ข้อมูลและรูปภาพเกี่ยวกับจังหวัดภูเก็ต

Saturday, October 25, 2008

ปากกับใจไม่ตรงกัน

รู้น่าทุกท่านทราบว่า คนเราน่ะ ปากกับใจไม่ตรงกันเป็นอย่างไร? เพราะแม้แต่คุณผู้อ่านเองก็เคยเป็นงี้ใช่ไหมล่ะ...........ถึงปากอย่าง-อย่างว่า บอกไม่รัก-แต่ใจจริง “เวลาเดินจากกันทีไรใจหายแป้ว เพราะรักมากทู้กที”...ซึมๆ เอ๊ย.......ซึ้งล่ะซี้
แต่นี่คือตัวอย่างของอาการปากกับใจไม่ตรงกัน ในด้านความสัมพันธ์ของหญิงที่กำลังมีคนมาจีบ หรือหญิงที่กำลังมีความรักเท่านั้นนะ ไม่ เกี่ยวกับประเด็นการทำงานอย่างจริงจัง ไม่ใช่การวัดว่า หญิงหรือชาย เพศไหนทำงานดีกว่ากัน ไม่ได้ บอกว่า ผู้ชายชอบทำร้ายผู้หญิงแค่ไหน....เอ๊ะมันเกี่ยวกันไหมเนี่ย และที่ไม่แน่ๆ ไม่ใช่ความคิดของสาวๆทุกคน แต่นี่คือแซมเปิ้ลที่อยากเล่าให้ฟังเท่านั้น เช่น...
1. ถ้าสาวพูดว่า ชั้นแค่ยังไม่พร้อมที่จะ มีความสัมพันธ์กับใครตอนนี้?
ความหมาย คือ ชั้นไม่อยากคบคุณ (คนที่....โคตรบังอาจมาจีบ) หรอกย่ะ....รู้ไว้ซะ!
2. ถ้าหล่อนเอ่ยเอื้อนว่า ชั้นรู้สึกใกล้ชิดกับคุณ โอ... คุณช่างรู้ใจชั้นไปหมด? (อึ่ย.... น่ากลัวเนอะ---เติมเองจ้า) ความหมาย คือ ชั้นเริ่มอยากให้เราใช้คำว่า เลิฟ (รัก) ได้แล้วนะ แต่ชั้นไม่อยากเริ่มพูดก่อนรู้ปะ
3.ถ้าสาวตอบคำถามของผู้ที่บังอาจ...เอ๊ย บังเอิญถามว่า หล่อนมีแฟนรึยัง? แล้วหากเธอบอกว่า แฟนน่ะเหรอ ชั้นอาจมีหรือไม่มีก็ได้ แต่ไม่ใช่คุณ(ที่มาจีบ)แน่ๆ ความหมายจะเป็นอะไรไปซะอีกล่ะ ก็ต้องคือ จะมาขอชั้นไปดินเนอร์ด้วยรึยะ ชั้นไม่ไปหรอก เมินซะเหอะ และความจริงเหนือจริง ได้แก่ ชั้นยังไม่มีแฟนอย่างเป็นเรื่องเป็นราวหรอก แต่เอ็งก็อย่าสะดิ้งมาจีบเลย ไม่ใช่เปก (สเปก) ชั้นซะหน่อย
แถม หน็อยแน่ ตาเค้าคงบอดด้วยมั่ง มองไม่เห็นรึไงว่า ชั้นมากับเพื่อนๆชั้นนะ จะมาจ่งมาจีบอะไรตอนนี้ ไปหาคนจีบเอาชาติหน้าไป๊.... เห็นทีบางคนคงต้องไปเปิดเพลงซึมจ๋อยฟังแล้วเชอะ
4.เมื่อสาวถามใครสักคน (ที่หล่อนสนใจอย่างจริงจัง) ว่าคุณกำลังคบใครอยู่หรือเปล่า? หล่อนหมายถึง ชั้นอยากเขียนใบสมัครเป็นแฟนของคุณเหลือเกิน.......สนใจๆๆ มากๆ ไม่งั้นไม่ถามงี้หรอก ถามอย่างอื่นดีกว่า เช่น ถามว่า มีเมียแล้วสะเออะอยากมาจีบชั้นทำไม...เชอะ หรือทำไมคุณน่ารักจนน่าจีบอย่างนี้ อู๊ย ขืนพูดตรงขนาดนั้น จะถามเค้าว่ากำลังคบใครอยู่ทำมั้ย บอกไปเลยว่าชั้นรักคุณซะหมดเรื่อง เข้าท่ากว่าจริงๆด้วย หนับหนุนออกนอกหน้าเกินไปไหมเนี่ย?
