลีกคำถามลำบากสิท่า โถ....วิวาห์แล้วก็ควรซื่อตรงต่อตัวเองและครอบครัวสิจ๊ะ
ถ้าใจยังอยากมีกิ๊กอื่นอีก เพราะมีเท่าไหร่ก็ไม่พอ แล้วจะไปหลอก... เอ๊ย ชวนอีกฝ่ายแต่งงานด้วยทำไมมิทราบ? แต่โปรดเข้าใจนะว่า ที่เขียนนี่ไม่ได้เจาะจงว่า เป็นเพศใดนะฮ้า เพราะแต่ละเพศก็ใช่ย่อยที่ไหนล่ะ อีกอย่าง “ความเบื่อหน่าย” ก็ทำให้เสียเส้นด้วย
5. แฟนแบบชอบสนุกกับการมีเพศสัมพันธ์ประเภทรีบเร่ง
แบบแฟนคุณไม่เคยรีรอ หรือคอยท่า (แปลว่า ไม่รู้จักกาลเทศะ) และไม่มีศิลปะแห่งการกระชับสัมพันธ์เลยสักนิด คิดแต่ว่าสองเราเป็นแฟนกันแล้วจะทำอะไรกันยังไงก็ทำได้...(จริงอ่ะ) ยิ่งไปกว่านั้น เค้าไม่ใส่ใจด้วยซ้ำไปว่า อีกฝ่าย (ก็คู่ขา...เอ๊ย คู่รักของเค้านั่นแหละ) จะตาม ทันเกมเสน่หา ทะลวงลึกและจู่โจมอย่างหื่นกระหายได้รึเปล่า?
หากคุณเองก็ชอบให้เค้ากระโดดเข้าหาคุณแบบ “เสือหิว” ล่ะก็ หยั่งงี้ดิ่ถึงเป็นคู่ที่เหมาะเหม็งกันที่ซู้ด แสดงว่า ต่างฝ่ายต่างสนใจในรสพิศวาสคล้ายๆกันจึงไปด้วยกันได้ นี่หากคุยโม้ว่าคู่นี้รักกันจนเตียงหัก ยังได้เลย ก็อีกฝ่ายสนใจแต่เซ็กซ์อย่างเดียวนี่หว่า
6. แฟนแบบจองตัวกันไว้ตั้งแต่เกิดโน่นเลยเชียว
เช่น คู่ที่ถูกผู้ใหญ่ของทั้งสองจับมั่นหมายกันตั้งแต่คุณแม่ของทั้งคู่ตั้งครรภ์นั่นแหละ ซึ่งในละครทีวีเห็นมีเนื้อหาแบบนี้บ่อย แต่ชีวิตจริงสมัยนี้ไม่รู้ดิ่ว่ายังมีอีกหรือเปล่า? กระนั้น บรรดาเศรษฐีเงินถุงเงินถังก็ชอบจับคู่ให้ลูกอยู่ เผื่อจะได้เชื่อมโยงตระกูลไฮโซไว้ด้วยกัน คงงั้นแหละ....แต่เอ่อหากวันไหน ท่านมหาเศรษฐีรายใดเกิดเปลี่ยนใจ ให้คนโลโซอย่างเมอร์ลินเข้าตระกูลเมื่อไหร่? ช่วยกระซิบบอกด้วยเด้อ เผื่อจะได้เล่นตัวกะเค้ามั่ง
7. แฟนมหาประลัย เพราะไม่รู้จะมีแฟนหยั่งมันไปทำอะไรน่ะสิ
แฟนตามข้อนี้ เชื่อว่า ท่านผู้อ่านคงเคยผ่านตา หรือบางคนอาจผ่านมือมาแล้วด้วยซ้ำ ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ยืดยาวเนอะ ขืนพูดไปก็ซ้ำซาก
จึงสรุปเลยละกัน ตามคำกล่าวที่ว่า “คบคนให้ดูหน้า ซื้อผ้าให้ดูเนื้อ” น่ะ กรุณาอย่าไปดูแต่หน้าอย่างเดียวเพราะหลอกตากันได้! ควรพิจารณาอย่างอื่นด้วย เพราะใครจะรู้ตั้งแต่แรกล่ะว่า หน้าตาคล้ายโอซามา บิน ลาดิน น่ะ จะโหดปานนี้ หรือบางรายหน้างี้งดงามเชียว ประมาณน้องๆนิโคล (ยังไม่ได้ระบุซะหน่อยว่านิโคลไหน?) แต่ปากจัดอย่างกะอะไรดี ส่วนบางคนก็ร้ายเหลือที่จะพรรณนา จึงอยากให้ดูที่ใจน่ะชัวร์สุด. หาคู่ หาเพื่อน หาแฟน www.thaidarling.com
คลิก Older Posts เพื่ออ่านหน้าต่อไป