5. หากสาวเปรยว่า ชั้นไม่อยากทำลายความสัมพันธ์อันดี ระหว่างความเป็นเพื่อนของพวกเราร้อก
แปลว่า ชั้นไม่ได้ สนใจคุณเลย แค่เพื่อนก็เกินพอ........รู้สึกว่า หล่อนเปล่าพูดนะ เพราะคนเขียนนั่นแหละพูดเอง... อ้าว! สะเออะขึ้นมาเชียวไหมล่ะผู้สะเออะหรือสาระแนตัวจริง อยู่นี่เอง 555
6. หากสาวมีคนรักแล้ว และเผอิญทั้งคู่ คบกันมานานราว 3 ปีขึ้นไป วันนึงเธอดันถาม “คนรัก” ขึ้นมาว่า ชั้นยังสวยอยู่หรือเปล่า?----โปรดทราบว่า เป็นคำถามกวนใจคนที่หล่อนคบด้วยมาก
แปลว่า หล่อนอยากให้คนเลิฟหรือคนที่คบกับเธออยู่ชมเธออีกน่ะสิ ว่า เธอยังสวย...แค่ไหน? และสวยวันสวยคืน ไม่ใช่โทรมวันโทรมคืน เพราะชั้นไม่ใช่ป้าหรือยายของคนเลิฟนะเฟ้ย แต่ชั้นน่ะ เป็นแฟนเค้า ยังจำกันได้เรอะเปล่า? ฮันนี่! ปรากฏว่า ฮันนี่น่ะ ยังจำได้ แต่จำ “สาวคนใหม่ที่เค้าแอบไปคบด้วยนะ” อ้าวๆๆ คิดงี้ ก็สวยดิ่
7.กรณีสาวมีคนรักแล้ว และเกิดนึกอยากถาม “คนที่หล่อนคบด้วยหรือเป็นแฟนกันแล้ว รึเป็นอะไรต่อมิอะไรกันเลยกว่านี้ไปแล้วก็ได้” ว่า ชั้นอ้วนไปรึเปล่า? อย่าลืมนะจ๊ะว่า เรื่อง อ้วน เอิ้น น่ะ ยิ่งใหญ่สำหรับอิสตรีมากจริงๆนะตัว
ก็หมายฟามว่า คนเลิฟของหล่อนควรตอบว่า อ้วนอะไร...ยายช้างน้ำ ตรง “ยายช้างน้ำ” น่ะ ห้ามพูดเด็ดขาด เพราะหัวขาดเชียวนะ อย่างน้อยคุณ (หรือเค้า=คนที่หล่อนคบด้วย จะเข้าใจกันได้หรือยัง? แฮ่ๆ) ควรให้กำลังใจเธอเยอะๆ เถอะว่า คุณยังสเลนเดอร์ หุ่นงี้เช้งกระเดะอยู่เลย คิดมากไปได้ แล้วก็ทำสีหน้าให้จริงจังตามคำพูดด้วย อย่าลืมว่า ถึงแม้ผู้หญิงอยากได้ยินคำชม แต่ ไม่ควรชมให้เว่อร์ ถ้าชมเว่อร์ไป จับได้จะยิ่งเจ็บใจ หนำซ้ำเจ็บใจอย่างเดียวไม่พอ ยังจะทำให้กินอะไรไม่ลงอีก เพราะอยากสเลนเดอร์จริงๆไง จึงยิ่งควรให้กำลังใจหล่อนมากๆ ไม่ให้ “กำลังใจ” กันน่ะน่าดู
8. เกิดสาวพูดกับแฟนหรือคนที่คบด้วยว่า ชั้นไม่เข้าใจ (ไม่เก็ต) ในตัวเพื่อนๆของคุณเลยจ้า....ตอนที่เค้าพาเพื่อนๆมาพบหล่อนละก็ นั่นหมายความว่า เพื่อนของคุณทำไมถึงคบกันเข้าไปได้นะ คบแล้วมันดีต่อความสัมพันธ์ของพวกเราหรือ? เออนั่นสินะ ตอบหน่อยสิ
9. ถ้าสาวพูดกับคนที่คบขึ้นว่า ชั้นอยากแต่งงาน อยากแต่งงานเข้าใจมะ? หมายฟาม ว่า หล่อนอยากแต่งงาน ก็ตามนั้นแหละ คราวนี้ ปากกับใจตรงกันขึ้นมาเชียว แต่...แท่น แท้น...คนที่คบด้วยจะอยากแต่งด้วยรึเปล่า? นี่สิ! เอ่อคือ ถ้าหล่อนโดนอึ๊บแล้ว ก็ไม่ทราบจะแต่งไปทำไม หรือแต่งไปหาอะไร? (ถ้าเค้าไม่ได้รักหล่อนจริงนะ) แต่ถ้ายังไม่โดนอึ๊บรับรองรีบวิวาห์ด้วยแน่ เพราะอะไรต้องบอกด้วยเหรอ?
กระนั้น ความจริงเหนือสิ่งอื่นใด ก็คือ ฝ่ายชายเอง ก็ปากกะใจไม่ตรงกัน......มี อย่าโกหกว่าไม่มี ต่อให้ “อมอะไรมาพูดก็ไม่เชื่อ” ซึ่ง เรื่องทั้งหมด มันก็เป็นอย่างนี้ละฮ้า. หาคู่ หาเพื่อน หาแฟน www.thaidarling.com

Saturday, October 18, 2008

สาวล่าหัวใจ จีบยังไงให้ได้แฟน?

สมัยนี้มีสาวเยอะแยะที่ใจกล้าหน้าด้าน....เอ๊ย มีความตั้งใจจริง (มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่หน้าด้านเฉพาะในคลิปวีดิโอโชว์สยิว) ทว่า สาวทั่วไปแน่นอนว่า ย่อมอยากมี “ใครสักคน” มาแนบกาย เฉกเช่นเพื่อนสนิท แล้วค่อยเลยเถิดเป็น “กิ๊ก” และไปเป็น “แฟน” ซะเลย แต่แทนที่จะนิ่งรอ, นั่งรอหรือแม้แต่นอนรอ ก็ไม่เห็นมีเหยื่อปรี่เข้ามาเสนอตัวเป็น “อัศวินขี่ม้าขาว” เลยวุ้ย! เชอะ...น่าน้อยใจในชะตากรรมที่มีอะไรไม่รู้ไปสะกดดวงเนื้อคู่ ไม่ให้ “มีแฟนเป็นเรื่องเป็นราว” สักที
จึงทำให้สาวๆ กลายเป็นคนไร้แฟนแต่มีกิ๊กกันเกลียวกราว ทั้งที่กิ๊กน่ะ ไม่ใช่แฟน ทำแทนกันไม่ได้ เสียเซลฟ์ (เสียความมั่นใจในตัวเอง) ไปตามๆกัน ผู้หญิงบางคนงี้ผ่านร้อนหนาวมาแล้วไม่รู้เลยเลข 3 ไปแล้วกี่ปี ก็ยังหาแฟนไม่ได้ตามเคย โอ๋ๆ อย่าเสียใจ เอ๊ะแต่ได้ยินบางคนพูดขึงขังว่า ขืนมีแฟนเฮงซวยก็อย่ามีซะดีกว่า...โหมีจุดยืนมั่นคงจังนะ แต่เนื่องจากสาวๆที่อยากมีแฟนอยู่ในสังคมอันแออัดนี้อีกเพียบ จึงอยากชวน “สาวโสดติ๋มๆ” ที่ปรารถนามี “คนพิเศษ” (ซึ่งจะเป็นใครและเพศไหน ก็สุดจะเดา แต่ขอให้ดีกะหล่อนก็พอ) แปลงกายเป็น “สาวนักล่าหัวใจ” บุกเข้าไปจีบเค้าก่อน ไหมล้า
แต่ขอสัก 2 อย่างนะ ก.ถ้าอยากมีแฟนจริงละก็ ไม่ควรนั่งอยู่กะบ้านทั้งวันทั้งคืน ยกเว้น หาแฟนทางอินเตอร์เน็ตก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าอยากสัมผัสแบบมีตัวตนมากกว่า ชนิดเห็นตัวจริง เสียงแท้ และวัดใจกันไปเลย ก็เจอกันแบบ เฟซ ทู เฟซ (ต่อหน้าต่อตา) ซะสิ
ข.ไปสถานที่ที่มีกลุ่มคนสุมหัวกันเยอะๆหรือพอดิบพอดีก็ได้ ที่นั่นอาจทำให้คุณมีโอกาสได้จ๊ะเอ๋กะใครสักคนแล้วปิšงเค้าขึ้นมาได้นี่ แต่อย่ามัวปิšงคนอื่นจนเพลินลืมโปรยเสน่ห์ ให้เค้าสนใจหล่อนกลับไป ก็จบกัน
ดังนั้น สาวๆ เอ๊ย หากหวังอยาก “จีบ” ใคร สักคน โดยไม่ทำให้คนอื่นที่มองเห็นเหตุการณ์ฉายเดี่ยวแถมเป็นฝ่ายรุกเค้าก่อน ต้องอ้าปากหวอและตาเหลือกในความใจกล้าท้าชิง “หัวใจ” ของผู้โชคร้าย...เอ๊ยโชคดีละก็ ช่วยเก็บอาการของความเป็นสาวเร่าร้อน, เร่งรัด และยัดเยียดหน่อยนึงนะ
เพราะขอบอกว่าผู้โชคดีบางคนอาจไม่ชินกับการที่มีสาวแปลกหน้าเข้าใกล้แล้วแกล้งโปรยเสน่ห์และจีบเค้าร้อก หนำซ้ำ มีนะคนที่ไม่ชอบถูกจีบก่อนน่ะ.... แน้ สงสัยอยากจีบเองละซี แต่ต่อให้ไม่อยากถูกจีบก่อน ก็แอบรู้สึกดี๊ดี เพราะมีสาวมาสน โหปลื้มจี๊ดจ๊าดแย้วใช่ม้า
ฉะนั้น ถ้าอิสตรีอยากจีบ-ใครสักคน-จริงๆล่ะก็ ทำงี้ซี เช่น...
1. ปฏิบัติต่อ “คนที่คุณเล็งไว้” ด้วยความสนใจเต็มที่
แต่ถ้าเกิดโปะเชะ “คนที่คุณไม่สนซะหน่อย” กลับเข้ามาจีบคุณเข้าล่ะ หล่อนก็อย่ารีบไล่ตาคนนี้ไปซะเร็วๆละกัน เพราะมีสายตาของคนอื่นที่อยู่รายล้อมรอบตัวหล่อนกำลังมองอยู่น่ะเซ่ ว่าหล่อนจะรับมือกับสถานการณ์นี้ยังไง? อีกอย่างหากหล่อนหัวเราะอย่างผิดหวังหรือดูแคลน และแสดงท่าทีไม่พอใจละก็ รู้ไว้เหอะว่ากำลังตัดโอกาสตัวเองในการที่จะมีคนอื่นๆ เข้ามาจีบอีกเรื่อยๆไงล่ะ เหตุนี้สิ่งที่ควรทำ ได้แก่กลั้นใจพูดอะไรบางอย่างที่ดีกับ “คนที่อยากจีบหล่อนแต่เธอมองว่ายังไม่ใช่” อย่าง “ดีนะที่คุณเข้ามาคุยกับชั้น” หรือ “คุณชื่ออะไรนะ?” (บอกมาเลย.... เดี๊ยนไม่สนร้อก ถามไปงั้นแหละ 555)
ที่ทำงี้ เพราะอยากสร้างภาพให้ “คนที่ชั้นสน” และเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่รู้ไว้สิยะว่า ชั้นน่ะปากหวานไม่ใช่ปากหมานกะใครก็ตามที่เดี๊ยนไม่ชอบ ขนาดไม่ชอบยังกุลสตรีขนาดนี้ แล้วถ้าคนที่ชอบมาคุยด้วยล่ะ อุ๊ย....คงไม่ต้องสาธยายใช่ไหมยะ ว่าชั้นจะปรนนิบัติพัดวีเค้าขนาดไหน ฮ่ะๆๆ
2. เวลาอยากจีบใครสักคน อย่าได้ริไปนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนหญิงของคุณเข้าล่ะ เวลาตั้งใจจีบต้องจีบเดี่ยว
โดยมากคนเราไม่อยากถูกสาวปฏิเสธต่อหน้าบุคคลที่ 3 หรือต่อหน้าคนอื่นร้อก ดังนั้น ถ้าคุณตัดสินใจบินเดี่ยวไปเที่ยวคนเดียวข้างนอกเพื่อการนี้โดยตรงก็กล้าๆหน่อย เพราะขืนสาวๆยังเกาะอยู่กับกลุ่มเพื่อนละก็ หล่อนอาจพลาดโอกาสได้พบคนที่หล่อนอยากอ้อนเค้าก็ได้นะ อ่ะคุยเรื่องนี้ขึ้นมาก็นึกขึ้นได้ว่า ถ้าไปสถานที่อโคจรก็ควรเลือก “คนมาชอบกัน” ด้วยเหตุผลนิ้ดนึง เพราะคนดีมักสุภาพและขี้อายเกินกว่าจะเข้าไปรบกวนหรือจีบสาวด้วยความห้าวก่อนอ่ะดี้
3. กระซิบกระซาบกับเพื่อนเพื่อเรียกร้องความสนใจสิ
เผื่อ “คนที่คุณสน” หันมาเห็นพฤติกรรมที่หล่อนกำลังกระซิบกระซาบกับ เพื่อนแล้วเห็นเสน่ห์ในตัวคุณที่เคยเห็นเป็นปีศาจ อ่ะ...ไม่ใช่ปีส่ง ปีศาจหรอกพูดเล่น แต่เป็นแม่มดตัวน้อยตัวนิดที่น่าเลิฟต่างหาก โถ สาวอุตส่าห์ทำท่าอะโนเนะเต็มที่แล้วนะ เมื่อไหร่ จะติดกับสักทีฟะ? หรือถ้าเค้ามองมาทางสาวอย่างคุณ คุณก็ฉีกปากยิ้มตอบให้เค้าซี หรือถ้าเค้าเผอิญเดินผ่านมาทางคุณ คุณก็ทักด้วยการถามสักคำว่า เสื้อของเค้าซื้อที่ไหน? ทำไมถึงส้วย สวย แล้วทำให้หน้าตาชื่นชมให้เนียนด้วยนะ
4. ถ้าเบื่อไอ้วิธีเล็กๆน้อยๆ ที่ใช้การส่งสายตาเอย, ยิ้มให้เอย หรือทำเป็นเซ็กซี่ก็ด้วย เพราะอยากให้เค้าหันมาสนใจอย่างทันทีทันใด
โห ใจร้อนจัง ถ้าอยากให้เค้าสนใจคุณแบบเร่งด่วนและเร็วกว่าความเร็วของเครื่องบินบินเร็วกว่าเสียงละก็ แต่น แท้น ลองถือแก้วที่มีน้ำอยู่เล็กน้อยหรือจะมากก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณวิ่งหนีไม่ให้เค้าตามทันได้เปล่า? แล้วทันใดนั้น พอเดินเข้าใกล้คนที่คุณชอบ ก็เทน้ำใส่เค้าเข้าไป.....หยั่งงี้รับรองเค้าปิ๊งหล่อนแน่ แต่จะปิ๊งเพราะชอบ หรือปิ๊งเพราะอยากตามไปตบฐานซุ่มซ่ามก็เสี่ยงเอานะฮ้า ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน หาคู่ หาเพื่อน หาแฟน www.thaidarling.com

Saturday, October 11, 2008

แต่งงานแล้ว ควรมีลูกเลยไหม?

เมื่อหนุ่มสาวตกลงปลงใจลงจากคานแต่ง-งานกันซะที ส่วนใหญ่อยากมีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจกันทั้งนั้น เชอะ ขนาด “คู่วิวาห์เหาะ” ที่หอบผ้าหอบผ่อนย้ายมาอยู่บ้านเดียวกัน ยัง (เผลอ เอ๊ะหรือตั้งใจไม่รู้) มีลูกด้วยกันเล้ย! เพราะ คู่ที่ว่าเค้าพร้อมปฏิบัติกามกิจ แต่ไม่อยากมีความรับผิดชอบเยอะจะตาย พวกเราจึงมักได้ยินคำว่า “มารหัวขน” หรือ โบ้ยความผิดไปให้ “ตัวอ่อน” ซะเรื่อย โถ....ตอนปั๊มปั้มกันคงสนุกสุดขีดเลยดิ่ ถึงได้ลืมเรื่องคุมกำเนิดไปซะได้
ยิ่งเดี๋ยวนี้มีวัยรุ่น (ส่วนนึง) พออยู่นอกบ้านแล้วเกิด ใจแตก “ดังโป๊ะ” ซะด้วย ถึงได้มีคลิปหลุดออกมาประเจิดประเจ้อกันบ่อยๆ แต่เนี้ยะนะสาบานได้......เอ้ย อย่าสาบานดีก่า ยิ่งฝนตกฟ้าร้อง ขืนสาบาน มันเสียวๆยังไงอยู่นะ เอางี้ ไหนๆก็ต่อว่าต่อขานวัยรุ่นที่มีพฤติกรรมเสียๆหายๆไปหน่อยนึงแล้ว จึงอยากชวนเพื่อนวัยรุ่นทั้งหลายขอให้กลับ เนื้อกลับตัวและกลับใจมารับผิดชอบ “สิ่งที่พวกคุณได้ก่อไว้ยังเข้าท่าซะกว่า” รับรอง ไม่มีวันสายเกินแก้ร้อก จะบอกให้ เพราะมีแต่สายแล้ว สายเลย ชนิดกู่เท่าไหร่ก็กู่ไม่กลับแล้วอ่ะดิ่ ก๊ากๆๆ หวังว่ามุกนี้ไม่แป๊กนะยะ
เออ พอฝอยเรื่องนี้ ก็นึกถึงโฆษณาชิ้นนึงตลกมาก เรื่องของเรื่องมีหนุ่มหน้าตาดีคนนึงพูดขึ้นว่า “ถ้าจะเลือกผู้หญิง (หรือแฟนจำไม่แม่น) ละก็ ต้องเป็นคนที่.......” แล้วทันใดนั้นสาววัยรุ่นกลุ่มนึงพยายามเอาใจหมอนี่ เพื่อให้ไอ้นี่เลือกหล่อนเนี่ยนะ! โอ้ย เห็นแล้วแทบรับไม่ได้จริงๆพับผ่า ไม่รู้ทำไมถึงบ้าบอสร้างภาพให้หนุ่มหน้าตาดี (หลงตัวเอง) ได้ปานนี้? ส่วนสาวๆในโฆษณาก็ใช่ว่าหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ซะที่ไหน ทว่าทำเป็นแย่งหนุ่มคนนี้กันอยู่ได้...แต่พอลองนึกถึงสมัยวัยรุ่น ก็จริงเนอะ ที่ใครๆก็อยากคบคนหน้าตาดีก่อนเสมอ มีใครฟะ อยากคบพวกหน้าตาแบบมนุษย์ต่างดาวราวกับอีทีบ้างอ่ะ
ชักบ่นมากไปแหละ เข้าประเด็นของสัปดาห์นี้กันเลยดีกว่า ก็เรื่องของ คู่เลิฟที่อยากมีลูก แต่ยังสองจิตสองใจว่าควรจะมีดีหรือไม่มีดีกว่ากันนั่นเอง? ถือเป็น “ปัญหาโลกแตก” ของบางคู่ “ที่รักจริงหวังมีทายาทหรือผู้สืบ สันดาน” เลยแหละ งั้นมีอะไรเหรอที่คู่เลิฟควรไตร่ตรองก่อนมีเบบี๋น่ะ ได้แก่...... 1.บางคู่แปล๊ก แปลก พยาย้ามเท่าไหร่ก็ไม่สามารถมีบุตรด้วยตัวเองได้ ขณะบางคู่ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย ก็มีลูกสมใจแล้ว
โชคดีหยั่งงี้นี่ล่ะ บางครอบครัวถึงมีลูกหลานเต็มบ้าน ส่วนคู่ที่มีลูกยาก, ลำบากลำบน อาจสันนิษฐานได้ว่า ฝ่ายชายสงสัยมีน้ำเชื้อหรืออสุจิไม่แข็งแรงแหงๆ ขณะไข่ที่ตกในแต่ละเดือนของหญิงก็ไม่สมบูรณ์ อะไรเงี้ยะ มิน่าถึงมีลูกยากซะจัง
แต่ปัญหานี้เหรอ โอ้ย เดี๋ยวนี้วิทยาศาสตร์ก้าวไกลจนสามารถช่วยให้คู่รักมีลูกมานักต่อนักแล้ว ฉะนั้น อย่ากลัวเรื่องมีลูกยาก ควรห่วงว่าคุณมีเงินมากพอที่จะไปให้ ผู้เชี่ยวชาญช่วยได้เรอะเปล่าต่างหาก.....นี่ก็แนะไปงั้น ที่จริงอยากให้การมีลูกเป็นไปตามธรรมชาติมากกว่า แถมมีหลายคู่พอรู้ตัวว่ามีลูกไม่ได้ ก็เลิกเสียดงเสียดายเพราะปลงตก ดังนั้น จึงอยู่ดูแลกันเองสิ้นเรื่อง ก็น่ารักดี
2.แต่มีนะที่คู่เลิฟฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โอ้โห ฉลาดเป็นกรด ถ้ารู้ว่าแฟนสาวมีลูกให้ไม่ได้ ก็ถือโอกาสมีอีหนูซะเลย
โห พอรู้ว่ามีลูกกันไม่ได้ โดยเฉพาะถ้าฝ่าย หญิงไม่สามารถมีได้ ก็มักถูกฝ่ายชายเอาเปรียบด้วยการต่อรองขอมี “ผู้ช่วยเมีย” ซะเลย นี่แน่ะ ไม่รู้ซะแล้วว่าข้ารอวันนี้มานานแค่ไหน ซึ่งฝ่ายหญิงก็ได้แต่อึ้งซึมจ๋องไปกับไอเดียของเค้าน่ะซี เพราะงั้นกรณีมีลูกด้วยกันไม่ได้หรือมีลูกยาก ทางที่ดี ทั้งสองฝ่ายน่ะ ควรชวนกันไปตรวจให้รู้แจ้งเห็นจริงก่อนเถอะว่า ใครกันแน่ที่เป็นต้นเหตุ ทำให้มีลูกไม่ได้? สาวๆจะได้ไม่ถูกโบ้ยว่าเป็นความผิดของหล่อนไงล่ะ
3.ภาระเรื่องการเลี้ยงดูลูกก็อีก
รับรองคู่เลิฟคู่ใด หากมีลูกก็ต้องผ่านช่วงของการอดนอน, ต้องเสียสละมาดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด แล้วไหนยังต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมให้, ต้องชงนมให้ และอื่นๆอีกเยอะแยะ ทำเอา “ว่าที่พ่อแม่มือใหม่ซึ่งเพิ่งมีลูกได้ไม่นาน” บ่นกันใหญ่เลยว่าเหนื่อยบรม เอ้า...ในเมื่ออยากเป็นพ่อแม่ นี่ จะโอดครวญอะไรล่ะ ทางที่ดีควรผลัดกันดูแลลูก และยินยอมเหนื่อยซะเหอะ แต่อ่ะๆ ตาวิเศษเห็นนะ ว่าพ่อแม่บางคนดูแลลูกไม่ได้เรื่องเอาซะเลย ทว่าชอบคิดเองเออเองว่าได้ทำดีที่สุดแล้ว...มีงี้ด้วยดิ่
4.ถ้าคู่รักมีลูกในช่วงวัยที่เหมาะสมแล้ว ไซร้ พวกคุณก็ไม่ต้องทนฟังเสียงแซวเหมือนคู่ที่มีลูกตอนอายุมากไง แต่เอ๊ะ...แล้วจะไปแคร์ กับเสียงนกเสียงกาไปทำไม ในเมื่อกะอีแค่คุณมีลูกตอน อายุมากแล้วมันไปหนักอวัยวะใครเขาเข้าล่ะ ไอ้ฝ่ายที่น่าอายน่ะ ควรเป็นคู่ที่มีลูกเร็วเพราะใจร้อนอยากมีเซ็กซ์และเพศสัมพันธ์ในวัยที่ยังไม่สมควรต่างหาก
5.พร้อมมะที่จะเลี้ยงดูลูกให้เติบโตและเป็นคนดีตามมาตรฐานสังคม
อ้าว ถ้าอยากมีลูกก็ควรวางอนาคตที่ดีให้กับเด็กๆสิ ไม่ใช่อยากมีก็มีไป เพราะไม่รู้จะไปสนอะไร โถ....ยุคเศรษฐกิจทรุดหยั่งงี้ รู้น่าว่า คู่เลิฟต่างก็ต้อง ทำงานเพื่อหาเงินนี่หว่า บ่อยครั้งจึงต้องปล่อยให้เด็กอยู่กับพี่เลี้ยงมั่ง, อยู่กับปู่ย่าตายาย หรือพี่น้องของคู่เลิฟที่ยังพอมีเวลาเลี้ยงให้ใช่มะ กระนั้นถ้าเลี้ยงลูกได้เอง ขอหนุนตรงนี้มากกว่า เอาละสิ ที่นี้คงทราบใช่มะว่า พวกคุณจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกเพียบแค่ไหน
ดังนั้น หากคู่ใดมั่นใจว่าพร้อมก็มีทา-ยาทไปเลย แต่ถ้าคิดสะระตะแล้วว่ายังไม่พร้อมหรือ “พร้อมไม่จริง” งั้นรออีกสักหน่อยคงไม่ เป็นไรใช่ไหมฮ้า. หาคู่ หาเพื่อน หาแฟน www.thaidarling.com

Sunday, October 5, 2008

เปิดศึกวิวาทะยังไง ให้ยังทนกันได้

“เฮ้ย! แกดูคู่นั้นสิ โหแฟนเค้าซื้อไอศกรีมมาฝากยายนั่นด้วย...อิจฉาเนอะ? เฮ่อ! ทีพวกเราไม่เห็นมีแฟนซะที จะได้มีใครมาเอาใจอย่างงี้มั่ง”....1 ในเพื่อน 3 สาวพูดขึ้นมา “แต่ไม่มีแฟนก็ไม่เห็นเป็นไร ถ้าพวกเราว่างเมื่อไหร่ จะได้มีอิสระ อยากชวนกันทำอะไรก็ทำ ดีซะอีกไม่ต้องบอกหรือขอแฟนให้ยุ่งยาก”.....โอ้โหเหะ คุณน้องที่พูดเมื่อกี้น่ะ ฉลาดไม่ใช่เล่นนะยะหล่อน ที่ไม่ “ยึดมั่น ถือมั่น” กับการมีแฟนหรือไม่มีแฟน ทั้งๆที่ตัวน้องเองอาจอยากมีแฟนมากกว่าใครๆในกลุ่มนี้ก็ได้ (อ้าว! จะไปรู้ได้ไงล่ะ) แต่หัด “ปลอบใจ” เพื่อนไว้น่ะ ถือว่าได้ช่วยเหลือกันแล้วรู้มะ
พูดถึงมนุษย์ นี่ก็แปลกไม่เห็นมีใครส่ายตูด.... เอ๊ยส่ายหน้า ว่าไม่อยากมีแฟนเลยสักคน เพราะใจจริงก็อยากมีกันทั้งนั้นแหละ เว้นแต่ผู้แน่วแน่จริงๆ ว่าชั้นเป็นโสดดีแล้ว ซึ่งจะด้วยเหตุผลใดก็ตามที, หรือชั้นเข็ดแล้วว่ะ แสดงว่ารายนี้คงโดนแฟนเก่ายำมาหนักสิท่า ถึงกะเข็ดไม่อยากมีแฟนอีกเชียวเรอะ
ส่วนคนที่อยากมีแฟน แต่ไม่มีแฟนสักที ก็มีสาเหตุต่างๆนานา แซมเปิ้ล (ยกตัวอย่าง) เช่น..... * เลือกคนที่จะมาเป็นแฟนมากไป หรือที่รู้ๆกันว่า เป็นคนช่างเลือก “เป๊ะ” เลย ไม่งั้นก็เข้าข้อต่อไป.....* ไม่มีเวลาพอที่จะมีคู่เป็นตัวเป็นตนอ่ะดิ่ ก่อนนี้แฟนน่ะเคยมีนะไม่ใช่ไม่เคย แต่ขัดข้องทางเทคนิค ทำให้ไปกันไม่รอด เพราะดั้นติดปัญหาว่า เวลาว่างของเรา กลับไม่ใช่เวลาว่างของเค้านี่สิ จึงไม่ค่อยได้เจอกัน, ไม่งั้นก็เจอกันลำบาก, บางคู่ต้องมีเรื่องสำคัญจริงๆถึงต้องนัดมาปรึกษากันให้ได้ แบบนี้ก็ไม่ไหวอ่ะ และยังมีเหตุผลอื่นๆอีกมากมาย จึงไม่ต้องตกอกตกใจว่า ทำไม “คุณผู้อ่านที่น่ารักของเมอร์ลิน” ถึงไม่มีแฟนสักที
เพราะมีแฟน ก็ใช่ว่าจะช่วยเติมเต็มชีวิตให้ดีขึ้นเสมอไป.....อ้าว!
แต่ยอมรับว่า มีแฟนก็เท่ากับได้ “มีใครอีกคน” มาจุ๊งจิ๊ง, วอแว, ทำน่ารักใส่กันรวมทั้งออดอ้อนออเซาะ....ดีน่ะดีไม่เถียงหรอก แต่หากพวกลื้อเกิดขัดคอ, ขัดใจและไม่ลงรอยกันขึ้นมาเมื่อไหร่สิ ถ้าเรื่องที่ทำให้เป็นปากเสียงกันยังเรื่องเล็ก คงพอทนกันได้นะ (อ่ะ...อย่ากัดฟันพยักหน้าเห็นด้วยว่าทนได้ดิ่) เพราะหากทนไม่ได้ ยังไงก็ต้องทนให้ได้.....555 ล้อเล่น ....แต่เอ้าก็เป็นแฟนกันไม่ใช่เรอะ หนักนิดเบาหน่อยถ้าอภัยกันไม่ได้ ก็ไม่รู้จะทำไงและ!
นี่แค่หยอกเล่นให้เห็นความแตกต่างระหว่างการมีแฟน กะไม่มีแฟนเท่านั้น ซึ่งการมีหรือไม่มีฟง มีแฟนอะไรน่ะ มีทั้งข้อดีและข้อเสียด้วยกันทั้งสองฝ่ายแหละ
ดังนั้น ถ้าใครมีแฟนสักคน (ขอเบรกแค่คนเดียวก่อน) ทั้งคู่ย่อมมีการพูดเล่น, พูดแหย่หรือหยอดมุกใส่กันใช่มะ แต่หากพูดกันไปพูดกันมา เกิดเป็นเรื่องขึ้นมาล่ะ? แล้วเผอิญเรื่องนั้นดันทำให้อีกฝ่ายฟังแล้วระคายหูขึ้นมาพอดีเดะ เดี๋ยวเหอะได้มีปากเสียงทะเลาะกันจนตู้เย็นที่บ้านสั่นเอานะเฟ้ย
อันว่า “การมีแฟน” นั้น น้อยรายนักที่จะไม่ทะเลาะกัน ส่วนใหญ่เกือบทุกคู่ล้วนผ่านการปะทะสังสรรค์ทางคารม, วาจา แถมบางคู่มีพฤติกรรมแสบสันสุดๆ ชนิด “ฝากแผลใจทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า” ด้วยซ้ำ ดังนั้น มามะ มาหา ทางคลายปมปัญหาการทะเลาะกันของคู่เลิฟให้ใจเย็นลง ก่อนจะสายเกินไป (หมายถึงเลิกกันน่ะสิวุ้ย) กันเถอะ แต่เอ๊....ถ้าทะเลาะ แล้วอยากคืนดีทีหลังละก็ โธ่เอ๊ย.....งั้นทะเลาะกันซะตั้งแต่แรกทำไมฟะ? เออ....แต่มีคู่ก็ต้องมีงอนกันถึงสนุก
เนี่ยแสดงว่าใจจริงก็ไม่อยาก “ปากเสียและใจร้าย” กับแฟนร้อก.....ว่าแล้วเชียวว่า คุณน้องคงอยากเลียนแบบละครตอน “ตบจูบ, ตบจูบ” ล่ะสิเชอะ แต่ระวังเจอะ “ตบแล้วไม่จูบ” เข้าล่ะ ก๊ากๆๆ ส่วน ทะเลาะอย่างไรให้ “พอรับกันได้” และไม่เลวร้ายถึงกับต้องเลิก ก็ได้แก่.....
1. อย่าทำให้เค้าโกรธสิ ว้าว!.....แนะได้กำปั้นทุบดินมาก
ขอยืนยันนะท่าน ว่าไม่ได้เล่นลิ้น-เล่นคำหรืออะไรทั้งสิ้น เพราะผู้ที่จะทำอย่างนี้ได้ ต้องรู้จุดคีมึ้ง, จุดอ่อน, จุดแข็งของแฟนว่า ควรทำอะไรเค้าถึงพอใจ และอะไรที่ทำแล้วเค้าจะไม่พอใจอย่างยิ่ง ฮึ่ม!
ซึ่งกว่าจะรู้ซึ้งถึง “ตัวตนที่แท้จริง” ว่าเค้าเป็นซาตาน เอ๊ย....เป็นคนอย่างไร? ย่อมอาศัยเวลาพอสังเขป แต่ “พอสังเขป” เนี่ย อาจหมายถึงกี่เดือนกี่ปีกี่ทศวรรษ ก็แล้วแต่ทั้งคู่ละกันว่า ได้ทำบุญร่วมกันมามากน้อยแค่ไหน? ขืนไม่มีบุญร่วมกันเลยก็มีแต่เจ๊งกะเจ๊า แต่ในที่นี้ไม่อยากให้เจ๊ง จึงขอให้ทั้งคู่ประคองความเลิฟกันต่อไปนะ แล้วจะรู้สึก?....ว่า บางเรื่องต่อให้ประนีประนอมก็แล้ว, อภัยก็แล้ว, ทำเป็นหูทวนลมก็แล้ว แต่ไม่ยักช่วยให้เลิกทะเลาะกันได้สักที.....ว้า! ซวยมั่กมากฮ่ะ งั้นจะทำอะไรแก้เคล็ดให้กลับมาคืนดีกันดังเดิมก็ทำซะ.... ถ้ายังอยากมีแฟนอยู่นะ....อ้าวไงเนี่ย!
2. อย่าเอาแต่เถียงหรือเอาชนะกันด้วยเรื่องจิ๊บจ๊อย ไม่งั้นเดี๋ยว “เรื่องไม่เป็นเรื่อง” จะกลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตได้นะเฟ้ย เตือนด้วยความสิเน่หาอ่ะดี้
3. หากไม่พอใจก็อย่าใช้คำ “ด่าทอ” เสียๆหายๆ โดยเฉพาะคำที่มีสิงสาราสัตว์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยน่ะ....ขอเลย รู้เปล่าคำเหล่านี้ยิ่งกระพือความเจ็บช้ำน้ำใจให้กันได้ง่ายที่ซู้ด บางคู่งี้ไม่ยอมมองหน้ากันก็เพราะเงี้ยะ อย่าทำเพียงเพราะความสะใจ หรือเพราะหาคำไหนมาใช้ไม่ได้ก็ด่าอย่างเดียว.....เฮ้ยไม่น่ารักเอาซะเลย
4. เมื่อมีปัญหาควรตั้งใจฟังกันมั่ง ไม่ใช่ทำเป็นหูทวนลม หรือไม่ฟังหรอก แฟนพูดอะไรก็พูดไปดิ่ แล้วทำท่าเป็นชั้นถือว่าชั้นไม่มีปัญหาซะอย่าง.... โอ๊ยคงช่วยให้หยุดมีปากเสียงกันได้หรอก.... ประชดๆ อย่าลืมสิยะ ถ้าไม่อยากให้โลกร้อนก็หยุดทะเลาะเป็นตัวอย่างสักคู่นึงก่อนซีฮ้า. หาคู่ หาเพื่อน หาแฟน www.thaidarling.com
คลิก Older Posts เพื่ออ่านหน้าต่อไป